เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 479 ฝึกสัตว์ร้ายยักษ์

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 479 ฝึกสัตว์ร้ายยักษ์

บทที่ 479 ฝึกสัตว์ร้ายยักษ์

ยามที่นั่งอยู่บนหลังฉางเมา เสี่ยวเป่าพยายามหมอบให้ต่ำที่สุด

แต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงหมาป่าเห่าตามหลังมาติด ๆ

นางกำลังจะหันกลับไปมอง แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างตกลงบนหลังฉางเมาที่นางนั่งอยู่

ทันทีที่เสี่ยวเป่าหันไปมองก็พลันสบเข้ากับนัยน์ตาสีม่วงของคนผู้นั้น

ดวงตาคู่นั้นทำให้นางตกอยู่ในภวังค์ เพราะมันเหมือนเยว่หลีมาก!

แต่ต่างกันตรงที่ทุกครั้งที่เยว่หลีพบนาง เขาจะยิ้มแย้มจนตาเป็นประกายเสมอ

แต่ตอนนี้ดวงตาคู่นั้นฉายแววดุร้ายราวกับสัตว์ป่า

ชายคนนั้นเองก็เหมือนจะประหลาดใจที่มีคนอยู่บนหลังสัตว์ร้ายยักษ์ตัวนี้อยู่ก่อนแล้ว!

เขาไม่เสียเวลาสนใจเรื่องอื่นในเวลาคับขันเช่นนี้ พลันรีบคว้าเชือกที่ตนสะพายอยู่บนไหล่ออกมาแกว่ง แล้วเขวี้ยงเชือกพันรอบงาโค้งยาวทั้งสองข้างของสัตว์ร้ายยักษ์

เห็นได้ชัดว่าเขาใช้แรงทั้งหมดที่มีจนกล้ามแขนเกร็งขึ้นเป็นลูก รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งและทรงพลัง

“แปร๊น!!!”

สัตว์ร้ายยักษ์ถูกดึงด้วยแรงมหาศาลจนหัวเชิดขึ้น มันพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อเหวี่ยงคนผู้นั้นให้ตกจากหลังของมัน

แต่ชายหนุ่มจับเชือกไว้แน่น ขาทั้งสองข้างหนีบหลังของสัตว์ร้ายไว้ เรียกได้ว่าเกาะหนึบไม่มีขยับ

เสี่ยวเป่าเสียการทรงตัวจากการยื้อยุดของพวกเขาจนเกือบหล่น โชคดีที่นางถลาเข้าไปในอ้อมแขนชายหนุ่มเสียก่อน

กระแทกแรงจนเกิดเสียงดังตึก แต่คนที่โดนกลับไม่เป็นอันใด มีเพียงหัวของเสี่ยวเป่าที่กระแทกหน้าอกแข็ง ๆ ของคนผู้นั้นจนเจ็บ

ชายหนุ่มเพียงก้มมองนางด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะหันกลับไปสนใจสถานการณ์ตรงหน้าต่อ

ผ่านไปไม่นาน เสี่ยวเป่าก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ว่าชายผู้นี้กำลังฝึกสัตว์ร้ายยักษ์

ซึ่งสัตว์ร้ายยักษ์ที่เขาต้องการฝึกให้เชื่องก็คือฉางเมาที่นางนั่งอยู่

ด้านหมาป่าหลายตัวก็ล้อมฉางเมาที่เหลือไว้ ทว่าไม่ได้โจมตีพวกมันแต่อย่างใด เพียงแยกพวกมันไว้ ไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวที่เสี่ยวเป่านั่งอยู่

ใช่แล้วล่ะ ฉางเมาที่เสี่ยวเป่านั่งอยู่นั้นเป็นผู้นำของฝูง

เสี่ยวเป่าค่อย ๆ สูดหายใจเข้าลึก ในเวลานี้นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง พยายามเกาะอีกคนให้แน่น ไม่เช่นนั้นนางอาจถูกเหวี่ยงลอยขึ้นกลางอากาศเมื่อใดก็ได้ ฉางเมาสูงใหญ่เพียงนี้ หากพลัดตกลงไปแล้วเกิดโดนเหยียบขึ้นมา นางต้องตายอย่างอนาถเป็นแน่

ส่วนอีกคน แม้มีคนตัวเล็กอยู่ในอ้อมแขน ทว่าไม่เป็นอุปสรรคเลยสักนิด

สายตาจับจ้องเพียงสัตว์ร้ายยักษ์เท่านั้น

ใช้เวลาเกือบสองเค่อ เสี่ยวเป่ารู้สึกว่าช่างเป็นสองเค่อที่ยาวนานที่สุดเท่าที่นางเคยพบเจอ

ในที่สุดสัตว์ร้ายก็หยุดขัดขืน ลดงวงลงด้วยท่าทางสงบ และก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง

ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจท่าทางผ่อนคลายขึ้น

เมื่อแน่ใจว่าสัตว์ร้ายยักษ์ไม่มีท่าทีต่อต้านแล้ว เขาจึงลูบหัวขนาดใหญ่ของมัน ก่อนจะพาคนตัวเล็กในอ้อมแขนลงจากหลังฉางเมา

เขายังคงมองนางด้วยใบหน้าเรียบเฉย คนแปลกหน้าผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ชาวฉางเซิงเทียน

เสี่ยวเป่าเองก็พยายามเพ่งมองอีกฝ่ายเช่นกัน แต่ฟ้ามืดเช่นนี้ นางเห็นรูปร่างหน้าตาของคนตรงหน้าได้ไม่ชัด ได้แต่สูดน้ำมูกน่าสงสาร

แล้วนางก็หมดสติไป

ชายหนุ่ม : …

เขารีบคว้าตัวอีกคนไว้ก่อนจะเขย่าเบา ๆ แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองใด ๆ

“กรร!”

ชายหนุ่มหันมองเหล่าหมาป่า ส่งเสียงคำรามราวกับสัตว์ร้ายออกมาจากลำคอ

ฝูงหมาป่าจึงเริ่มขับไล่ฝูงฉางเมาไปจากที่นี่

ถ้ำแห่งหนึ่งในทุ่งหิมะกว้างใหญ่ มีแสงสว่างจากกองไฟลุกโชน

หมาป่าตัวใหญ่หลายตัวและชายหนุ่มผิวดำนั่งอยู่ในถ้ำ ไม่ไกลจากบริเวณที่พวกเขานั่งอยู่ มีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรานอนหลับตาพริ้ม

หมาป่าตัวหนึ่งเดินเข้าไปหาเด็กหญิงตัวเล็ก ดมกลิ่นนางด้วยความสงสัย มันชอบกลิ่นบนตัวของนางยิ่งนัก

หางพวงนุ่มแกว่งเล็กน้อย พอเห็นเด็กน้อยตัวสั่นเพราะความหนาวเย็น จึงก้าวเข้าไปนอนลงใกล้ ๆ

อาจเพราะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เด็กน้อยจึงพลิกตัวเข้าไปซุกขนปุกปุยของมัน

ชายหนุ่มเหลือบมองการกระทำพวกนั้นเพียงครู่เดียว ก่อนจะถอนสายตากลับมาสนใจอาหารตรงหน้า ไม่คิดจะห้ามพวกมัน

เขาจ้องเนื้อย่างบนกองไฟ รอจนเนื้อสุกจึงกัดเนื้อเข้าไปคำใหญ่

ไม่นานหลังจากนั้น เสี่ยวเป่าก็ตื่นขึ้นมาพร้อมความงุนงง

นางกวาดตามองหมาป่าขนยาวตัวใหญ่ที่อยู่รอบตัว

ด้านนอกท้องฟ้ามืดมาก อีกทั้งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วนัก นางจึงไม่ทันได้สังเกตให้ชัด จนกระทั่งตอนนี้ นางพึ่งรู้ว่าใต้หล้านี้มีหมาป่าตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ด้วย!

แต่ขนของพวกมันทั้งหนาและนุ่มมาก

เสี่ยวเป่ายั้งใจไว้ไม่ไหว จึงลองสัมผัสขนตรงหน้าอกของหมาป่าตัวหนึ่งดู

แต่แล้วนางก็ค้นพบว่าท่ามกลางฝูงหมาป่ามีมนุษย์คนหนึ่ง

นัยน์ตาสีม่วงดุดันราวกับหมาป่า และแฝงไปด้วยความดุร้าย

เสี่ยวเป่ากลัวสายตาคู่นั้นจนต้องขยับเข้าไปหลบหลังหมาป่าตัวใหญ่

แต่ชายคนนั้นเพียงมองนางนิ่ง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากถ้ำไป

แม้ในถ้ำจะแสงน้อย แต่นางก็พอจะมองเห็นว่าคนผู้นั้นสวมเพียงเสื้อผ้าบาง ๆ!

พอก้มมองตัวเอง ห่อตัวจนหนาพอ ๆ กับหมีขั้วโลกแล้ว

เสี่ยวเป่าเดินตามเขาออกมา

“เจ้าเป็นใคร เป็นคนเผ่าฉางเซิงเทียนหรือไม่ เจ้าเห็นสหายของข้าแล้วก็เสือสองตัวหรือไม่”

ตอนนี้ชายหนุ่มผิวคล้ำคนนั้นเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่นางเห็น เสี่ยวเป่าคิดว่านางต้องติดตามเขาไว้

หากนางถูกทิ้งให้อยู่ท่ามกลางหิมะขาวและหนาวเย็นเช่นนี้เพียงลำพังล่ะก็ แม้ไม่อดตาย ก็ต้องแข็งตาย หรือไม่ก็หวาดกลัวจนตายแน่

เสี่ยวเป่าเดินตามออกมาจนเกือบจะพ้นปากถ้ำ ทว่าสะดุดก้อนหิมะจนเกือบล้มหน้าทิ่มเสียก่อน

หัวของนางชนแผ่นหลังคนข้างหน้า จนเขาเกือบล้มหน้าทิ่มเช่นกัน แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ใดล้ม ชายหนุ่มหันขวับ จ้องเสี่ยวเป่าด้วยสายตาดุร้าย

“ขออภัย ขออภัย…”

เสี่ยวเป่ารีบกล่าวขอโทษ แต่ทันทีที่นางเงยหน้ามองคนผู้นั้น ก็ต้องตกใจจนอ้าปากค้าง

“เจ้า เจ้า… เยว่หลี!”

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท