ตอนที่ 497 เซี่ยอวี่ตกอยู่ในอันตราย
ตอนที่ 497 เซี่ยอวี่ตกอยู่ในอันตราย
เนื่องจากเหล่าสมาชิกรุ่นเยาว์ไม่อยู่บ้านมาสองสามวันแล้ว คุณแม่เซี่ยจึงเอาแต่จับเจ่าอยู่ที่บ้านตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของพวกเขา ตอนนี้ก็ใกล้ถึงวันเปิดเทอมของหู่จือพอดี เด็กชายบอกว่าอยากไปพายเรือเล่นก่อนจะเปิดภาคเรียน แต่ด้วยความที่คุณแม่เซี่ยอายุมากแล้วและมักจะเวียนหัวเมื่อนั่งเรือ คนอื่น ๆ ก็มีงานยุ่ง นางจึงไม่ไว้ใจให้คนอื่นพาหู่จือออกไปเที่ยวเล่น
หู่จือจึงขอโทรหาเฉินเจียวั่ง ให้อาสามเป็นคนพาเขาออกไปพายเรือที่สวนสาธารณะ
เฉินเจียวั่งโทรไปชวนเจียงอวี่เฟยอีกทอดหนึ่ง จากนั้นทั้งสองก็พาหู่จือไปที่สวนสาธารณะ
ทันทีที่หู่จือจากไป คุณแม่เซี่ยก็รู้สึกเหงาหงอยยิ่งกว่าเดิม นางนั่งอยู่ในลานบ้าน จ้องมองท้องฟ้าด้วยอาการเหม่อลอย ทันใดนั้นก็โทรหาเซี่ยอวี่ แต่อีกฝ่ายบอกว่าหลังจากถ่ายทำโฆษณาแล้วก็มีนัดไปรับประทานอาหารกับผู้ใหญ่คนสำคัญ ตอนเย็นมีนัดคุยกันเรื่องโฆษณาอีกตัว เสร็จหมดแล้วถึงจะปลีกตัวกลับได้
หญิงชราคิดจะโทรถามเซี่ยไห่ด้วยว่าพวกเขาจะกลับมาเมื่อใด แต่ได้ยินมาว่าการโทรทางไกลนั้นแพงเกินไป จึงไม่อยากโทร ทำได้เพียงนั่งอยู่คนเดียวในลานบ้านและรอเป็นเวลานาน
ช่วงบ่าย เย่ไป๋ก็มาเยี่ยมนางพร้อมกับอาหารอร่อย ๆ
เมื่อคุณแม่เซี่ยเห็นเย่ไป๋ อารมณ์อันเหี่ยวเฉาของนางก็ฟื้นขึ้นมาทันที
“คุณป้า ผมซื้อผลไม้กับข้าวกล่องจากร้านอาหารมาให้ครับ วันนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนกินข้าวด้วย”
เย่ไป๋ไปที่ห้องครัวเพื่อล้างผลไม้ เทอาหารที่บรรจุกล่องลงจานแล้วยกไปเสิร์ฟบนโต๊ะ
“คุณป้า กินน้ำแกงก่อนนะครับ” จากนั้นเขาถาม “แล้วหู่จือไปไหนเหรอครับ?”
“เจียวั่งพาหู่จือออกไปเที่ยวเล่นน่ะ”
เมื่อว่าที่ลูกเขยมาอยู่เป็นเพื่อนกินข้าว คุณแม่เซี่ยก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น กินข้าวกล่องที่เขาซื้อมาฝากด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
“เย่ไป๋ ได้โทรหาเซี่ยอวี่บ้างหรือเปล่า?”
เย่ไป๋ตักอาหารให้หญิงชราแล้วตอบกลับ “โทรครับ แต่หล่อนงานยุ่งอยู่”
หญิงชราถอนหายใจ “ฉันว่าพวกเธอสองคนต่างก็งานยุ่งมากจนยากจะเจอกันแบบนี้ อีกหน่อยจะทำยังไงล่ะ?”
แม้ว่าพวกเขาจะรักกัน แต่ทั้งสองก็มีภาระงานรัดตัวจนเกินไป แถมเซี่ยอวี่ยังต้องวิ่งไปถ่ายงานนอกสถานที่บ่อย ๆ เดิมทีคุณแม่เซี่ยอยากรอให้เซี่ยเหลยและคนอื่น ๆ กลับมาก่อน แล้วค่อยจัดการเรื่องงานแต่งของพวกเขา แต่เมื่อคำนึงถึงสถานการณ์แล้วก็พบว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย
“พ่อหนุ่มเอ๋ย ถ้าหล่อนไม่ได้อยู่ในไห่เฉิง เธอจะได้ใช้เวลาร่วมกันยังไงล่ะ?”
เย่ไป๋กำลังประสบปัญหานี้อยู่เช่นเดียวกัน แต่นั่นคือลักษณะงานของเซี่ยอวี่
เขาเป็นคนบอกเองว่าตราบใดที่หล่อนยอมคบกับเขา หล่อนไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไร
เขาต้องยอมรับสภาพและทำความเข้าใจกับงานของหล่อนให้ได้
“คุณป้า เซี่ยอวี่เพิ่งมาถึงไห่เฉิงได้ไม่นาน หล่อนมีความจำเป็นต้องสร้างฐานแฟนคลับและขยายโอกาสทางอาชีพที่นี่ หลังจากนี้หล่อนไม่น่าจะมีงานยุ่งตลอดเวลาแล้วนะครับ” เย่ไป๋พูดกับคุณแม่เซี่ย “คุณป้า ถ้าหล่อนทำงานเสร็จ ผมจะไปรับหล่อนเอง”
“พวกเธอทั้งคู่ต่างก็มุ่งมั่นในอาชีพของตัวเอง ฉันรู้ดีว่างานของพวกเธอมีความสำคัญมาก ตราบใดที่เธอสองคนเข้าใจกันและมีกันและกันอยู่ในใจ ต่อให้จะไม่ได้เจอกันทุกวัน ยังไงหัวใจก็อยู่ด้วยกันเสมอ”
“แค่เห็นว่าเธอเข้าใจลูกสาวฉัน ฉันก็ดีใจมากแล้ว ครอบครัวเราไม่ได้มองคนผิดจริง ๆ”
“คุณป้า รีบกินข้าวเถอะครับ พี่ใหญ่กับคนอื่น ๆ น่าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้”
เย่ไป๋กินข้าวกับคุณแม่เซี่ยเสร็จแล้วก็เก็บจาน แล้วบอกลาหญิงชราเพื่อจากไป
พวกเขาทั้งสองจับมือหู่จือกันคนละข้าง หู่จือหัวเราะอย่างมีความสุข เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเพิ่งมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน
เมื่อเห็นเย่ไป๋ เจียงอวี่เฟยก็รีบกล่าวทักทาย “พี่ชาย”
“อืม กลับมากันแล้วเหรอ?”
หู่จือตะโกนเรียกอย่างตื่นเต้น “ลุงเย่ พวกเราไปพายเรือกันมาฮะ อาสามของผมพายเรือเก่งมาก”
“สนุกมากเลยใช่ไหม?”
“สนุกสุด ๆ”
เฉินเจียวั่งเลิกคิ้ว มองเย่ไป๋และพูดจาล้อเลียน “พี่เย่ คุณคิดว่าแฟนตัวเองน่าจะกลับมาแล้ว? แต่ปรากฏว่าคำนวณพลาดสิท่า?”
รอยยิ้มอ่อนโยนอยู่บนใบหน้าของเย่ไป๋ น้ำเสียงของเขาสงบ “ฉันแค่แวะมาหาแม่ยาย”
เฉินเจียวั่งหัวเราะเยาะ “โอ้ ยังไม่ทันแต่งงานก็เรียกแม่ยายแล้วเหรอ?”
“แหงสิ ใครจะไปอืดอาดยืดยาดเหมือนคนบางคนล่ะ” สายตาของเย่ไป๋จ้องมองไปที่เขาและเจียงอวี่เฟยด้วยสายตาอันคลุมเครือ
เฉินเจียวั่งรู้สึกกระดากอายขึ้นมาทันที รีบตีตัวออกห่างจากเจียงอวี่เฟย
“ฉันไปก่อนนะ”
ตอนนี้เขาไม่โสดแล้ว แต่กลับไม่มีเวลาว่างเพียงพอเพื่อเจอแฟนสาวของตัวเอง เย่ไป๋คิดแล้วก็ให้รู้สึกอิจฉานิดหน่อย เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มสามารถออกไปเที่ยวข้างนอกได้เป็นวัน
คนหนุ่มสาวเหล่านี้ยังไม่ต้องทำงาน ใช้จ่ายเงินของครอบครัวเพื่อเล่นสนุกในช่วงวันหยุด จะไม่ให้มีช่วงเวลาอันแสนวิเศษได้อย่างไรล่ะ?
เขาคิดฟุ้งซ่านขณะควบขี่มอเตอร์ไซค์
เมื่อกลับถึงบ้าน เขาก็อาบน้ำ แล้วออกไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน และกดโทรหาเซี่ยอวี่
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังอยู่นานก่อนที่อีกฝ่ายจะรับสาย
เสียงทุ้มต่ำของเซี่ยอวี่ดังเล็ดลอดโทรศัพท์เข้ามา “ไว้ฉันค่อยโทรกลับนะ”
ดูเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังอวยพรหล่อน หล่อนจึงจำเป็นต้องตอบรับเขาอย่างสุภาพ “เถ้าแก่หวัง ฉันก็อยากดื่มอวยพรคุณเหมือนกันค่ะ”
เสียงผู้ชายชวนแสลงหูที่ลอดออกมาฟังดูร้อนรนไม่สบายใจแปลก ๆ “คุณเซี่ยครับ โทรศัพท์สายนั้นสำคัญมากจนคุณต้องกดรับตอนนี้เชียวเหรอ? มา มาดื่มกันก่อนเถอะ”
“ฉันยังมีอย่างอื่นต้องทำ ขอวางสายก่อนนะ ไว้ฉันจะโทรหาคุณทีหลัง”
โทรศัพท์วางไปแล้ว เย่ไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับวางโทรศัพท์ของเขาลง
เขารู้สึกไม่สบายใจเพราะลางสังหรณ์แปลก ๆ ไม่รู้สึกล่อตาล่อใจกับหนังสือทางการแพทย์บนโต๊ะอีกต่อไป ไม่มีแก่ใจจะเปิดอ่านสักหน้า
พอย้ายร่างไปนอนบนเตียง เขากลับไม่รู้สึกง่วงเลย
เขารู้ดีว่าเซี่ยอวี่กำลังเข้าสังคม เขาไม่ควรโทรไปรบกวนหล่อนในเวลาดังกล่าว แต่เนื่องจากเสียงหวานกะลิ้มกะเหลี่ยของชายคนนั้นที่แทรกเข้ามามันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
คิดได้แบบนั้นก็ลองกดโทรหาลินดาทันที
เมื่อลินดารับสาย เย่ไป๋ก็ถามถึงเซี่ยอวี่ และกำชับกับลินดาว่าให้เซี่ยอวี่เพลาการดื่มเครื่องดื่มมึนเมาลงหน่อย เพราะเขาบังเอิญได้ยินเซี่ยอวี่พูดว่าหล่อนท้องเสียเมื่อสองสามวันก่อน แต่เขาไม่มีเวลามาเจอก่อนที่หล่อนจะไปถ่ายโฆษณา
เขาเป็นห่วงสุขภาพของเซี่ยอวี่
“ไม่ต้องห่วงค่ะหมอเย่ ผู้ชายคนเมื่อกี้คือเถ้าแก่หวังที่เป็นซีอีโอของบริษัทอาหารในปินเฉิง เขาอยากให้เซี่ยอวี่ไปเป็นนางแบบโฆษณาให้กับบริษัทของพวกเขา การหารือความร่วมมือครั้งนี้เลยค่อนข้างสำคัญ แต่อย่ากังวลค่ะ หล่อนไม่ดื่มจนเกินกำลังตัวเองแน่”
หลังจากที่ลินดาอธิบาย หล่อนก็ตัดบทวางสาย “ฉันขอทำงานต่อก่อนนะคะ”
เย่ไป๋ทนนอนบนเตียงต่อไปไม่ได้แล้ว ลุกขึ้นไปค้นกล่องยาในบ้าน หยิบยารักษาโรคกระเพาะมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็ใส่เสื้อคลุมแล้วออกไปข้างนอก
เขาขี่มอเตอร์ไซค์ตรงไปยังสถานีรถไฟ
ตั้งใจว่าจะจอดรถทิ้งไว้ที่หน้าป้อมตำรวจประจำสถานีรถไฟ แล้วไปสอบถามขบวนรถไฟไปปินเฉิง
ปินเฉิงอยู่ติดกับไห่เฉิง อยู่ห่างออกไปแค่ประมาณหนึ่งร้อยกิโลเมตร มีรถไฟวิ่งผ่านค่อนข้างมากกว่าเมืองอื่น ๆ
เขาตรวจสอบที่ห้องจำหน่ายตั๋ว พบว่ารถไฟขบวนที่เร็วที่สุดจะมาจอดเทียบชานชาลาไห่เฉิงในเวลาสองทุ่มครึ่ง
เขาดูนาฬิกา ตอนนี้สองทุ่มห้านาทีแล้ว
เย่ไป๋รีบซื้อตั๋ว จากนั้นก็ขึ้นรถไฟไปปินเฉิง
หลังจากผ่านการนั่งรถไฟอันทุลักทุเลเกือบสองชั่วโมง ในที่สุดเขาก็มาถึงปินเฉิงในเวลาห้าทุ่มตรง
เขาเรียนที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ปินเฉิงมาเป็นเวลาห้าปี จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองปินเฉิง อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าเซี่ยอวี่พักอยู่ที่ไหน หรือไปรับประทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารไหนในคืนนี้
เย่ไป๋จึงโทรหาเซี่ยอวี่
ไม่มีใครรับสาย
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นมาในใจอีกแล้ว
เขาโทรหาลินดาอย่างเร่งด่วนอีกครั้ง
กดโทรไปหลายครั้งทีเดียวกว่าอีกฝ่ายจะรับ
เย่ไป๋รีบถาม “ลินดา ตอนนี้พวกคุณอยู่ไหน?”
เสียงของลินดาร้อนรนไม่เงียบขรึมเหมือนทุกครั้ง “พวกเราอยู่ที่ไหนกันนะ?”
ดูเหมือนหล่อนกำลังสับสนกับอะไรบางอย่างอยู่พักหนึ่ง ก่อนละล่ำละลักตอบว่า “โรงแรม โรงแรมปินเฉิง”
หลังจากพูดจบ เย่ไป๋ก็ได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโกรธและเกรี้ยวกราดของลินดาดังขึ้นจากปลายสายอีกด้าน
“ปล่อยหล่อนนะ เถ้าแก่หวัง หัดดูสารรูปตัวเองซะบ้าง”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ลางสังหรณ์หมอเย่อย่างแม่น ชาติที่แล้วพี่ทำบุญด้วยอะไรคะ
ไหหม่า(海馬)