ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 455 นักธุรกิจที่จริงใจจะทำเรื่องจริงจังได้หรือไม่

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 455 นักธุรกิจที่จริงใจจะทำเรื่องจริงจังได้หรือไม่

ตอนที่ 455 นักธุรกิจที่จริงใจจะทำเรื่องจริงจังได้หรือไม่

หลังจากที่อู๋เซิ่งหงรับสายจากหลินเซี่ย เขาก็รีบลุกจากเตียง ถือกระเป๋าใบเก่าที่เยินจนหนังลอกติดมือไปด้วย แล้วยืนรออยู่ที่หน้าประตูโรงแรม

ทันทีที่มอเตอร์ไซค์ขับมาถึงประตูโรงแรม อู๋เซิ่งหงก็เห็นพวกเขา เผยรอยยิ้มที่สดใสพร้อมกับโบกมือให้อย่างกระตือรือร้น

เฉินเจียเหอจินตนาการไว้คร่าว ๆ เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของอู๋เซิ่งหงผ่านคำอธิบายก่อนหน้านี้ของหลินเซี่ย แต่เมื่อเขาได้เห็นตัวจริงของอีกฝ่ายในเวลานี้ พูดตามตรงแล้ว มันก็ยังแตกต่างจากที่เขาคาดเดาไว้มาก

เจ้าของธุรกิจคนนี้ช่างเรียบง่ายและติดดินจริง ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย อุปนิสัย หรือรูปร่างหน้าตา เขาดูเหมือนเป็นแค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่ง

เมื่อเฉินเจียเหอเห็นเขา ปฏิกิริยาแรกก็คือพยายามอ่านตัวอักษรสี่คำที่แปะไว้บนหน้าผากของเถ้าแก่อู๋ว่า “ฉันเป็นคนดี”

หลังจอดมอเตอร์ไซค์แล้ว หลินเซี่ยก็ลงจากรถ เดินไปหาอู๋เซิ่งหงด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เฉินเจียเหอเข็นมอเตอร์ไซค์ไปจอดที่ชั้นล่างของโรงแรม

อู๋เซิ่งหงมองหลินเซี่ย เกาหัวและอธิบายอย่างรู้สึกผิดว่า “เสี่ยวหลิน ผมขอโทษจริง ๆ ตอนแรกฉันวางแผนว่าจะนอนพักที่โรงแรมสักหน่อยแล้วค่อยออกไปหาคุณ แต่บังเอิญเผลอหลับเพลินซะได้”

“เถ้าแก่อู๋คะ ฉันต่างหากล่ะคะที่ควรเป็นฝ่ายขอโทษคุณ ได้ยินมาว่าคุณไปที่ร้านเพื่อตามหาฉันตั้งแต่เช้า”

อู๋เซิ่งหงยิ้มและพยักหน้า

“ใช่ ผมไปที่นั่นทันทีที่ลงจากรถไฟ เถ้าแก่เซี่ยพาผมไปเยี่ยมชมห้องเต้นรำและห้องร้องคาราโอเกะของเขา ผมเหมือนได้เห็นโลกกว้างจริง ๆ กิจการของเถ้าแก่เซี่ยรุ่งเรืองทีเดียว ถ้าโครงการก่อสร้างของเราเสร็จเมื่อไหร่ ผมจะขอเป็นเจ้าภาพ ไปที่ห้องร้องคาราโอเกะของเถ้าแก่เซี่ย แล้วร้องเพลงสักสองสามเพลงเพื่อเฉลิมฉลอง”

หลินเซี่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“ค่ะ อารองของฉันค่อนข้างคร่ำหวอดด้านสถานบันเทิง”

เฉินเจียเหอจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้ามา หลินเซี่ยแนะนำตัวตนของเขากับอู๋เซิ่งหง “นี่เฉินเจียเหอ สามีฉันเองค่ะ”

เฉินเจียเหอจับมือกับเขาอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ เถ้าแก่อู๋ ได้ยินชื่อของคุณมาสักพักแล้ว”

อู๋เซิ่งหงรีบยื่นมือออกไปจับกับเขา มองไปที่เฉินเจียเหอด้วยสีหน้าชื่นชม “สวัสดีครับ สวัสดี สามีของเสี่ยวหลินมองแวบแรกก็รู้แล้วว่าต้องมีความสามารถมากแน่ ๆ”

“ไปกันค่ะ ฉันขอเชิญคุณไปรับประทานอาหารนะคะ จะได้คุยงานกันระหว่างกินข้าว”

หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอเชิญอู๋เซิ่งหงไปที่ร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่ในแนวทแยงตรงข้ามกับโรงแรม แต่อู๋เซิ่งหงปฏิเสธ

“ไม่ต้องไปร้านอาหารใหญ่ ๆ หรอก หาของถูก ๆ กินดีกว่า ไปร้านใหญ่กินไม่หมดจะเปลืองเงินซะเปล่า”

เขาแนะนำว่า “ไปกินร้านชามข้าวเหล็กของพ่อแม่คุณก็ได้ ผมชอบกินร้านเล็ก ๆ”

หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “เถ้าแก่อู๋ ไว้เย็นนี้ค่อยไปกินข้าวที่ร้านพ่อแม่ฉันก็ได้ค่ะ มื้อนี้ขอให้ฉันได้เป็นคนเลือกร้านเถอะ”

ที่จริงพวกเขาต้องการหารือเกี่ยวกับธุรกิจที่ร้านอาหารของตัวเอง แต่ถ้าเซี่ยไห่ออกโรงคัดค้านอีกครั้ง เรื่องนี้จะยิ่งล่าช้าเข้าไปใหญ่

หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอยืนกรานที่จะพาเถ้าแก่อู๋ไปที่ร้านอาหาร

หลังจากเลือกที่นั่งแล้ว ทั้งสองคนก็สั่งสารพัดอาหารจานหรูแม้ว่าอู๋เซิ่งหงจะพยายามคัดค้านก็ตาม

อู๋เซิ่งหงอธิบายแผนดำเนินโครงการของเขาให้ทั้งสองฟังอย่างละเอียด

เขาบอกว่าล่าสุดเขาได้ติดต่อขอซื้อพื้นที่บริเวณนั้นทั้งหมดแล้ว ที่ดินของเซี่ยไห่จะถูกแปลงเป็นหุ้นส่วน ที่ดินของผู้อยู่อาศัยคนอื่น ๆ จะถูกแปลงเป็นธุรกรรมเงินสด

เขาจริงใจมากในการเดินทางมาที่ไห่เฉิง หยิบเอกสารสำเนาของสัญญาที่ได้มีการลงนามกับผู้อยู่อาศัยทั้งหมดออกมาจากกระเป๋า แล้วแสดงให้หลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอดู

ที่ดินเหล่านี้โอนกรรมสิทธิ์เป็นชื่อบริษัทแล้ว และได้ทำการเบิกจ่ายเงินอย่างครบถ้วน ซึ่งเท่ากับเป็นความสำเร็จครึ่งหนึ่งของโครงการ

“บริษัทรับเหมาก่อสร้างก็ยืนยันวันเวลาแล้วเหมือนกัน เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ฉันเคยร่วมงานด้วยมาก่อน เจ้าของเป็นเพื่อนฉันเอง พวกเราต่างเริ่มต้นจากศูนย์มาด้วยกัน มีความน่าเชื่อถือแน่นอน รออาคารสำนักงานของเราสร้างเสร็จเมื่อไหร่ มันจะกลายเป็นแลนมาร์คของย่านนั้นทันที”

“เถ้าแก่อู๋ พวกเราสามารถเสนอการออกแบบได้หรือเปล่าคะ?” หลินเซี่ยถาม

“ได้ ลองเสนอดูสิ”

เถ้าแก่อู๋หยิบแบบแปลนการออกแบบตัวอาคารออกมา อธิบายให้พวกเขาฟังอย่างละเอียด “มีทั้งหมดสิบหกชั้น ชั้นล่างสามชั้นเปิดเป็นห้างสรรพสินค้า เหนือชั้นสามขึ้นไปฉันวางแผนจะทำเป็นอาคารสำนักงาน”

หลินเซี่ยมองแบบแปลนของอาคารที่คุ้นเคยบนกระดาษ แนะนำอู๋เซิ่งหงว่า “เถ้าแก่อู๋ ฉันอยากจะแนะนำให้คุณสร้างห้องน้ำสาธารณะทุกชั้นตั้งแต่ชั้นหนึ่งถึงชั้นสาม ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ค่ะ”

ชาติก่อนเธอเคยมาที่นี่ เสียตรงที่มันไม่มีห้องน้ำสาธารณะภายในห้างสรรพสินค้าหรือบริเวณโดยรอบ หลายคนต้องวิ่งเอามือกุมท้องขณะช้อปปิ้งเพราะหาห้องน้ำไม่เจอ

“ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา”

ใบหน้าเกรียมแดดของเถ้าแก่อู๋เปล่งประกาย เมื่อพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับความถนัดของเขา

เฉินเจียเหอฟังการสนทนาระหว่างพวกเขา และรู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วยเช่นกัน

ดูเหมือนว่าถ้าอาคารตามภาพวาดตรงหน้าของเขาสร้างเสร็จสมบูรณ์ขึ้นมาจริง ๆ ทั้งภรรยาของเขาและเถ้าแก่อู๋จะสามารถยืนอยู่ที่ชั้นบนสุดเพื่อหารือร่วมกันเกี่ยวกับโครงการในครั้งต่อไป

หลินเซี่ยถามเฉินเจียเหอ “คุณมีความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติมไหมคะ?”

เมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก เฉินเจียเหอสนับสนุนให้เธอเป็นฝ่ายออกหน้า “ผมคิดเหมือนคุณ”

“ถ้าอย่างนั้นเรามาพูดถึงการกระจายหุ้นกันดีกว่าค่ะ ถึงเวลานั้นเราจะจัดทำเอกสารสัญญา แล้วทางเราจะขอให้ผู้เชี่ยวชาญมาอ่านสัญญา แล้วค่อยตกลงเรื่องความร่วมมือกันต่อไป”

อู๋เซิ่งหงรู้ขั้นตอนดี เขาหยิบเอกสารอีกฉบับออกมาจากกระเป๋าและส่งยิ้มให้ “ผมร่างสัญญาเรียบร้อยแล้ว ลองอ่านดูก่อนสิ”

ก่อนหน้านี้หลินเซี่ยได้เสนอเงินลงทุนจำนวนสามแสนหยวน ดังนั้นเขาจึงจัดเตรียมเอกสารทั้งหมดที่ครอบคลุมสาระเนื้อหาทุกอย่างติดมาด้วย

หลินเซี่ยยกนิ้วให้เขา “เถ้าแก่อู๋ คุณเป็นคนที่รอบคอบอย่างน่าประทับใจจริง ๆ เลยค่ะ”

เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยเปิดอ่านสัญญาที่มีจำนวนสองหน้าด้วยกัน ถึงแม้พวกเขาจะทำความเข้าใจได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ยังต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยตรวจสอบรายละเอียด

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หลินเซี่ยก็ออกมาจากร้าน และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เถ้าแก่อู๋ ไหน ๆ คุณก็อยู่ที่นี่แล้ว พักอยู่ที่ไห่เฉิงต่ออีกสักสองวันสิคะ”

อู๋เซิ่งหงให้เหตุผลว่า “เวลาของผมค่อนข้างกระชั้นชิดน่ะ ถ้าพวกเราเซ็นสัญญากันแล้ว ผมต้องรีบกลับไปดูงานทันที พอการก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ คุณกับพี่เฉินต้องไปร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ที่เชินเฉิงด้วยนะ”

“ได้ค่ะ”

อู๋เซิ่งหงยื่นเอกสารสัญญาให้หลินเซี่ย “เอาเอกสารสัญญากลับไปศึกษารายละเอียดให้รอบคอบเถอะ เสร็จแล้วค่อยติดต่อมาให้คำตอบกับผมก็ได้”

อู๋เซิ่งหงบอกว่าเขามีเพื่อนคนหนึ่งในไห่เฉิงซึ่งเคยทำงานเป็นช่างก่อสร้างเหมือนกันกับเขาเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากเขาเดินทางมาเมืองนี้แล้ว จึงจะถือโอกาสมาเยี่ยมเขาสักหน่อย

“เสี่ยวหลิน ไม่ต้องกังวลเรื่องผมนะ ไว้ผมจะไปกินข้าวมื้อเย็นที่ร้านอาหารของพ่อแม่คุณทีหลัง”

“ค่ะ เราจะรอคุณอยู่ที่ร้านชามข้าวเหล็กนะคะ ถ้าไปถึงแล้วฉันไม่อยู่ที่นั่น คุณก็ไม่จำเป็นต้องจากไปไหน”

หลินเซี่ยกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นอีกครั้ง จึงเตือนอู๋เซิงหงว่า “เถ้าแก่อู๋คะ ถ้าอารองของฉันมารบกวนคุณอีก ก็ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอกนะคะ”

อู๋เซิ่งหงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวหลิน ผมเข้าใจความกังวลของเถ้าแก่เซี่ย แล้วก็อยากเป็นเพื่อนทางธุรกิจกับเขาจริง ๆ ต่อให้ในครั้งนี้ความร่วมมือระหว่างผมกับเขาจะไม่ได้ผล แต่ก็ยังมีโอกาสมากมายในอนาคต”

“เถ้าแก่อู๋ พรุ่งนี้เรามาสรุปการลงนามในสัญญากันก่อน หลังจากนั้นค่อยผูกมิตรกับอารองของฉันก็ยังไม่สายค่ะ พูดตรง ๆ ไม่ว่าเขาจะพูดให้ร้ายฉันยังไงก็ตาม ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ความร่วมมือระหว่างเราจะไม่เปลี่ยนแปลง”

เถ้าแก่อู๋รู้สึกขอบคุณหลินเซี่ยอย่างสุดซึ้งที่เธอไว้วางใจเขามาก แม้ว่าเซี่ยไห่ซึ่งเป็นอารองของเธอทั้งยังเป็นเจ้าของธุรกิจเหมือนกันจะยืนกรานต่อต้านและพยายามขัดขวางเธอก็ตาม เธอก็ยังไม่หวั่นไหว มุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือกับเขา ทำให้อู๋เซิ่งหงรู้สึกประทับใจจริง ๆ

สำหรับโครงการขนาดใหญ่แบบนั้น เงินลงทุนสามแสนหยวนอาจไม่ใช่จำนวนที่มากมายอะไร แต่สำหรับเขาในเวลานี้ สามแสนหยวนเปรียบดุจฟางเส้นสุดท้ายที่ลอยมาช่วยต่อชีวิต

“อืม ฉันจะจำไว้”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ”

เฉินเจียเหอพาหลินเซี่ยไปหาเพื่อนทนายความของเขาพร้อมกับเอกสารสัญญา

หลังจากทนายซุนอ่านเนื้อหาอย่างละเอียดแล้ว เขาก็บอกว่า “เนื้อหาในสัญญาไม่มีอะไรหมกเม็ด โครงการต่อ ๆ ไปสามารถดำเนินการต่อได้อย่างราบรื่น มีแนวโน้มสูงว่าจะทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ สัญญาชัดเจน รับประกันรายได้และเงินปันผลที่แน่นอน

“สิ่งที่ควรพิจารณาตอนนี้ คือโครงการลงทุนสามารถทำเงินได้จริงไหม สิทธิ และความเสี่ยงระหว่างนักลงทุนต้องเท่าเทียมกัน ประเด็นพวกนี้เขียนไว้ในสัญญาอย่างชัดเจนแล้ว เจ้าของบริษัทอาจไม่กระทำการฉ้อโกงทางการเงิน แต่เป็นไปได้ว่าอาจมีปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้หลายประการระหว่างความคืบหน้าของโครงการหลังจากนี้ และนำไปสู่การขาดทุนได้ คุณต้องเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ด้วย”

“ขอบคุณทนายซุนที่เตือนพวกเราค่ะ เราจะพิจารณาอย่างจริงจัง”

หลังจากได้ยินสิ่งที่ทนายซุนพูด เฉินเจียเหอก็มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

เขาเชื่อแล้วว่าอู๋เซิ่งหงเป็นนักธุรกิจที่ซื่อสัตย์และจริงจัง แต่นักธุรกิจที่จริงใจจะทำเรื่องจริงจังให้สำเร็จได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เงินลงทุนสามแสนไม่มีหวนกลับ

หลังขอตัวกลับจากสำนักงานของทนายซุน เฉินเจียเหอก็ยังไม่คลายหว่างคิ้วที่ขมวดเป็นปม หลินเซี่ยตระหนักดีถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขา จึงมองหน้าเขาแล้วถามว่า

“เฉินเจียเหอ คิดอะไรอยู่? เวลานี้คุณกลับคำพูดตัวเองไม่ทันแล้วนะ ไม่ต้องกังวลค่ะ โครงการนี้จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน จะไม่มีการขาดทุนใด ๆ ทั้งสิ้น ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันมีความทรงจำเกี่ยวกับชาติที่แล้ว? คุณต้องมั่นใจในตัวฉันและเถ้าแก่อู๋ในมาก และต้องมีความมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจของยุคนี้ด้วย ถ้าคุณมีเวลาว่าง ฉันจะพาคุณไปที่เชินเฉิงเพื่อดูว่าเมืองนั้นพัฒนาไปเร็วแค่ไหน”

“ผมมั่นใจในตัวคุณ” เขาคลายสีหน้ากังวลลง มองหลินเซี่ย และพูดด้วยน้ำเสียงเน้นย้ำว่า “นี่เป็นโครงการแรกที่ภรรยาของผมตัดสินใจลงทุน ผมจะสนับสนุนคุณไปจนสุดทาง รอวันที่คุณจะได้รับเงินปันผลอย่างมหาศาล ถึงตอนนั้นเราไปฉลองความสำเร็จกันแค่สองคนนะ”

ต่อให้ขาดทุนขึ้นมาจริง ๆ… ค่อยว่ากันอีกที!

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

โล่งใจไปขั้นหนึ่งแล้ว สัญญาเป็นจริงไม่จิงโจ้ เหลือแค่อธิษฐานขอให้ได้กำไรเท่านั้นล่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท