ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 456 สามแสนเป็นเงินเท่าไร

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 456 สามแสนเป็นเงินเท่าไร

ตอนที่ 456 สามแสนเป็นเงินเท่าไร

เมื่อเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยกลับมาที่ร้านอาหาร เซี่ยเหลย หลิวกุ้ยอิง และหญิงชราก็รีบเข้ามาถามไถ่พวกเขา

คุณแม่เซี่ยถามอย่างกังวลใจว่า “เซี่ยเซี่ย หลานเจอเถ้าแก่อู๋แล้วหรือยัง?”

“เจอกันแล้วค่ะคุณย่า”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ทุกคนก็ดูโล่งใจ “ยังทันอยู่ก็ดีแล้ว”

เซี่ยเหลยมองดูลูกสาวของเขาซึ่งภาวะอารมณ์เปลี่ยนจากเมฆครึ้มเป็นกระจ่างสดใส ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามอย่างสงสัยว่า “เซี่ยเซี่ย พวกเรายังไม่ได้ถามลูกเลย ลูกเชิญเถ้าแก่อู๋มาที่ไห่เฉิงเพื่อคุยธุรกิจกับเขาจริงหรือเปล่า?”

เซี่ยไห่บอกว่าหลินเซี่ยต้องการชักชวนให้เขาลงทุน แต่เขาไม่เห็นด้วยกับการลงทุนดังกล่าว เขาเลยถือวิสาสะส่งเถ้าแก่อู๋ออกไปอย่างไม่ไว้หน้า แต่หลินเซี่ยไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับพวกเขาเลย

ถ้าหลินเซี่ยมีความคิดทำนองนั้นอย่างลับ ๆ แล้ววางแผนจะหว่านล้อมเซี่ยไห่หลังจากเชิญเถ้าแก่อู๋มา เธอก็ไม่น่าจะมีทัศนคติแบบนั้นต่อเซี่ยไห่

เซี่ยเหลยแค่อยากรู้ว่าลูกสาวของเขากำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่

เธอเป็นเจ้าของธุรกิจร้านตัดผม ทำไมถึงไปเกี่ยวข้องกับเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้?

หลินเซี่ยอธิบาย

“ใช่ค่ะ เถ้าแก่อู๋ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวคือการรับเหมาก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ตอนนี้เขากำลังจะพัฒนาโครงการใหญ่ อารองลงทุนที่ดินในไห่เฉิงเป็นหุ้นร่วมไปแล้ว ส่วนฉันอยากลงทุนในฐานะหุ้นส่วน รับส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทของเขา”

หลินเซี่ยแสดงความคิดของตัวเอง เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงมองหน้ากัน และถามต่อว่า “เงินลงทุนที่ว่าเป็นของลูกเองหรือเปล่า?”

หลินเซี่ยยังคงพยักหน้า “ฉันลงทุนในนามตัวเองค่ะ”

น้ำเสียงของเธอเผยความจริงจัง ใบหน้าที่ซื่อตรงและละเอียดอ่อนเปล่งประกายด้วยความมั่นใจ เฉินเจียเหอก็ยืนอยู่เคียงข้างเธอด้วยท่าทางสนับสนุน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว

นี่แปลว่าเธอไม่ต้องการที่จะโน้มน้าวเซี่ยไห่ให้ลงทุนแต่อย่างใด ทั้งหมดเป็นธุระของเธอเอง

เซี่ยเหลยถามด้วยความเป็นห่วง

“เซี่ยเซี่ย วางแผนลงทุนครั้งนี้ไปเท่าไหร่? ลูกเพิ่งจะเปิดร้านใหม่ไป ยังมีเงินเหลือพอลงทุนอีกเหรอ?”

เซี่ยเหลยมองดูลูกสาวของเขา ทันใดนั้นก็เกิดความรู้สึกผิดต่อเธอ เธอยังเด็กมาก แต่ต้องระดมสมองทุกวิถีทางเพื่อคิดหาช่องทางทำเงิน ถ้าเขาในฐานะพ่อมีความสามารถมากกว่านี้สักหน่อย ช่วยอยู่ดูแลและปกป้องคุ้มครองเธอมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เธอคงได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเช่นเดียวกับเด็กสาวคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน เรียนต่อมหาวิทยาลัย มีแฟน และมีความสุขกับวัยเยาว์

เขาชักอยากรู้ว่าลูกสาวไปหาเงินลงทุนมาจากไหน?

แล้วตอนนี้เธอประสบปัญหาเรื่องเงินเพื่อการลงทุนหรือเปล่า?

ถ้าลูกสาวปริปากแม้แต่คำเดียวว่าต้องการ เขาก็เต็มใจจะควักเงินทั้งหมดออกมาสนับสนุนเธอโดยไม่ลังเล

หลินเซี่ยรู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อเธอสบสายตาที่เต็มไปด้วยความอาทรของผู้เป็นพ่อ

ในที่สุดเธอก็ต้องเผชิญกับปัญหานี้

เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ

“พ่อคะ ฉันกับเฉินเจียเหอไปขอยืมเงินจากคุณอาหญิงค่ะ ฉันขอร้องคุณอาเองว่าอย่าเพิ่งเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง”

เฉินเจียเหอพยักหน้า “ใช่ครับ พวกเราตั้งใจว่าจะขอให้คุณอาหญิงร่างเอกสารการกู้ยืมเงินเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วเราจะหาเงินมาคืนเงินหล่อนภายในปีหน้า”

หลังจากได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด เซี่ยเหลยก็เข้าใจทันทีว่าความมั่นใจของเธอในการเผชิญหน้ากับเซี่ยไห่มาจากไหน

เขาเกือบจะลืมเซี่ยอวี่ไปแล้ว

“ยืมหล่อนมาเท่าไหร่ล่ะ?” หลิวกุ้ยอิงถาม

เซี่ยเหลยและคุณแม่เซี่ยก็รอคอยคำตอบจากเธอด้วยความอยากรู้เช่นกัน

“ยืมมา… ยืมมาสามแสนหยวนค่ะ” หลินเซี่ยบอกตัวเลขนี้ด้วยความรู้สึกผิดและลำบากใจในเวลาเดียวกัน

ขาของหลิวกุ้ยอิงพลันอ่อนแรงด้วยความตกใจจนเกือบจะล้มลง มองไปที่หลินเซี่ยด้วยความคาดไม่ถึง ถามอย่างเร่งด่วนว่า “เท่าไหร่นะ?”

“สามแสนหยวนค่ะ”

เซี่ยเหลย “!!!”

หลิวกุ้ยอิง “!!!”

แม้แต่คุณแม่เซี่ยที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเกินครึ่งชีวิตยังอดตกตะลึงไม่ได้

เซี่ยเหลยช่วยประคองหลิวกุ้ยอิงที่ตกใจจนเข่าอ่อน เมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดเพราะความตกใจ เขารู้ทันทีว่าเรื่องนี้เกินความคาดหมายของหล่อนไปแค่ไหน

ความยากจนเป็นกรอบที่คอยจำกัดจินตนาการของหลิวกุ้ยอิง ก่อนที่จะย้ายมาที่ไห่เฉิง เงินก้อนจำนวนเดียวที่มากที่สุดนับแต่หล่อนเคยเห็นคือเงินค่าชดเชยการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุของหลินต้าฝู ซึ่งมีมูลค่าสามพันหยวนถ้วน

ตอนนั้น แม่เฒ่าหลินปาดนิ้วหัวแม่มือชุบน้ำลาย จากนั้นก็คว้าธนบัตรมานับอย่างรวดเร็ว ส่วนหล่อนได้แต่ยืนมองอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า

นั่นเป็นเงินมากที่สุดเท่าที่หล่อนเคยเห็นมาในชีวิตทั้งสี่สิบเอ็ดปี

เมื่อมองดูธนบัตรปึกใหญ่เหล่านั้นในเวลานั้น หล่อนกลับไม่มีความโลภอยากครอบครองเงินที่ว่าเลย ที่จริงหล่อนออกจะเกลียดเงินจำนวนนั้นด้วยซ้ำไป

เพราะนั่นคือเงินที่แลกมาด้วยชีวิตของหลินต้าฝู

สามแสนล่ะนับเป็นเงินเท่าไร?

มากถึงขั้นบรรจุใส่กระสอบหรือเปล่า?

เธอจินตนาการภาพนั้นไม่ออก

แต่หลินเซี่ยกลับกล้ายืมเงินสามแสนหยวนมาจากเซี่ยอวี่

ในขณะนี้ นอกจากจะตกใจกับความกล้าหาญของลูกสาวแล้ว หลิวกุ้ยอิงยังได้ทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับอาชีพของเซี่ยอวี่ในฐานะนักแสดงอีกด้วย

หลินเซี่ยเห็นใบหน้าของผู้ใหญ่ทั้งสามที่ตกตะลึงนิ่งอึ้ง ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

เงินจำนวนสามแสนในยุคสมัยนี้ อาจจะดูน่ากลัวมากสำหรับคนยุคเก่าอย่างพวกเขา

เธอกลัวเหลือเกินว่าพ่อกับแม่จะสั่งเสียงกร้าวให้เธอคืนเงินเหล่านั้นกับเซี่ยอวี่ในวินาทีถัดมา

เฉินเจียเหอมองไปยังพ่อตาและแม่ยายของเขาที่ตะลึงลานเสียจนพูดไม่ออก จึงรับหน้าที่แก้ไขสถานการณ์ให้ราบรื่น “โครงการที่เซี่ยเซี่ยสนใจมีความน่าเชื่อถือมากครับ ผมเองก็ได้อ่านเนื้อหาในเอกสารอย่างละเอียดแล้ว ทั้งยังให้เพื่อนของผมที่เป็นทนายความช่วยตรวจสอบอีกชั้น พบว่าไม่มีปัญหาใด ๆ ยิ่งลงทุนมากก็ยิ่งได้กำไรกลับคืนมามาก พวกเรามั่นใจว่าจะได้เงินคืนให้คุณอาภายในปีหน้าแน่ครับ”

แม้ว่าเซี่ยเหลยจะตกใจเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้านใด ๆ สีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วและพยักหน้า “เอาล่ะ ในเมื่ออาหญิงของพวกเธอให้ยืมเงินแล้ว ก็จัดการเรื่องลงทุนต่อไปเถอะ”

หลินเซี่ยไม่คิดว่าพ่อจะใจกว้างจนยอมรับการตัดสินใจของเธอได้ง่ายขนาดนี้ เขาไม่คัดค้านใด ๆ เลยจนเธอถามอย่างไม่แน่ใจว่า “พ่อ ไม่กลัวว่าฉันจะเอาเงินไปเททิ้งเสียเปล่าเหรอคะ?”

เซี่ยเหลยพยายามฝืนยิ้ม “การทำธุรกิจมีทั้งได้กำไรและขาดทุน ในเมื่อลูกกับเจียเหอยืนยันว่าตรวจสอบความเสี่ยงทุกอย่างดีแล้ว หมายความว่าลูกต้องมั่นใจกับมันมาก บอกตามตรงว่าทั้งพ่อกับแม่ตามกระแสเศรษฐกิจสมัยนี้ไม่ทันแล้ว เราไม่ค่อยเข้าใจการลงทุนนักหรอก สิ่งเดียวที่เราทำได้คือสนับสนุนลูกเท่านั้น”

เขาไม่เข้าใจเรื่องการลงทุน และไม่เข้าใจด้วยว่าลูกสาวไปเอาความกล้าที่ในการยืมเงินสามแสนหยวนมาจากไหน

แต่ถ้าเธอตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป เธอก็ควรมีเหตุผลในการพิจารณาของตัวเอง

ช่วงหลายปีที่เขาสูญเสียความทรงจำ เขาไม่มีองค์ความรู้ด้านไหนเลยนอกจากการทำอาหาร ดังนั้นจึงรู้ตัวดีว่าไม่สามารถแสดงความคิดเห็นใด ๆ ได้

ถ้าลูกสาวสูญเงินสามแสนหยวนไปจริง ๆ กรณีที่แย่ที่สุด… อย่างเลวร้ายที่สุด เขาและหลิวกุ้ยอิงจะช่วยกันทำอาหารขายและสะสมเงินเพื่อช่วยเธอใช้หนี้

โชคดีที่เงินจำนวนนั้นยืมมาจากเซี่ยอวี่ อย่างน้อยก็มั่นใจในสภาพคล่องได้ในระดับหนึ่ง

หลินเซี่ยรู้สึกประทับใจมาก เธอโผเข้ากอดเซี่ยเหลย “พ่อขา พ่อใจดีกับลูกคนนี้ที่สุด”

การถูกสวมกอดอย่างกะทันหันจากลูกสาว ทำให้เซี่ยเหลยชะงักค้าง ท่าทางเคอะเขินเล็กน้อย

เขาลูบหลังหลินเซี่ย สีหน้าเปี่ยมด้วยความรัก “ลูกคือแก้วตาดวงใจตัวน้อยของพ่อ ไม่ว่าลูกจะทำอะไร พวกเราจะสนับสนุนลูกเสมอ”

คุณแม่เซี่ยยกมือขึ้นลูบหลังเธอเช่นกัน “เซี่ยเซี่ย ย่าก็พร้อมสนับสนุนหลานเหมือนกันนะ”

หลินเซี่ยผละจากพ่อแล้วสวมกอดคุณแม่เซี่ยอีกครั้ง “ขอบคุณนะคะคุณย่า”

เฉินเจียเหอที่อยู่ด้านข้างมองหลินเซี่ยด้วยสีหน้าน้อยใจ พอเห็นว่าเธอกอดคนนั้นคนนี้แล้วไม่ยอมหันมากอดเขา ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาเป็นคนแรกที่ยอมสนับสนุนเธอ ทำไมถึงไม่กอดเขาบ้าง?

เซี่ยเหลยและคุณแม่เซี่ยต่างก็แสดงท่าทีของพวกเขา แต่หลิวกุ้ยอิงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่นั่นด้วยอาการมึนงง ในใจยังคงสับสนวุ่นวายกับการคำนวณค่าใช้จ่ายสามแสนหยวนเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมมากชึ้น

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

นี่ก็ลุ้นเหมือนกันค่ะว่าเซี่ยเซี่ยจะโดนครอบครัวด่าหรือเปล่า แต่แล้วก็โล่งใจ ครอบครัวนี้ช่างอบอุ่นจริงๆ

พี่เหองอนอีกแล้วนะ ขี้งอนจริงๆ เลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท