ตอนที่ 361 เก็บศพ
“สามารถแบกรับหน้าที่ของตระกูลเยียนได้หรือไม่ เจ้าไม่มีสิทธิ์พูด ข้าถึงจะมีสิทธิ์พูด”
เยียนโส่วจ้านยิ้มล้อเลียน เขามีความสนใจอยากจะเห็นปฏิกิริยาของเยียนอวิ๋นถง
เยียนอวิ๋นถงพูดอย่างหนักแน่น “ย่อมต้องเป็นท่านพ่อที่มีสิทธิ์พูด! เพียงแต่ตำแหน่งนายท่านตระกูลเยียน ข้าก็อยากจะพยายามดู”
เยียนโส่วจ้านหัวเราะ “ข้าจำได้ว่าแต่ก่อนเจ้าไม่เคยสนใจตำแหน่งนี้ เหตุใดวันนี้จึงเปลี่ยนใจอยากจะลองพยายามดู หรือว่าที่ผ่านมา สิ่งที่เจ้าพูดก็แค่ต้องการหลอกลวงข้า”
“ย่อมไม่ใช่! ข้าไม่ต้องการตำแหน่งนายท่านก็จริง แต่ข้าก็อยากจะลองพยายามดู เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของตนเอง ข้ามีคุณสมบัติแบกรับหน้าที่ของตระกูลเยียน แต่ข้าก็มีความกล้าที่จะละทิ้งหน้าที่นี้ หากวันหนึ่ง ข้าได้มาแล้วละทิ้งไป ไม่ใช่ข้าทำไม่ได้ หากแต่ข้าไม่ต้องการ!”
อวดดีเสียจริง!
เยียนโส่วจ้านหัวเราะเย้ยหยันออกมา สีหน้าของเขาดำทะมึน “เจ้าเห็นตำแหน่งนายท่านตระกูลเยียนเป็นสิ่งใด ของเล่นหรือ เจ้าบังอาจ! เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการมีอยู่และล่มสลายของตระกูล เรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนนับหมื่น จะปล่อยให้เจ้าล้อเล่นได้อย่างไร”
เยียนอวิ๋นถงก้มหน้าเล็กน้อย “ข้าไม่ได้ล้อเล่น เพียงแค่พูดตามความจริง”
เยียนโส่วจ้านส่งเสียงไม่พอใจ “เพียงแค่ท่าทีของเจ้านี้ เจ้าก็ไม่คู่ควรแล้ว หากอยากสืบทอดตำแหน่งนายท่านตระกูลเยียน ลองคิดดูก่อนว่าจะปรับปรุงท่าทีของเจ้าอย่างไร”
เยียนอวิ๋นถงเงียบ
เยียนโส่วจ้านขุ่นเคือง ก่อนจะมองไปทางเยียนอวิ๋นฉวน “เจ้าใหญ่ เจ้ามีความเห็นอย่างไร”
เยียนอวิ๋นฉวนพูดด้วยความลังเล “ข้ายังต้องไตร่ตรองให้ละเอียด จึงจะให้คำตอบท่านพ่อได้”
“ข้าจะรอคำตอบของเจ้า พวกเจ้าทั้งสองถอยออกไปเถิด!”
“ขอรับ!”
พี่น้องทั้งสองลุกขึ้น ออกจากห้องสัญญาไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ พี่น้องสองคนไม่มีการพูดคุยแม้แต่น้อย
หลังจากเดินออกมาจากห้องสัญญาแล้ว เยียนอวิ๋นฉวนเรียกเยียนอวิ๋นถงเอาไว้ “เป็นเพราะการพ่ายแพ้ของข้าครั้งนี้ เจ้าจึงบังเกิดความคิดที่จะแย่งชิงตำแหน่งนายท่านใช่หรือไม่”
เยียนอวิ๋นถงหัวเราะ “ท่านยกยอตัวเองเกินไป อีกทั้งดูถูกข้าเกินไป ที่ข้าพูดเรื่องแย่งชิงตำแหน่งนายท่านออกมาในเวลานี้ ท่านดูไม่ออกว่าข้ากำลังบรรเทาความกังวลแทนท่านพ่อหรือ ท่านรับคำสั่งให้นำทัพออกรบ สุดท้ายแม้แต่หน้าของศัตรูยังไม่ได้พบก็ทำให้กำลังพลของตนเองตายเสียก่อน ท่านพ่อผิดหวังต่อท่านอย่างมาก! ท่านรู้ตัวเอาไว้เสียเถิด!”
เยียนอวิ๋นฉวนหัวเราะออกมา “ในที่สุดเจ้าก็เผยธาตุแท้ออกมา ไม่เสแสร้งแสดงบทเคารพพี่รักน้องอีกแล้ว น่ายินดียิ่งนัก!”
เยียนอวิ๋นถงมองฟ้า ถอนหายใจออกมา “เวลานี้ ท่านยังคงสนใจคำถามนี้ ช่างน่าผิดหวังเสียจริง ถึงแม้ท่านกับข้าจะเป็นพี่น้องกัน แต่มักจะถูกเปรียบเทียบไปเปรียบเทียบมาแต่เด็ก เคารพพี่รักน้องที่ว่าก็เป็นเพียงความต้องการของคนอื่น ความต้องการของท่านพ่อ จะไม่ปฏิบัติตามได้อย่างไร
แต่วันนี้ พวกเราต่างต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง เรื่องบางเรื่องสามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง ท่านไม่จำเป็นต้องระแวงข้า ข้าไม่มีทางลงมือลับหลังเพื่อเอาชีวิตของท่าน ส่วนท่าน หากต้องการชีวิตของข้า มีกลวิธีใดก็ใช้ออกมาให้หมด ข้าจะเตรียมรับมือเอาไว้ ข้าพูดเพียงเท่านี้ ขอตัว!”
…
ภายในห้องสัญญา
ตู้ซินแสถามเยียนโส่วจ้าน “ท่านโหวคิดเห็นอย่างไร นายน้อยรองใจกล้ายิ่งนัก ถึงกับเอ่ยเรื่องตำแหน่งนายท่าน หากเป็นนายน้อยใหญ่คงไม่มีทางพูดเช่นนี้ออกมาอย่างแน่นอน”
เยียนโส่วจ้านหัวเราะ “เจ้าสองเป็นคนใจกล้ามาแต่เด็ก ส่วนเจ้าใหญ่นั้น อยู่ในกฎในเกณฑ์อย่างเข้มงวด ปฏิบัติตามคำสั่งทุกเรื่อง พี่น้องสองคนต่างมีข้อดีและข้อได้เปรียบของตนเอง แต่ข้อเสียก็ทั่วไปมาก เฮ้อ ข้าช่างลำบากใจ!”
หางตาของตู้ซินแสกระตุก ท่านโหวได้ผลประโยชน์แล้วจะทำเหมือนขาดทุนอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าคิดว่าตำแหน่งผู้สืบทอดต้องกำหนดในเร็ววัน เพื่อหลีกเลี่ยงการแย่งชิงที่ไม่รู้จักจบ เกิดความขัดแย้งภายในจนส่งผลกระทบต่อจิตใจของพลทหาร”
เยียนโส่วจ้านโบกมือ “จัดการเรื่องตรงหน้าให้เสร็จก่อนเถิด! อูเหิงไม่ยอมถอยหนึ่งวัน ข้าย่อมไม่ได้ว่างหนึ่งวัน!”
…
เมืองหลวง…
เต็มไปด้วยบรรยากาศโศกเศร้า!
กองทัพเหนือพ่ายแพ้ แม่ทัพกองทัพเหนืออู๋ฝ่าเทียนตายในสนามรบ ประชาชนก็ได้รับผลกระทบเมื่อได้ยินข่าวนี้
ในตลาด บนใบหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความกังวล ในใจตื่นตระหนก
กองทัพเหนือที่ไร้เทียมทานยังพ่ายแพ้ ต้าเว่ยยังจะชนะราชวงศ์อูเหิงได้อีกหรือ
กองกำลังอูเหิงจะบุกมาถึงเมืองหลวงหรือไม่
ต้องหาทางหนีออกจากเมืองหลวงเอาไว้ก่อนหรือไม่
หากเมืองหลวงถูกรุกล้ำ แผ่นดินต้าเว่ยจะเปลี่ยนเจ้าแผ่นดินหรือไม่
แต่…
พวกนั้นเป็นต่างเผ่า!
แผ่นดินที่งดงามจะยอมให้ต่างเผ่านั่งบนบัลลังก์มังกร ข่มขี่ราษฎรได้อย่างไร
ไม่ว่าอย่างไร ราชสำนักก็ต้องอดทนเอาไว้ ฮ่องเต้ต้องทรงอดทนเอาไว้ ต้องชนะราชวงศ์อูเหิงให้ได้
กองทัพเหนือพ่ายแพ้แล้ว ยังมีกองทัพใต้ ยังมีกองกำลังเหลียงโจว กองกำลังอวี้โจว…
กองกำลังในแผ่นดินมีมากมาย ไม่เชื่อว่าแผ่นดินต้าเว่ยที่กว้างใหญ่จะต้านทานกองกำลังของราชวงศ์อูเหิงเอาไว้ไม่อยู่
…
ตรอกจินหยิน
เถ้าแก่ซูแห่งร้านผักดองซูจี้วิ่งมาคุยเล่นกับฉินจั่งกุ้ยแห่งร้านน้ำแกงเครื่องในหนานเป่ยสาขาหนึ่ง
เขากำลังดื่มน้ำแกงเครื่องในในวันที่อากาศร้อน ร้อนจนเขาเหงื่อออกเต็มหัว
แม้มือข้างหนึ่งจะโบกพัดอยู่แต่ก็ไม่บรรเทาความร้อนให้ลดลงแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงสั่งน้ำบ๊วยแช่เย็นเพิ่มอีกชาม
ทั้งเผ็ด ทั้งเย็น ชื่นใจ!
เถ้าแก่ซูเช็ดปาก สีหน้ากลุ้มใจ “ฉินจั่งกุ้ย ข่าวเจ้าว่องไว เจ้าว่าข้าต้องหนีออกไปหลบนอกเมืองหลวงสักระยะหรือไม่”
ฉินจั่งกุ้ยยิ้มแย้ม “กองกำลังอูเหิงห่างจากเมืองหลวงนับพันลี้ ตรงกลางยังมีแนวป้องกันที่สร้างขึ้นจากกองกำลังหลากหลายทิศทาง เถ้าแก่ซูอย่าตื่นตระหนก ทำการค้าของท่านอย่างวางใจเถิด!”
เถ้าแก่ซูดวงตาลุกวาว “หากพูดเช่นนี้ เมืองหลวงปลอดภัยหรือ?”
ฉินจั่งกุ้ยพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลานี้เมืองหลวงย่อมปลอดภัย ท่านวางใจเถิด อย่าตื่นตระหนก หากถึงเวลาที่ต้องหนีจริง ผู้ใดจะมีอารมณ์เปิดประตูค้าขายกัน”
เถ้าแก่ซูโล่งใจในทันที “เจ้าพูดมีเหตุผล! เมืองหลวงสงบสุขมานับร้อยปี อย่าได้เกิดเรื่องเด็ดขาด ตระกูลซูของพวกเรา นับแต่รุ่นท่านปู่ของท่านปู่เป็นต้นมาก็ดำรงชีวิตในเมืองหลวง ผ่านมาหลายรุ่นจึงจะสั่งสมหน้าร้านนี้ได้ ไม่อยากจะเสียมันไป
สมบัติทั้งหมดก็มีแต่ร้านนี้ เจ้าว่าหากข้าหนีออกจากเมืองหลวง จะไม่กลายเป็นบุตรหลานที่อกตัญญูหรือ แม้แต่สมบัติของบรรพบุรุษก็รักษาเอาไว้ไม่ได้ ไร้หน้าที่จะพบผู้คน! หวังว่ากองทัพใหญ่ของราชสำนักจะรีบขับไล่อูเหิงออกไป คืนวันเวลาที่สงบสุขให้ทุกคน
นอกจากนี้ยังมีโจรกบฏที่อาละวาดไม่เลิก ปีนี้สวรรค์มีตา ถือว่าสภาพอากาศราบรื่น เจ้าว่าคนพวกนั้นไม่ไปทำนา วิ่งมาก่อกบฏ พวกเขาคิดสิ่งใดอยู่”
ฉินจั่งกุ้ยพูด “กินอาหารอันโอชะจนเคยชินแล้ว อีกทั้งยังกินของที่มีอยู่แล้ว จะยอมก้มหน้าทำนา หาอาหารในดิน กินเศษผักได้อย่างไร คนที่เคยชินกับการสังหารคนจะยอมทนใช้ชีวิตที่สงบสุขได้อย่างไร นิสัยของคนล้วนมาจากความเคยชิน”
เถ้าแก่ซูพูดด้วยความรู้สึกมหัศจรรย์ “ฉินจั่งกุ้ยมีวิสัยทัศน์ เพียงแค่ไม่กี่ประโยคข้าก็เข้าใจเหตุผลในนี้แล้ว พวกเขาเป็นคนที่คุ้นเคยกับการได้มาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่ยอมอดทนใช้ชีวิตที่ต้องตรากตรำในดินอีก เจ้าว่าคนเราเหตุใดจึงไม่รู้จักพอ ได้ยินว่าราชสำนักจะนิรโทษโจรกบฏซือหม่าโต่ว เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่”
ฉินจั่งกุ้ยยิ้มพลันส่ายหน้า “เรื่องใหญ่ของราชสำนัก ประชาชนอย่างข้าไม่รู้มากนัก หากจะนิรโทษโจรกบฏซือหม่าโต่ว อีกไม่กี่วันย่อมต้องมีข่าวออกมา”
เถ้าแก่ซูคล้อยตาม ก่อนจะพูดต่อ “ข้าต้องหาวันไปสักการะที่ศาลหลักเมือง ขอให้เจ้าพ่อศาลหลักเมืองคุ้มครองให้ปีนี้ราบรื่นปลอดภัย อย่าได้เกิดเรื่องอีก”
…
จวนท่านอ๋องผิงชิน!
เซียวเฉิงเหวินสวมชุดสีขาว นั่งตากลมอยู่ในหอซิ่วโหลว
ลมในฤดูร้อนเต็มไปด้วยคลื่นที่ร้อนระอุ ทำให้คนรู้สึกอึดอัด
โชคดีที่หอซิ่วโหลวมีกะละมังน้ำแข็งตั้งไว้
สวีกงกงปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเซียวเฉิงเหวินเหมือนวิญญาณ “ทูลท่านอ๋อง รองแม่ทัพจู้ได้รวบรวมพลทหารที่เหลือของกองทัพเหนือ เตรียมตัวถอยกลับแนวป้องกันแล้ว”
เซียวเฉิงเหวินถอนหายใจ เขารู้สึกเสียดายแทนกองทัพเหนือ
เขาถามเสียงเบา “กองทัพเหนือยังเหลือกี่คน”
สวีกงกงเงียบไปสักพักจึงพูดขึ้น “รองแม่ทัพจู้รวบรวมพลทหารที่เหลือได้ห้าพันนาย คาดว่าจะยังสามารถรวบรวมได้อีกหนึ่งพันนาย”
สีหน้าของเซียวเฉิงเหวินดำทะมึน น้ำเสียงดุดันอย่างมาก “กองทัพเหนือสองสามหมื่นคน ทำสงครามเพียงครั้งเดียวก็เหลือเพียงหกพันคน อู๋ฝ่าเทียนสมควรตาย! เขาจะรบจนตัวตายก็ไม่ควรสังเวยกองทัพเหนือ กองทัพเหนือติดตามเขาจนทำสงครามพ่ายแพ้ นอกจากจะส่งเสริมชื่อเสียงของเขาก็ไร้ประโยชน์แต่อย่างใด
ข้าเคยส่งจดหมายเตือนเขาเมื่อสองเดือนก่อน หากสถานการณ์ไม่เอื้อประโยชน์ อย่าได้สนใจชื่อเสียง รักษากำลังของกองทัพเหนือถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ เพียงแค่กองทัพเหนือยังอยู่ ต้าเว่ยก็ไม่มีทางล้มลง ย่อมจะมีโอกาสกลับมาผงาดอีกครั้ง
แต่เขากลับทำตามใจตัวเอง ไม่สนใจคำพูดของข้า เพียงเพื่อต้องการลบล้างคำสบประมาทของกองทัพเหนือ บังอาจสู้จนตัวตายแต่ก็ไม่ยอมถอย ทำให้พลทหารหลายหมื่นนายตายไปพร้อมกับเขา อู๋ฝ่าเทียนสมควรถูกเชือดเป็นพันครั้ง…แค่กๆ…”
“ท่านอ๋องระงับความโกรธ!”
เซียวเฉิงเหวินโบกมือระรัว “ข้ามีไฟโกรธอยู่ในใจ นับตั้งแต่รู้ว่ากองทัพเหนือพ่ายแพ้ มันก็แผดเผามาจนถึงวันนี้ ไฟนี้ดับไม่ได้ เมื่อนึกถึงกองทัพเหนือที่ใช้เงินและเสบียงมากมายเลี้ยงขึ้นมากลับเหลือเพียงพลทหารหกพันนาย ข้าแค้นจนแทบ…”
เขาหอบหายใจหนัก เห็นได้ชัดว่าโกรธมากจริงๆ
หลังจากนั้นชั่วครู่ เมื่ออารมณ์สงบลงแล้ว เขาก็ถามขึ้นอีก “ในวังจะจัดการอย่างไร ลงโทษอู๋ฝ่าเทียนอย่างไร มีข้อสรุปแล้วหรือไม่”
สวีกงกงโน้มตัวพูด “ในราชสำนักถกเถียงกันตลอดเวลา แม่ทัพใหญ่จากกองกำลังทุกทิศทางต่างถวายฎีกาทูลฟ้อง เรียกร้องให้ประหารอู๋ฝ่าเทียนเก้าชั่วโคตร คืนความเป็นธรรมแก่แม่ทัพที่ตายไป ในราชสำนักมีความเห็นแตกต่างกัน พูดกันไปต่างต่างนานา ฝ่าบาทยังทรงตัดสินพระทัยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม อู๋ฝ่าเทียนก็ตายไปแล้ว แม้แต่ร่างของเขาก็ไม่หลงเหลือ”
ไม่มีคนเก็บศพอู๋ฝ่าเทียน
เนื่องจากเขารบจนตัวตาย ทหารคนสนิทของเขาทั้งหมดล้วนตายไปพร้อมกับเขา ไม่มีคนรอดแม้แต่คนเดียว
พลทหารที่เหลือของกองทัพเหนือยังไม่ได้ปักหลักลงในเวลานี้ อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดมีเวลาเก็บศพให้เขา
อย่างไรก็ตาม เวลานี้จึงเป็นสถานการณ์ประมาณนี้
อู๋ฝ่าเทียน แม่ทัพที่มีชื่อเสียงโด่งดัง สุดท้ายตายในสนามรบ ศพถูกปล่อยไว้ตามที่รกร้าง
น่าโศกเศร้ายิ่งนัก!
ความโหดเหี้ยมของโลกก็คงจะไม่เกินกว่านี้
สวีกงกงเห็นเซียวเฉิงเหวินเงียบเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงถามขึ้น “ท่านอ๋อง ต้องส่งคนไปเก็บศพของแม่ทัพอู๋หรือไม่”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มเย็น “ส่งคำสั่งให้รองแม่ทัพจู้ หากมีโอกาสก็เก็บศพให้อู๋ฝ่าเทียน หากหาโอกาสไม่ได้ก็อย่าฝืน”
พื้นที่ตำแหน่งศพของอู๋ฝ่าเทียนนั้น ในเวลานี้กลายเป็นพื้นที่ของอูเหิงไปแล้ว
ให้คนไปเก็บศพย่อมต้องเสี่ยงอันตราย
นอกเสียจาก คนที่มีฐานะอย่างเยียนโส่วจ้านออกหน้าเจรจากับอูเหิง อูเหิงจึงจะมีโอกาสปล่อยแนวป้องกัน ให้คนต้าเว่ยเข้าไปเก็บศพ
หากไม่มีคนที่มีฐานะอย่างเยียนโส่วจ้านออกหน้า ก็ทำได้เพียงแอบลักลอบเข้าไปเก็บศพ ซึ่งอาจถูกลอบโจมตีจนสูญเสียชีวิตได้ทุกเวลา