ตอนที่ 450 คุณคือนางฟ้ามาโปรด
ตอนที่ 450 คุณคือนางฟ้ามาโปรด
เฉินเจียเหอเห็นว่าสีหน้าของเอ้อร์เลิ่งดูโศกเศร้าราวกับแบกความทุกข์ในวัยผู้ใหญ่ เขาก็มีอารมณ์หลากหลายผสมปนเปอยู่ในใจ
ทั้งสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน
เมื่อก่อนเอ้อร์เลิ่งมีวิวัฒนาการซื่อใสบริสุทธิ์แบบเด็กน้อยที่ไร้ความกังวลใด ๆ
ถึงสมองเขาจะสับสน แต่ก็ดีที่ไม่ต้องเครียดกับอะไร
จากนี้ไปเขาจะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับโลกความเป็นจริงของผู้ใหญ่ รับมือกับความสุขและความเศร้าในสถานการณ์ที่แตกต่าง
เฉินเจียเหอตบไหล่เขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “รอให้อาการของนายหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะหางานดี ๆ ให้นายทำเอง ทีนี้นายก็จะมีรายได้มาจ่ายคืนฉัน”
เอ้อร์เลิ่งไม่ค่อยมีความมั่นใจมากนัก เขาถามเบา ๆ “คนแบบฉันจะหางานทำในเมืองได้ด้วยเหรอ?”
“ทำได้แน่อยู่แล้ว ฉันจะหางานให้หลังจากนายได้รับการรักษาจนหายขาด” เฉินเจียเหอพูดให้คำมั่น จากนั้นเขาก็หัวเราะเบา ๆ และปลอบใจอีกฝ่ายว่า “ไม่ต้องกังวลนะ กลับเข้าไปได้แล้ว เราขอตัวกลับก่อน”
“ลาก่อนต้าเหอ ลาก่อนพี่สะใภ้”
หลินเซี่ยโบกมือให้เขา “ลาก่อนเอ้อร์เลิ่ง”
เมื่อเห็นเอ้อร์เลิ่งเดินกลับเข้าไปในประตูแล้ว หลินเซี่ยก็ถอนหายใจ “เอ้อร์เลิ่งกลับมาอยู่ในสภาพอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”
ดวงตาของหลินเซี่ยเต็มไปด้วยความโล่งใจ เนื่องจากเธอเคยมีประสบการณ์ชีวิตมาแล้วครั้งหนึ่ง พอเห็นเอ้อร์เลิ่งในตอนนี้ เธอจึงรู้สึกสะเทือนใจมากกว่าคนอื่น ๆ
เธอมองไปที่เฉินเจียเหอแล้วพูดว่า “ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง ชาติที่แล้วเอ้อร์เลิ่งอยู่แต่ในชนบทไม่เคยออกไปไหน นับวันอาการทางจิตของเขาก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนั้นฉันได้ยินหู่จือบอกว่าเขาจำใครไม่ได้เลยด้วยซ้ำ วิ่งเตลิดเปิดเปิงไปทุกที่ ต่อมาพ่อแม่ของเขาต่างก็เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะโหมงานหนัก ครอบครัวพี่ชายก็มาทอดทิ้งเขาไปอีก เขาต้องเดินเตร่ไปตามถนนเพื่อคุ้ยขยะประทังชีวิต คุณมาเจอเขาก็สายเกินไป ต้องพาเขาเข้าเมืองแล้วส่งไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช”
เฉินเจียเหอรู้สึกซับซ้อนมากหลังจากได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย
ถึงจะยังไม่ได้ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่เรียกว่าการกลับชาติมาเกิดของหลินเซี่ยมีจริงหรือไม่ แต่พอลองคิดตาม เขาก็อดสูดหายใจรับอากาศเย็นเข้าไปไม่ได้
ถ้าตอนนั้นเขาไม่ตัดสินใจพาเอ้อร์เลิ่งออกจากชนบทในครั้งนี้ คนจรจัดที่คุ้ยขยะอยู่ข้างถนน อาจเป็นจุดจบของชีวิตเอ้อร์เลิ่งจริง ๆ ก็ได้
มีคนประเภทนี้ให้เห็นอยู่เกลื่อนตามท้องถนนในเมือง
หลินเซี่ยเห็นเฉินเจียเหอขมวดคิ้ว เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า “คุณไม่ต้องกังวลแล้วนะคะ ชาตินี้คุณพาเขามารับการรักษาได้ทันเวลา ส่งตัวเขามาอยู่ภายใต้การดูแลของหมอเย่ รักษาแบบแพทย์แผนจีนและแผนตะวันตกควบคู่กันไป ทำให้ชะตากรรมของเอ้อร์เลิ่งเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และชีวิตของเขาในอนาคตจะมีแต่ดีขึ้นเรื่อย ๆ”
เฉินเจียเหอมองดูหญิงสาวผู้มีสีหน้าสดใส เคลื่อนไหวอย่างร่าเริงอยู่ตรงหน้า รู้สึกว่าหัวใจที่หนักหน่วงแต่เดิมของเขาหายเป็นปลิดทิ้งในทันที
เขาลูบหัวเธอเบา ๆ แล้วพูดว่า “เซี่ยเซี่ย คุณคือนางฟ้ามาโปรดแท้ๆ”
หลินเซี่ยเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ใช่แล้ว ฉันเป็นนางฟ้า จุติลงมาที่นี่อีกครั้งก็เพื่อช่วยทุกคน”
และเพื่อแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองด้วย
ความเศร้าโศกในใจของเฉินเจียเหอถูกขจัดออกไปด้วยรอยยิ้มอันสดใสของผู้เป็นภรรยา เขาหยิบกุญแจออกมาปลดล็อกมอเตอร์ไซค์ “ไป กลับบ้านกันเถอะ”
“รอบนี้คุณขับนะ”
พอเขาเป็นคนซ้อน เขากลับทำตัวน่ารำคาญเกินไปจนส่งผลต่อการขับขี่ กลัวจะแฉลบลงคูน้ำข้างทางสักวัน
“ได้ ผมจะแสดงความสามารถของชายชาตรีให้คุณดู”
เฉินเจียเหอตวัดขายาวข้ามเบาะรถแล้วนั่งควบก่อนใคร
หลินเซี่ยก้าวไปนั่งซ้อนท้ายอยู่ตรงเบาะหลัง จับยึดไหล่กว้างของเขาเบา ๆ เตือนว่า “อย่าขี่ฉวัดเฉวียนแฉลบลงข้างทางอีกนะ นี่มอเตอร์ไซค์ ไม่เหมือนจักรยานคันเก่าที่บ้าน มอเตอร์มันแรงยิ่งพุ่งลงคูง่าย ๆ”
เมื่อเฉินเจียเหอได้ยินแบบนั้น เขาก็หันมองเธอด้วยสีหน้าแปลก ๆ
“มองอะไร? คิดว่าตอนนั้นฉันไร้เดียงสาจนไม่เข้าใจกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณทำสมัยอยู่บ้านเกิดเหรอ?”
พอเธอพูดมาถึงตรงนี้ ความทรงจำของเฉินเจียเหอเกี่ยวกับอุบายสกปรกก็โจมตีเขาทันที เขากระแอมเล็กน้อยด้วยความลำบากใจ ย้อนถามว่า
“แล้วทำไมตอนนั้นคุณไม่เปิดโปงผมล่ะ?”
“ฉันแค่ไม่อยากให้คุณเสียหน้า”
“ถ้าคุณเกาะเอวผมแน่น ๆ ผมสัญญาว่าจะไม่แฉลบเข้าข้างทาง”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ”
พวกเขาสวมเสื้อผ้าเนื้อบางในช่วงฤดูร้อน พอเธอเอื้อมมือออกไปกอดเอวเขาจึงสัมผัสเข้ากับกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นมัดโดยตรง ทำให้เธอกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างมีความสุข “กลับกันได้แล้วค่ะ”
…
ทันทีที่มอเตอร์ไซค์ขับมาจอดหน้าประตูอาคารพักอาศัย เฉินเจียเหอก็เห็นร่างที่คุ้นเคยสองคนอยู่ตรงหน้า ร่างหนึ่งสูงร่างหนึ่งเตี้ยยืนรออยู่หน้าประตูจากระยะไกล
หู่จือเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของแม่ จึงตะโกนเรียกด้วยความตื่นเต้น “พ่อฮะ แม่ฮะ”
หลินเซี่ยชะเง้อคอมองจากแผ่นหลังกว้างของชายตรงหน้า รู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นลูกชายตัวน้อยยืนอยู่ข้างถนน พลางโบกมือเล็ก ๆ มาทางเธอ
“ว้าว ลูกชายของแม่กลับมาแล้ว”
เมื่อมอเตอร์ไซค์จอดสนิท หู่จือก็รีบวิ่งไปหาพวกเขาอย่างไม่รอช้า
เฉินเจียเหอมองดูลูกชายที่ไม่ได้เจอหน้ามาหลายวันด้วยความคิดถึง เมื่อเขาเห็นเขาพาขาสั้นป้อมวิ่งเหยาะ ๆ ตรงมาหาด้วยความยินดี เขาก็ก้มลง อ้าแขนออกกว้าง ตั้งใจว่าจะอุ้มเขาขึ้นมาและยกสูงจนตัวลอย
ผลก็คือ เจ้าเด็กไม่รักดีคนนี้วิ่งผ่านเขาไป แล้วโถมตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของหลินเซี่ย
เขาอุตส่าห์ตั้งท่าใหญ่โตเพื่อต้อนรับการกลับมาของเขา แต่สุดท้ายกลับพลาดเป้าอย่างน่าอับอาย
น่าขายหน้าจริง ๆ
เฉินเจียวั่งเดินตรงมาหาอย่างสบาย ๆ มองดูพี่ชายคนโตที่ยืนตัวแข็งทื่อแล้วล้อเลียนว่า “พี่ใหญ่ ทำไมไม่กอดผมแทนล่ะ?”
เฉินเจียเหอกลับมายืนตัวตรงทันที แต่ไม่วายอ้าแขนให้น้องชายของเขา “มาสิ”
เฉินเจียวั่ง “…”
ทันทีที่เฉินเจียเหอกระโจนเข้ามาหา เฉินเจียวั่งก็กระโดดหลบอย่างเย็นชา “ไม่ต้องเลย”
หลินเซี่ยจูงมือหู่จือเดินไปข้างหน้า ถามด้วยรอยยิ้มว่า “หู่จือ ไปเที่ยวกับคุณปู่ทวดและคนอื่น ๆ ครั้งนี้สนุกหรือเปล่าจ๊ะ?”
หู่จือตอบอย่างร่าเริงว่า “สนุกมากฮะ เราไปเที่ยวกันหลายที่เลย ได้แวะไปเยี่ยมบ้านของคุณปู่รองด้วย อาสามของผมก็ถ่ายรูปให้พวกเราเยอะมากเหมือนกัน รูปทั้งหมดอยู่ในกระเป๋านักเรียนของผม เดี๋ยวผมจะหยิบออกมาให้แม่กับพ่อดู”
“มา เข้าบ้านแล้วมาดูกันเถอะ”
เฉินเจียเหอและเฉินเจียวั่งเดินตามหลังสองแม่ลูก เฉินเจียเหอถามเขาว่า “อารองเป็นยังไงบ้าง?”
พอพูดถึงอารองของเขา ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเจียวั่งก็ฉายแววมืดมนอย่างน่ากลัว “ดีเกินไปด้วยซ้ำ”
“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินเจียเหอมองเขาอย่างงุนงง
“ไม่มีอะไรมาก เจียฮุยหมั้นแล้ว แถมยังบอกด้วยว่าอีกไม่กี่วันจะมาที่ไห่เฉิง”
เฉินเจียเหอรู้สึกประหลาดใจทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาบอก “เจียฮุยอายุพอ ๆ กันกับนายนี่นา เขาหมั้นเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
“อายุเท่าผมแล้วมันยังไง? เขามีอะไรเทียบกับผมได้บ้าง? ทำไมพี่ถึงได้พูดจาจุกจิกเหมือนอาสะใภ้รองเลยนะ?”
จู่ ๆ เฉินเจียวั่งก็โกรธเขา เฉินเจียเหอจึงชายตามองเขาอย่างเหลือจะกล่าว “ไอ้เด็กน้อยเอ๊ย ทำไมต้องเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งด้วยเล่า? ลืมคำที่หมอเย่สั่งนายไปหมดแล้วหรือไง?”
เฉินเจียวั่งเดินสะบัดไปข้างหน้าด้วยใบหน้าถมึงทึง ดูเหมือนรอบนี้จะโกรธจริง ๆ
เขาไม่ได้เล่าต่อว่าตอนที่พวกเขาไปหนานเฉิงครั้งนี้ เขาได้เจอกับอารองและอาสะใภ้รองของเขาอย่างพร้อมหน้า อาสะใภ้รองได้ว่าที่สะใภ้ซึ่งมาจากตระกูลร่ำรวย จึงรู้สึกว่าฐานะของตัวเองได้รับการยกระดับเพราะลูกชาย ปลายหางแทบชูขึ้นสู่ท้องฟ้า
ตั้งแต่เขาจำความได้ อาสะใภ้รองคนนี้มักจะเปรียบเทียบตัวเองกับแม่ของเขาเสมอ เอาแต่ดูถูกแม่ของเขาที่มีภูมิหลังมาจากชนบท
นอกจากนั้นยังเปรียบเทียบลูก ๆ ของตัวเองกับพวกเขาสามพี่น้อง
ลูกสาวของอารองแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย สามีก็เป็นแค่ชนชั้นกลางธรรมดา ดังนั้นอารองและอาสะใภ้รองจึงฝากความหวังไว้กับลูกชาย โดยหวังว่าพอลูกชายเติบโตขึ้น จะกู้หน้าให้ครอบครัวได้อีกครั้ง
อาสะใภ้รองดีใจอย่างออกนอกหน้า เมื่อได้ยินว่าบ้านเกิดของหลินเซี่ยก็มาจากหมู่บ้านเดียวกันกับแม่ของเขา
พอรู้ว่าเฉินเจียซิ่งพี่ชายคนรองของเขาหย่าเรียบร้อยแล้ว ประกอบกับสภาพร่างกายของเขาอีก ในที่สุดอาสะใภ้รองก็รู้สึกมั่นหน้าว่าครอบครัวของพวกเขาชนะแล้ว
เมื่อได้เจอกันครั้งนี้ หล่อนก็เริ่มพูดจาเหน็บแนมแปลก ๆ แสร้งทำเป็นเห็นใจที่โรคของเขาส่งผลให้หาแฟนยาก
ยังไม่พอ หล่อนยังเสนอว่าจะจับคู่เขากับพี่เลี้ยงเด็กของเพื่อนด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้ เฉินเจียวั่งจึงไม่ประทับใจกับการเดินทางไปหนานเฉิงในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ความอาฆาตพยาบาทจากญาติ เป็นสิ่งที่โจมตีและทำร้ายจิตใจคนอย่างรุนแรงกว่าน้ำคำของคนนอกถึงสองเท่า
แน่นอนว่าหลังจากนี้เขาจะไม่นับถือคนไร้มารยาทเหล่านั้นเป็นญาติอีกต่อไป
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เซี่ยเซี่ยรู้ทันซะแล้ว มุกเดิมใช้ไม่ได้แล้วนะคะพี่เหอ
ครอบครัวอารองของพี่เหอก็เขี้ยวใช่ย่อยเลยแฮะ
ไหหม่า(海馬)