ตอนที่ 454 ระวังจะขาดทุนย่อยยับ
ตอนที่ 454 ระวังจะขาดทุนย่อยยับ
ครั้นหลินเซี่ยที่จ้องจะเอาเรื่องเซี่ยไห่อย่างเต็มที่เห็นว่าหญิงชราและพ่อของเธอเข้ามา เธอก็รู้สึกเหมือนมีคนช่วยสนับสนุนอีกแรง พูดกับพวกเขาว่า “คุณย่า พวกคุณมาได้จังหวะเหมาะพอดีเลย ถามอารองสิคะว่าเขาทำบ้าอะไรลงไป?”
เมื่อคุณแม่เซี่ยเห็นว่าหลานสาวแสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางก็จ้องเขม็งคาดคั้นเซี่ยไห่ด้วยสายตาคมกริบราวใบมีด
เซี่ยไห่แตะจมูก แล้วอธิบายว่า “เจ้าของธุรกิจที่เชินเฉิงน่ะ เขามาที่ไห่เฉิงเพื่อตามหาเซี่ยเซี่ย แล้วผมก็ไล่เขากลับไป”
ความจริงที่ว่าอู๋เซิ่งหงมาติดต่อเขาเพื่อขอเงินสนับสนุนการลงทุนตอนพวกเขาอยู่ในเชินเฉิง เซี่ยไห่ได้เล่าให้ครอบครัวของเขาฟังหลังจากกลับมาถึงบ้าน นอกจากนี้เขายังบอกด้วยว่าหลินเซี่ยกับอู๋เซิ่งหงดูสนิทสนมกันแปลก ๆ แถมหลินเซี่ยยังมาชักชวนให้เขาลงทุนอีก
เซี่ยเหลยไม่คาดคิดว่าเถ้าแก่อู๋จะยอมเดินทางมาถึงไห่เฉิง เขาพูดกับเซี่ยไห่ว่า “มีช่องทางติดต่อเขาหรือเปล่า? ถามซิว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้ว? ไปพาเขากลับมา”
“พี่ใหญ่ ทำไมต้องไปพาเขากลับมาด้วย?”
แม้ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เซี่ยไห่ก็ยังไม่อยากให้อู๋เซิ่งหงกลับมา ต่อให้หลินเซี่ยอารมณ์เสียจนยกเอาคำบริภาษทุกอย่างมาด่าเขา เขาสู้ยอมทนฟังดีกว่า
ถ้าไปตามตัวอู๋เซิงหงกลับมาจริง อีกฝ่ายต้องสร้างปัญหาให้ทุกคนอย่างไม่รู้จบ
เมืองเชินเฉิงอยู่ในระหว่างการพัฒนาเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ หลายคนสามารถสร้างรายได้ด้วยการไขว่คว้าโอกาส
แต่โอกาสที่ว่าก็ไม่แน่นอนเสมอไป
ยังมีหลายคนที่สูญเงินทั้งหมดไปกับการลงทุนที่ไม่เกิดผล เงินมหาศาลจมหายวับไปกับตา
เขาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมแบบนั้นมานานหลายปี มีฉากไหนบ้างที่เขาไม่เคยเห็น?
เขาเองก็เคยล้มเหลวมาก่อน
เพียงแต่ทุกย่างก้าวหลังจากนั้น เขาจะระมัดระวังอย่างยิ่งงวด ด้วยความที่เดินบนชั้นน้ำแข็งบาง ๆ จึงไม่มีโอกาสให้ก้าวพลาดอีก
ทุกวันนี้เขามีทรัพย์สินเป็นกอบเป็นกำ ครอบครัวมีกิจการขนาดย่อมเป็นของตัวเอง และได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ความสุขสบายเหล่านี้กว่าจะได้มาช่างยากเย็น
สนามการลงทุนไม่ใช่สนามเด็กเล่น
พี่ใหญ่อาจจะอยากตามใจลูกสาวของเขา จึงมองข้ามหลักการที่ควรจะเป็นไป
เซี่ยเหลยออกคำสั่ง “โทรเดี๋ยวนี้”
คุณแม่เซี่ยมองหลานสาวที่โกรธหน้าดำหน้าแดง แล้วพูดกับเซี่ยไห่ว่า “ใช่ รีบโทรกลับไปหาเขาเลย ไม่ว่าการลงทุนที่ว่าจะเชื่อถือได้หรือเปล่า แกก็ต้องปล่อยให้เซี่ยเซี่ยคุยกับอีกฝ่ายด้วยตัวเอง ถือดียังไงไปตัดสินใจแทนหล่อน? เขาเดินทางมาจากเมืองไกล อย่างน้อยก็ควรเชิญเขาไปกินอาหาร ธุระจะสำเร็จหรือไม่ พวกเราก็ควรปฏิบัติต่อเขาด้วยความสุภาพ”
เซี่ยเหลยและคุณแม่เซี่ยเป็นเหมือนภูเขาสูงที่พร้อมกดทับ ดังนั้นเซี่ยไห่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบโทรศัพท์ออกมา
เขาโทรหาอู๋เซิ่งหง แต่ไม่มีใครรับสาย
พอไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสาย หลินเซี่ยก็กำลังจะระเบิดอารมณ์อีก ต้องการเอาเรื่องเซี่ยไห่ถึงที่สุด
คุณแม่เซี่ยจึงต้องเป็นกรรมการห้ามมวย จากนั้นก็ดึงหลินเซี่ยออกไป
คุณแม่เซี่ยดึงแขนเธอออกจากร้าน พยายามปลอบโยนเบา ๆ “เซี่ยเซี่ย อย่ากังวลไปเลย ถ้าติดต่อไม่ได้ยังไง ค่อยให้อารองพาเธอไปที่เชินเฉิงอีกครั้งก็ได้”
“คุณย่า พ่อ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกค่ะ” หลินเซี่ยหันกลับไปมองเซี่ยไห่ด้วยความโกรธ จากนั้นก็เดินตรงไปที่มอเตอร์ไซค์ ขับไปที่สถานีรถไฟ เพื่อเช็กขบวนรถไฟที่จะเดินทางกลับไปเชินเฉิง
ถังจวิ้นเฟิงบอกว่ารถไฟไปเชินเฉิงจะให้บริการเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น ไม่ใช่ตอนกลางวัน ดังนั้นแปลว่าอู๋เซิ่งหงน่าจะยังอยู่ในไห่เฉิง
เมื่อหลินเซี่ยกลับมาที่ร้านตัดผม ชุนฟางก็รีบเข้ามาขอโทษเธอยกใหญ่เหมือนเด็กที่พลั้งทำความผิด
หลินเซี่ยโบกมืออย่างอ่อนแรง “ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก อย่ากังวลจนส่งผลกระทบต่องานในร้านเลย”
เมื่อเซี่ยเหลยเห็นว่าลูกสาวของเขากลับมาแล้ว จึงเรียกเธอไปคุยกันที่ร้านอาหาร ขณะนี้ทุกคนต่างช่วยกันคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์อย่างแข็งขัน
เฉินเจียเหอก็อยู่ที่นั่นด้วย
หลินเซี่ยบอกเขาตั้งแต่เมื่อคืนว่าเถ้าแก่อู๋จะมาถึงไห่เฉิงวันนี้
พวกเขาตกลงว่าจะไปพบกับเถ้าแก่อู๋ด้วยกัน เขาเองก็ได้นัดหมายกับเพื่อนที่เป็นทนายความล่วงหน้า ถ้าการลงทุนในครั้งนี้เชื่อถือได้ เพื่อนของเขาจะเอาเอกสารสัญญาไปตรวจสอบอีกครั้ง
เมื่อเห็นหลินเซี่ยเข้ามาด้วยสีหน้าผิดหวัง ดวงตาของเฉินเจียเหอก็เต็มไปด้วยความทุกข์ รีบเทน้ำหนึ่งแก้วให้เธอจิบ แล้วปลอบเธอเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง ผมจะลองโทรหาเถ้าแก่อู๋อีกรอบ ตราบใดที่ยังพอติดต่อเขาได้ เราก็นัดคุยกันใหม่ได้เหมือนกัน”
หลินเซี่ยหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบ ปรับอารมณ์ตัวเอง ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ และพูดว่า “เถ้าแก่อู๋คงยังไม่เดินทางกลับในเร็ว ๆ นี้ ฉันแค่รู้สึกสังหรณ์ใจว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ ไม่งั้นเขาคงโทรกลับหาฉันตั้งนานแล้ว”
เฉินเจียเหอกดโทรออกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่ละความพยายาม
ในที่สุด…
อีกฝ่ายก็รับสาย
เฉินเจียเหอเปลี่ยนสีหน้าเป็นโล่งใจ กรอกเสียงพูดไปตามสายว่า “สวัสดีครับ ใช่เบอร์เถ้าแก่อู๋หรือเปล่า?”
น้ำเสียงบ่งบอกความงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นดังขึ้นจากปลายสายอีกด้าน “ผมเอง ใครเหรอครับ?”
เฉินเจียเหอรีบยื่นโทรศัพท์ให้หลินเซี่ย “เซี่ยเซี่ย คุยกับเขาสิ”
เมื่อหลินเซี่ยเห็นว่าสายมีการเชื่อมต่อ จิตใจอันแสนว้าวุ่นของเธอก็กลับมามีชีวิตชีวาทันที เธอทักทายเขาด้วยเสียงแจ่มใสว่า “เถ้าแก่อู๋ ฉันหลินเซี่ยเองนะคะ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนแล้ว?”
อู๋เซิ่งหงรีบขอโทษ “เสี่ยวหลิน ผมอยู่ในโรงแรม ขอโทษด้วย ผมเหนื่อยเกินกว่าจะขึ้นรถไฟกลับตอนกลางคืน ก็เลยจองโรงแรมนอนสักคืน”
หลินเซี่ยอารมณ์ดีมากเมื่อได้ยินอย่างนั้น ถามด้วยรอยยิ้ม
“ เถ้าแก่อู๋ คุณพักอยู่ที่โรงแรมไหนในไห่เฉิงเหรอคะ? ฉันจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้เลย”
“โรงแรมหงซิงครับ”
“ค่ะ อีกไม่กี่นาทีฉันน่าจะไปถึง”
ทุกคนพลอยโล่งอกพร้อมกันเมื่อได้ยินว่าเถ้าแก่อู๋ยังอยู่ในไห่เฉิง
โดยเฉพาะเซี่ยไห่ที่โล่งใจยิ่งกว่า ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะเอาตัวรอดจากภัยพิบัติไปได้
โชคดีที่อู๋เซิ่งหงยังไม่กลับไปทันที ไม่อย่างนั้น วันนี้เขาคงโดนพี่ใหญ่และหลานสาวคนโต ‘เฉดหัว’ เป็นแน่
หลินเซี่ยวางสาย หันไปพูดกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงร่าเริง “คุณย่า พ่อคะ เฉินเจียเหอ ฉันขอตัวไปหาเถ้าแก่อู๋ก่อนนะคะ”
คุณแม่เซี่ยบอกว่า “ให้อารองขับรถไปส่งหลานถึงที่สิ ดูเหมือนธุระครั้งนี้จะเป็นเรื่องที่จริงจังมาก”
พูดจบคุณแม่เซี่ยก็ขยิบตาให้เซี่ยไห่ เป็นนัยว่าต้องการให้เขาชดใช้ความผิดโดยเร็ว
หลินเซี่ยส่ายหน้าและปฏิเสธทันควัน “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณย่า อารองก็มีงานยุ่งเหมือนกัน ฉันจะไปกับเฉินเจียเหอเอง”
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอไม่อนุญาตให้เซี่ยไห่ไปเจอหน้าอู๋เซิ่งหงแล้วทำลายโอกาสอันดีงามของเธออีกต่อไป
หลินเซี่ยกลัวว่าเซี่ยไห่จะอุตริขับรถตามพวกเขาไป จึงพูดดักคอเซี่ยไห่ไว้ก่อนว่า “อารอง กลับไปติดตั้งไฟให้เสร็จเถอะ เราไม่อยากได้คนตามไปส่ง”
เธอไม่ให้โอกาสเซี่ยไห่ได้อ้าปากพูด ลากเฉินเจียเหอออกมาจากร้านและตะโกนว่า “พวกเราไปก่อนนะคะ”
สามีภรรยาหนุ่มสาวรีบร้อนขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป มุ่งตรงไปยังโรงแรมเป้าหมาย
เซี่ยไห่มองตามมอเตอร์ไซค์ที่ห่างออกไปไกล ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วต่อว่าเซี่ยเหลย “พี่ใหญ่ การลงทุนมีความเสี่ยง เป็นธรรมดาที่เราต้องระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย ไม่ง่ายเลยกว่าครอบครัวเราจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า ถ้าพลาดขึ้นมาคงไม่พ้นกลับไปสิ้นเนื้อประดาตัวเหมือนเมื่อก่อน”
เซี่ยเหลยกำลังชั่งใจ แต่คุณแม่เซี่ยพูดขัดขึ้นก่อนว่า “ตอนนี้อย่าเพิ่งคาดเดาอะไรไปเองเลย มารอดูกันดีกว่าว่าเรื่องจะออกมาในทิศทางไหน เถ้าแก่อู๋อุตส่าห์มาที่นี่ด้วยตัวเอง เซี่ยเซี่ยก็เป็นคนฉลาด ไม่มีใครหลอกลวงหล่อนได้ทั้งนั้น ถ้าหล่อนทำเงินได้ขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ?”
เซี่ยไห่ถามย้อนเสียงแผ่ว “ถ้าอย่างนั้นหล่อนมีเงินลงทุนหรือไง?”
เซี่ยไห่ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่
เธอเชิญอู๋เซิ่งหงมาที่ไห่เฉิง แต่ไม่มีวี่แววว่าจะชักชวนให้เขาร่วมลงทุนเลย
หรือเธออยากใช้เงินของตัวเองเพื่อลงทุน?
เซี่ยไห่ส่ายหน้าไล่ความคิดทิ้งไป เพราะไม่น่าจะเป็นไปได้
เขารู้ดีว่าตอนนี้เธอมีเงินอยู่ในมือเท่าไหร่ แล้วเธอก็ใช้เงินที่มีลงทุนไปกับการเปิดร้านใหม่หมดแล้ว
เฉินเจียเหอก็ไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น
เซี่ยไห่ลูบคางพลางพิจารณาอย่างรอบคอบ ทันใดนั้นก็คิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
เขามองเซี่ยเหลยและแม่ผู้ชราของเขาอย่างจริงจัง เตือนพวกเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “แม่ พี่ใหญ่ ถ้าเซี่ยเซี่ยมาชักชวนให้พวกคุณควักเงินทำศพออกมาลงทุน อย่าลืมชั่งน้ำหนักให้รอบคอบด้วย”
คุณแม่เซี่ยจ้องมองเซี่ยไห่ด้วยสีหน้ามืดมน “ดูพูดจาเข้าซิ เงินทำศพไร้สาระอะไร? พี่ใหญ่ของแกเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง เรื่องอะไรต้องเก็บออมเงินไว้ทำศพตัวเองด้วย? เขามีลูก พอแก่ตัวลงก็มีคนดูแล ต่อให้ตายก็มีคนจัดงานศพให้ มีแค่พวกที่ไม่ยอมแต่งงานมีลูกเท่านั้นแหละที่ต้องเก็บเงินบั้นปลายเอาไว้ทำศพตัวเอง”
เซี่ยไห่ “!!!”
แม้แต่แม่แท้ ๆ ก็เลือกวางมวยกับลูกตัวเองเหรอ?
คุณแม่เซี่ยโบกมือไล่เขาออกไปด้วยความรังเกียจ “กลับไปทำงานของตัวเองซะ”
เซี่ยไห่กลอกตาขึ้นฟ้า กลับไปที่ห้องเต้นรำเพื่อจัดการกับปัญหาที่ค้างอยู่ ตัดสินใจว่าจะไม่เอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขาอีกต่อไป หลังจากนี้อยากจะทำอะไรก็เชิญเลย!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ดีที่เถ้าแก่อู๋ยังไม่กลับ ไม่งั้นชะตาขาดแน่เซี่ยไห่
แม่เซี่ยช็อตลูกชายหนักมาก เป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือเปล่าคะ
ไหหม่า(海馬)