ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 447 คำพูดของเสือกับหมาป่าแบบไหนกัน

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 447 คำพูดของเสือกับหมาป่าแบบไหนกัน

ตอนที่ 447 คำพูดของเสือกับหมาป่าแบบไหนกัน

หลังจากหลินเซี่ยรออยู่ในร้านสักพัก เจียงอวี่เฟยก็มาถึง

แถมยังมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งตามหลังเธอมาด้วย

หญิงสาวคนนี้ทำทรงผมหางม้ามัดต่ำ สวมชุดสีฟ้าอ่อน บุคลิกดูโก้หรูมาก

นอกจากนี้ยังถือกล่องอาหารใบใหญ่อยู่ในมือ

เจียงอวี่เฟยแนะนำหล่อนให้รู้จักกับหลินเซี่ย

“เซี่ยเซี่ย นี่เย่เชี่ยนลูกพี่ลูกน้องฉันเอง หล่อนเป็นครูสอนดนตรี แถมยังร้องเพลงเพราะด้วย”

หลินเซี่ยยิ้มแล้วกล่าวทักทาย “สวัสดีค่ะ ครูเย่”

“พี่สาว นี่เพื่อนสนิทฉันเองค่ะชื่อหลินเซี่ย หล่อนสวยไหมคะ?”

เย่เชี่ยนมองหลินเซี่ยและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เซี่ยเซี่ย ฉันประทับใจเธอมานานแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบเธอด้วยตัวเอง เธอสวยกว่าที่ฉันคิดไว้มากเลย”

“ขอบคุณค่ะ เข้ามาข้างในก่อนนะคะ”

เย่เชี่ยนมองไปรอบ ๆ ร้าน และถามหลินเซี่ยว่า “แล้วพี่เซี่ยอวี่อยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า?”

“หล่อนไป…” หลินเซี่ยกำลังจะโพล่งคำพูดออกมา แต่หยุดได้ทันเวลาและกลืนคำพูดกลับลงไป “หล่อนออกไปทำธุระบางอย่างน่ะค่ะ น่าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้”

เกือบลืมไปเลยว่าอาการบาดเจ็บของเย่ไป๋ถูกเก็บเป็นความลับจากครอบครัวเขา

เย่เชี่ยนถือกล่องอาหารกลางวันลวดลายสวยงามอยู่ในมือ บอกว่ามันเป็นของว่างที่แม่ของเธอนำมาฝากเซี่ยอวี่

หล่อนวางกล่องอาหารกลางวันลงบนโต๊ะกาแฟเล็ก ๆ จากนั้นหล่อนกับเจียงอวี่เฟยก็เดินชมร้านด้วยความตื่นตา

เมื่อเห็นชุดแต่งงานบนราวแขวนยาว เจียงอวี่เฟยก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

“ว้าว มันสวยมากเลยเวลามีชุดแต่งงานเรียงกันเป็นตับแบบนี้ เซี่ยเซี่ย เธอทำร้านออกมาได้อลังการมากจริง ๆ”

เย่เชี่ยนเดินดูชุดแต่งงานหลากหลายสไตล์ด้วยความตื่นเต้น “สวยทุกชุดเลย ถ้าวันข้างหน้าฉันได้แต่งงาน ฉันจะมาอุดหนุนชุดแต่งงานของเธอนะ”

หลินเซี่ยยิ้มและตอบกลับ “ได้สิ นอกจากชุดแต่งงานแล้ว เรายังให้บริการแบบครบวงจรอย่างทำผม แต่งหน้า และถ่ายรูปให้เจ้าสาวด้วย”

“ถ้าเสี่ยวเยี่ยนเป็นคนแต่งหน้า แล้วใครจะเป็นคนถ่ายรูปล่ะ?” เจียงอวี่เฟยถามด้วยความสงสัย

การถ่ายภาพธีมงานแต่งต้องใช้ช่างภาพมืออาชีพไม่ใช่เหรอ?

หลินเซี่ยตอบว่า “ฉันวางแผนจะจ้างช่างภาพอยู่ อวี่เฟย ช่วงนี้เธอยุ่งเรื่องอะไรหรือเปล่า? ทำไมไม่มาหาฉันเลย เร็ว ๆ นี้ก็ใกล้จะถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว เธอยังร่วมประกวดอยู่ใช่ไหม?”

“ร่วมสิ” เจียงอวี่เฟยอธิบายเสริม “พอดีที่สถานีโทรทัศน์มีนัดถ่ายรูปโปรโมตผู้เข้าประกวดทุกคนที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย เมื่อวานฉันก็ไปที่นั่นมา คิดว่าเธอคงยังไม่กลับ เลยไม่ได้แวะมาหา”

เมื่อได้ฟังคำตอบของเจียงอวี่เฟย หลินเซี่ยก็เลิกคิ้วขึ้น “ตกลงเธอจะไม่ถอนตัวจากการประกวดสินะ? เห็นว่าไปถ่ายรูปโปรโมตด้วย?”

เจียงอวี่เฟยตอบอย่างหนักแน่นว่า “ฉันตัดสินใจแล้ว ว่าจะเดินในเส้นทางนี้ให้สำเร็จอย่างสุดกำลังไปเลย”

“แล้วเรื่องพ่อของเธอล่ะ?” หลินเซี่ยถามอย่างไม่มั่นใจ

เมื่อถามถึงพ่อของเธอ ใบหน้าของเจียงอวี่เฟยก็หม่นหมองลง สะอื้นไห้แล้วพูดว่า “อย่างแย่ที่สุด ฉันคงต้องไปคุกเข่าขอให้เขายกโทษหลังประกวดจบ”

หลินเซี่ยยกนิ้วให้เจียงอวี่เฟยทันที “ทำได้ดีมาก ดีแล้วล่ะ”

เย่เชี่ยนพูดขึ้นว่า “เซี่ยเซี่ย ทั้งครอบครัวของเราสนับสนุนการมีส่วนร่วมของอวี่เฟย เพราะยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ทุกคนยินดีและจะช่วยอวี่เฟยจริง ๆ แม่ของฉันบอกว่าหล่อนต้องคว้าอันดับหนึ่งได้แน่ แต่ลูกพี่ลูกน้องของฉันดันเอาชนะพ่อตัวเองไม่ได้นี่สิ”

เมื่อเห็นลูกพี่ลูกน้องสนับสนุนเจียงอวี่เฟยมากขนาดนี้ หลินเซี่ยก็ยิ้มกว้างและแสดงสีหน้ามีความสุข

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจียงอวี่เฟยจะกล้าหาญขึ้นมาก เพราะหล่อนมีผู้สนับสนุนที่ดีนี่เอง

แต่เธอเองก็ไม่ได้บอกเจียงอวี่เฟยว่าพ่อของอีกฝ่ายยอมตกลงให้เข้าร่วมการประกวดแล้ว

ขณะบันทึกเทปรายการ เขาจะทำให้หล่อนประหลาดใจ

เจียงอวี่เฟยมองตัวเองในกระจกแล้วถามหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย แล้วครั้งนี้เธอจะทำให้ฉันดูออกมาเป็นยังไง?”

“ก็แค่ทำให้มันคล้ายกับสไตล์ที่ผ่านมา เพราะจะให้ดูต่างจากเดิมมากไปไม่ได้ ต้องทำให้มันดูไม่ซับซ้อนที่สุด”

หลินเซี่ยมองหล่อนแล้วแนะนำต่อว่า “นอกจากนี้ ตอนเธอเลือกชุดว่ายน้ำ ให้เลือกแบบที่อนุรักษ์นิยมสักหน่อย”

“ไม่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำวันพีซแบบมีกระโปรงเล็ก ๆ แล้ว เลือกอันที่ดูดีกว่าเดิมหน่อย”

ในเมื่อสหายหัวโบราณอุตส่าห์ยอมถอยให้แล้วก้าวหนึ่ง พวกเธอก็ควรคำนึงถึงความรู้สึกของสหายหัวโบราณด้วย

เจียงอวี่เฟยพยักหน้าอย่างให้ความร่วมมือ “เธอว่าไงฉันว่าอย่างนั้น ใส่อะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ ฉันเชื่อในทักษะของเธอโดยไม่สงสัยอยู่แล้ว”

เซี่ยอวี่กับหลินเยี่ยนกลับมาจากโรงพยาบาลพอดี ขณะที่พวกหล่อนกำลังเข้าประตูมา เย่เชี่ยนก็หันมาเจอพอดี ทักทายว่า “พี่เซี่ยอวี่”

เซี่ยอวี่รู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นอีกฝ่าย “เย่เชี่ยน ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้?”

“ฉันมากับอวี่เฟยน่ะค่ะ”

เย่เชี่ยนหยิบกล่องอาหารขึ้นมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ฉันเอามาฝากคุณค่ะ เป็นธัญพืชหมักหวาน พี่ชายเดินทางไปสัมมนาต่างเมืองใช่ไหมคะ? แม่เลยขอให้ฉันมาส่งให้คุณแทนเขา”

หลินเยี่ยนซึ่งติดตามเซี่ยอวี่ไปในฐานะผู้ติดตาม ตอนนี้เพิ่งจะรู้ความสัมพันธ์ของเย่เชี่ยนคนนี้ว่าหล่อนเป็นน้องสาวของหมอเย่ไป๋

เมื่อหล่อนได้ยินเย่เชี่ยนพูดว่าพี่ชายไปสัมมนาต่างเมือง หล่อนก็ได้แต่กะพริบตาด้วยความสับสน

ยิ่งคิดยิ่งสับสนไปหมด

เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ หลินเยี่ยนจึงคิดว่าควรพูดให้น้อยลง เลยไม่ขัดจังหวะด้วยการถามคำถามเพิ่มเติมอะไร

แค่ทำหน้าที่ของตัวเองไปอย่างเงียบ ๆ

“ธัญพืชหมักหวานคืออะไรเหรอ?” เซี่ยอวี่ถามด้วยรอยยิ้ม

“ปกติแม่จะทำขนมนี้ไว้กินดับร้อนค่ะ ที่นี่มีชามไหมคะ? จะปล่อยไว้นานเกินไปไม่ได้ ถ้าหมักนานเกินไปเดี๋ยวรสมันจะออกเปรี้ยวนำ”

หลินเซี่ยพูดขึ้นว่า “ที่นี่ไม่มีชามติดไว้เลย ไปร้านอาหารฝั่งตรงข้ามกันเถอะ”

ทุกคนกำลังไปที่ร้านอาหาร หลินเยี่ยนบอกว่าหล่อนต้องการทำสิ่งที่ทำค้างไว้ตอนแรกให้เสร็จก่อน คือกลับไปจัดทรงผมบนหัวหุ่นเสียใหม่

หลินเซี่ยตอบ “อืม ถ้าหิวก็ตามมาหาอะไรกินที่ร้านนะ”

“รู้แล้วค่ะ”

เย่เชี่ยนขี่มอเตอร์ไซค์คานโค้งมาด้วย หล่อนช่วยดึงเจียงอวี่เฟยขึ้นมานั่งซ้อน และหลินเซี่ยก็ช่วยให้เซี่ยอวี่ขึ้นซ้อนท้ายอย่างสะดวก พากันไปที่ร้านอาหารด้วยกัน

มอเตอร์ไซค์ขับมาจอดหน้าประตูร้านอาหาร สี่สาวสวยสง่าหน้าตาโดดเด่นก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์ พอเดินเข้าไปในร้านก็กลายเป็นที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที

คนที่มารับประทานอาหารในร้านต่างจ้องมองมายังเหล่าสาวงามเอวบางร่างน้อยเย้ายวนใจ

เมื่อคุณแม่เซี่ยเห็นพวกเธอ นางก็ยิ้มแล้วถามว่า “พากันมากินข้าวเหรอจ๊ะ?”

หลินเซี่ยตอบว่า “คุณย่า เรายังไม่ได้กินข้าวเลยค่ะ”

“มานั่งลงเร็ว ๆ เดี๋ยวฉันจะให้พ่อแม่เธอไปเตรียมอาหารให้”

คุณแม่เซี่ยสังเกตเห็นหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่ง คิดว่าเป็นเพื่อนของเจียงอวี่เฟย จึงส่งยิ้มให้เย่เชี่ยนและขอให้พวกเธอพากันนั่งลง

เย่เชี่ยนก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม พลางมองคุณแม่เซี่ยและทักทายอย่างสุภาพว่า “สวัสดีค่ะป้าเซี่ย ฉันเย่เชี่ยนเป็นน้องสาวพี่เย่ไป๋ นี่เป็นธัญพืชหมักหวานที่แม่ทำเพื่อดับร้อน ท่านให้ฉันเอาติดมาฝากคุณป้าด้วยค่ะ ต้องลองกินดูนะคะมันอร่อยมาก”

จากนั้นหล่อนก็วางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ

เมื่อคุณแม่เซี่ยได้ยินว่าเด็กสาวผอมเพรียวตรงหน้าคือน้องสาวของเย่ไป๋ นางก็ดูประหลาดใจมาก

“เดี๋ยวนะ เธอเป็นน้องสาวเย่ไป๋เหรอ? หน้าตาสวยมากเลยนะเนี่ย”

เย่เชี่ยนเปิดกล่องอาหาร หยิยขวดน้ำผึ้งจากข้างในถุง บอกว่าต้องราดน้ำผึ้งลงไปก่อนกิน

หลิวกุ้ยอิงนำชามเล็ก ๆ มาสองสามใบ ตักธัญพืชหมักหวานจากกล่องอาหารกลางวันลงในชาม และเทน้ำผึ้งราดลงไปในแต่ละชาม

เมื่อคุณแม่เซี่ยได้ลิ้มรสครั้งแรกก็เอ่ยปากชมเชยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“โอ้โฮ หวานกำลังดีและอร่อยมาก แถมมีกลิ่นเหมือนส่าเหล้าด้วย”

หญิงชราโบกมือให้เซี่ยอวี่และคนอื่นๆ มาชิมอย่างรวดเร็ว

เมื่อเซี่ยอวี่ตักเข้าปากไปคำหนึ่ง ก็เห็นด้วยว่ามันรสชาติดีมาก จึงตักกินคำที่สองต่อทันที

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้กินเมนูนี้เลย”

หลังจากหลิวกุ้ยอิงกินเสร็จ หล่อนก็แสดงความเห็นว่า “น่าจะมียีสต์ผสมอยู่ในนี้ด้วยใช่ไหม”

เย่เชี่ยนดีใจมากที่เห็นทุกคนชอบ “นี่เป็นขนมพิเศษจากบ้านเกิดของแม่ฉันเลยค่ะ”

คุณแม่เซี่ยชักชวนเย่เชี่ยนอย่างเป็นกันเองว่า “ถ้าพ่อแม่เธอมีเวลา เราขอเชิญพวกเขามาออกมาเที่ยวหากันหน่อยนะ”

เย่เชี่ยนตอบกลับว่า “พ่อกับแม่บอกว่าหลังพี่ชายกลับมาจากการเดินทางไปสัมมนา เราทุกคนจะมาอุดหนุนมื้อเย็นที่นี่สักมื้อค่ะ”

หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เชี่ยน คุณแม่เซี่ยก็ไม่โต้ตอบอยู่ครู่หนึ่ง “ไปสัมมนาเหรอ?”

เย่เชี่ยนพยักหน้า “ใช่ค่ะ พี่ชายไปประชุมสัมมนาต่างเมือง เหมือนพี่เซี่ยอวี่ก็รู้เรื่องนี้ด้วย”

เซี่ยอวี่ตอบจากด้านข้างว่า “อืม ใช่แล้ว”

หลังเซี่ยอวี่ตอบแบบนั้นไป ทันใดนั้นคุณแม่เซี่ยก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

หลิวกุ้ยอิงเตรียมเส้นบะหมี่เสร็จพอดีก็ยกออกมาเสิร์ฟ ส่วนคุณแม่เซี่ยก็อยู่พูดคุยให้ความบันเทิงแก่พวกเธออย่างอบอุ่น

“เอาล่ะ มาลองบะหมี่เมนูเด็ดของร้านกันดีกว่า”

หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว หลินเซี่ยก็แวะไปที่ร้านเสริมสวย มีลูกค้าเข้ามาดัดผมพอดี หลินเซี่ยจึงยุ่ง ๆ อยู่พักหนึ่ง

เย่เชี่ยนตามหลินเซี่ยไปที่ร้านเสริมสวยด้วย เมื่อเห็นว่ามีช่างทำผมสองคนในร้านที่แสดงว่าร้านนี้กิจการเฟื่องฟูไม่น้อย จึงยิ่งชื่นชมหลินเซี่ยมากขึ้นไปอีก

หล่อนวางแผนจะแนะนำเพื่อนทั้งหมดของตัวเองให้มาใช้บริการเสริมสวยกับหลินเซี่ยเร็ว ๆ นี้

“เซี่ยเซี่ย พวกเรากลับก่อนนะ”

เมื่อเห็นว่าเจียงอวี่เฟยกลับไปพร้อมกับเย่เชี่ยน เธอจึงถามว่า “ไม่กลับบ้านตัวเองหรอกเหรอ?”

“ฉันยังกลับไปตอนนี้ไม่ได้ พ่อยังโกรธอยู่น่ะ และฉันเองก็ไม่กล้าด้วย ขืนเขาเป็นบ้าแล้วขังฉันไว้อีก คราวนี้จะกลับไปเข้าร่วมการประกวดยังไงล่ะ?”

เจียงอวี่เฟยระมัดระวังตัวขึ้นมาก “เพื่อความปลอดภัย ฉันเลยว่าจะพักอยู่ที่บ้านของลูกพี่ลูกน้องก่อน หลังการประกวดจบเมื่อไหร่ ฉันค่อยกลับไปขอโทษพ่อ”

“โอเค อย่างนั้นก็ดี”

หลินเซี่ยเองกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น จึงไม่บอกเจียงอวี่เฟยเกี่ยวกับการประนีประนอมของพ่อหล่อน

ถ้าเกิดเขาเปลี่ยนใจอีกครั้งล่ะ!

ขณะเย่เชี่ยนและเจียงอวี่เฟยกำลังจะกลับบ้าน คุณแม่เซี่ยก็เตรียมผักกาดดองที่เพิ่งเสิร์ฟในร้านมาให้ รวมทั้งเมนูกระเทียมดองสูตรพิเศษของหลิวกุ้ยอิงด้วย

ทั้งสองครอบครัวไปมาหาสู่กันเหมือนดองเป็นทองแผ่นเดียวกันไปแล้ว

เซี่ยอวี่เฝ้าดูจากด้านข้าง เมื่อเห็นว่าแม่และพี่สะใภ้นำเครื่องเคียงใส่ลงในกล่องอาหารของเย่เชี่ยนอย่างกระตือรือร้น หล่อนก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

ตอนนี้สถานการณ์อยู่นอกเหนือการควบคุมของหล่อนไปเยอะมาก

ถ้าหล่อนบอกครอบครัวในเวลานี้ว่าระหว่างหล่อนกับเย่ไป๋เป็นแค่ความสัมพันธ์ปลอม ๆ เท่านั้น หล่อนอาจถูกไล่ออกจากบ้านแน่

ท้ายที่สุด ผู้ชายคนนั้นก็ถูกแทงเพราะหล่อน และตอนนี้เขายังรักษาตัวในโรงพยาบาล ด้วยความกลัวว่าครอบครัวของเขาจะเป็นกังวล จึงโกหกและแสร้งบอกว่าเขาไปทำงานต่างเมือง คงไม่ได้กลับบ้านสักพักใหญ่

เซี่ยอวี่ตกอยู่ในสภาวะสับสน

รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเหยียบย่างอยู่บนเตาไฟ

คุณแม่เซี่ยและหลิวกุ้ยอิงเฝ้าดูเย่เชี่ยนและเจียงอวี่เฟยเดินจากไปด้วยความอบอุ่นในใจ เตือนให้พวกหล่อนระวังรถราบนท้องถนน

หลังจากเฝ้าดูเย่เชี่ยนขี่มอเตอร์ไซค์พาเจียงอวี่เฟยกลับบ้าน พวกหล่อนก็กลับเข้าไปในร้านอาหาร

คุณแม่เซี่ยถอนหายใจ

“เด็กอย่างเย่ไป๋กตัญญูและมีน้ำใจมาก เพราะกลัวว่าครอบครัวจะเป็นกังวล เลยโกหกพวกเขาว่าตัวเองไปทำงานต่างเมือง”

หลังจากพูดจบก็เหลือบไปมองเซี่ยอวี่ และถามอย่างจริงจังว่า “ลูกได้ไปส่งข้าวส่งน้ำให้เย่ไป๋หรือยัง? ทำไมยังไม่กลับไปดูแลเขาอีก?”

เซี่ยอวี่ฟังคำถามของหญิงชราแล้วก็ตอบกลับด้วยความหงุดหงิด “ส่งแล้ว ฉันก็อยู่ดูแลเขาก่อนจะกลับมานี่แหละ”

มุมปากหลินเซี่ยกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดจากปากอาหญิงของเธอ

นี่มันคำพูดของเสือกับหมาป่า(1)แบบไหนกันเนี่ย?

……………………………………………………………………………………………………………..

คำพูดของเสือกับหมาป่า แปลว่า คำพูดที่สื่อเจตนาไม่บริสุทธิ์ สองแง่สองง่าม หรือฟังดูแปลกพึลึก

สารจากผู้แปล

อย่าโป๊ะเชียวนะ รักษาความลับนี้ให้ตลอดรอดฝั่งจนกว่าเย่ไป๋จะออกจากโรงพยาบาลนะ

ไหหม่า(海馬)

……………………………………

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน