ตอนที่ 371 หาคู่ครองให้อวิ๋นเกอ
เมื่อเผชิญหน้ากับหลิวเป่าจู เยียนอวิ๋นจือก็มีท่าทีหวาดกลัว
นางร้อนตัวเล็กน้อย
ในฐานะบุตรสาวที่แต่งออกไป เตรียมตัวกลับมาพักอาศัยในจวนสักระยะหนึ่ง ไม่ว่าด้วยเหตุหรือด้วยผลก็สมควรบอกกล่าวนายหญิง
ทางธรรมเนียม นางก็ควรทักทายถามไถ่
“พี่สะใภ้ระยะนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
“ลำบากเจ้ากังวลใจแล้ว! ข้าได้ยินบ่าวรับใช้บอกว่าเจ้าจะกลับมาอยู่ที่จวนสักระยะ”
“ใช่แล้ว! ลำบากพี่สะใภ้สองเกินไปใช่หรือไม่ พี่สะใภ้สองไม่ต้องสนใจข้า ข้าจะพักเรือนที่ข้าเคยพักแต่ก่อน”
เยียนอวิ๋นจือร้อนรนเล็กน้อย ราวกับกังวลว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธนาง
หลิวเป่าจูยิ้ม “น้องสามไม่ต้องกังวลเช่นนี้ เจ้าจะกลับมาพัก เพียงแค่ฮูหยินรองไม่มีความเห็น ข้าก็ไม่คัดค้าน เพียงแต่ทางตระกูลหลี่ยอมให้เจ้ากลับมาพักหรือ”
เยียนอวิ๋นจือโล่งใจในทันที “พี่สะใภ้วางใจ ทางตระกูลหลี่ข้าจัดการแล้ว พวกเขาต่างยอมให้ข้ากลับมาพักสักระยะ”
“ก็ดี! ข้าแค่กังวลเท่านั้น เจ้าอาจแค่อยากกลับมาพัก แต่ไม่ได้จัดการทางตระกูลหลี่ให้ดี หากเกิดการนินทาขึ้นมา เกรงว่าจะไม่ดีนัก จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าคุณหนูตระกูลเยียนไร้มารยาท”
“พี่สะใภ้สองกังวลเกินไปแล้ว! ข้าไม่ใช่คุณหนูอายุสิบกว่า ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”
“น้องสามรู้ว่าต้องทำอย่างไร ข้าก็วางใจแล้ว ข้าจะให้คนเก็บกวาดเรือนให้ เจ้าต้องการสิ่งใดบอกบ่าวรับใช้ก็พอ”
“ขอบพระคุณพี่สะใภ้สอง!”
“ไม่ต้องเกรงใจ!”
หลิวเป่าจูเตรียมยกชาส่งแขก
แต่เยียนอวิ๋นจือกลับไม่รีบจากไป
“น้องสี่อยู่ในเมืองหลวงนานหลายปี นางไม่คิดจะกลับมาหรือ นางก็ถึงเวลาที่ต้องหาคู่ครองแล้ว คิดจะหาคู่ครองในเมืองหลวง ต่อไปแต่งงานไปยังเมืองหลวง ไม่กลับมาอีกแล้วหรือ”
เมื่อนึกถึงนิสัยอย่างเยียนอวิ๋นเกอยังสามารถแต่งไปเข้าตระกูลชั้นสูงในเมืองหลวงได้ ในใจของนางก็อดอิจฉาไม่ได้
หลิวเป่าจูหัวเราะเสียงเบา “ไม่คิดว่าน้องสามจะเป็นห่วงน้องสี่เช่นนี้ แต่เรื่องของน้องสี่ ข้าไม่รู้นัก เจ้าไปถามฮูหยินรองดีกว่า บางทีนางอาจจะรู้”
เยียนอวิ๋นจือยิ้มเก้อ “ข้าได้ยินว่าเรื่องการแต่งงานของน้องสี่ยังไม่มีข่าวคราว นางคงไม่ได้เลือกจนตาลายใช่หรือไม่! นิสัยของนางนั้น สามารถแต่งเข้าตระกูลใหญ่ได้ก็คือวาสนาอันยิ่งใหญ่แล้ว อย่าได้เลือกมากจนสูญเสียช่วงเวลาที่ดีที่สุด คลาดกับวาสนาที่ดีเลย ข้าก็แค่กังวลแทนนาง หวังว่านางจะหมั้นหมายในเร็ววัน ไม่รู้เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะมีโอกาสได้ดื่มสุรามงคลของนางหรือไม่”
หลิวเป่าจูพูดอย่างจริงจัง “ทั้งบิดาและมารดาของนางยังอยู่ เรื่องคู่ครองของน้องสี่ยังไม่ต้องถึงมือข้า หากน้องสามมีใจจริง เจ้าก็แค่รอคอยข่าวอย่างเงียบๆ ข้าเชื่อว่าองค์หญิงจะหาคู่ครองที่เหมาะสมให้น้องสี่อย่างแน่นอน”
เยียนอวิ๋นจือยิ่งเก้อ นางหลบสายตาของอีกฝ่ายอย่างร้อนตัว
นางแก้ตัวเสียงเบา “ข้าก็แค่เป็นห่วงน้องสี่ ข้าผิดเองที่พูดมาก”
นางไม่กล้าเหิมเกริมต่อหน้าหลิวเป่าจู แม้แต่เวลาพูดยังต้องระมัดระวัง
นางกล้าเหิมเกริมอาละวาดต่อหน้าเฉินฮูหยินเท่านั้น
เพราะนางฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายรักตนเองจึงไร้ความเกรงกลัว
หลิวเป่าจูไม่อยากถกเถียงเรื่องงานแต่งของเยียนอวิ๋นเกอกับนางอีก จึงยกแก้วชาส่งแขก
เยียนอวิ๋นจือจากไปด้วยความกระอักกระอ่วน
หลังจากนั้น หลิวเป่าจูพร่ำบ่นกับสาวรับใช้ข้างตัว “เรื่องคู่ครองของน้องอวิ๋นเกอ แม้แต่สามีข้ายังไม่มีสิทธิ์ถาม เยียนอวิ๋นจือมีสิทธิ์ใดมาพูดนั่นพูดนี่”
ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียจริง!
…
เมืองหลวง
จวนองค์หญิงจู้หยางได้รับของขวัญชิ้นหนึ่ง เป็นของขวัญเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ส่งมาจากจวนท่านอ๋องตงผิง
เซียวฮูหยินหยิบรายการของขวัญ อยากจะปฏิเสธอย่างมาก
แต่ของขวัญชิ้นนี้ส่งมาในนามของจวนท่านอ๋องตงผิง หากปฏิเสธคงจะไร้เหตุผลเกินไป
ดูจากเนื้อหาบนรายการของขวัญแล้ว ยังถือว่าปกติ เป็นธรรมเนียมทั่วไป ไม่มีสิ่งของล้ำค่าเกินไปนัก
“เซียวอี้คงให้จวนท่านอ๋องตงผิงส่งของขวัญมาให้โดยเฉพาะ เขารู้ว่าหากส่งของขวัญในนามของเขาเอง ข้าไม่มีทางรับเอาไว้”
แม่นมคนสนิทถามนาง “ของขวัญชิ้นนี้ องค์หญิงจะรับเอาไว้หรือไม่”
เซียวฮูหยินยิ้ม “รับเอาไว้เถิด เตรียมของขวัญส่งกลับชิ้นหนึ่ง เทียบกับรายการของขวัญนี้ เพิ่มอีกสองชิ้น”
แม่นมคนสนิทตอบรับ “เจ้าค่ะ! คราวนี้จวนท่านอ๋องตงผิงถือว่ามีความสัมพันธ์กับจวนองค์หญิงของพวกเราเข้าแล้ว ต่อไปเกรงว่าจะมีการไปมาหาสู่บ่อยครั้ง!”
เซียวฮูหยินนวดขมับด้วยความกลุ้มใจเล็กน้อย
“เจ้าว่าเหตุใดเซียวอี้จึงไม่รู้จักท้อถอยเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก ข้าปฏิเสธเขาอย่างชัดเจนหลายต่อหลายครั้ง เขากลับดี แม้จะชนกำแพงแล้วก็ยังไม่กลับใจ เขาคิดว่าเพียงแค่เขามุ่งมั่นไม่ท้อถอย ข้าจะซาบซึ้งในการกระทำของเขา จากนั้นยอมให้เขาแต่งงานกับอวิ๋นเกอหรือ เหลวไหลสิ้นดี!”
“องค์หญิงระงับความโกรธ! เซียวอี้ผู้นี้ยากที่จะคาดเดาเขาด้วยหลักการทั่วไป ดูจากการกระทำของเขาที่ผ่านมา มีความยโสโอหังไม่น้อย ไม่เคยปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือจริยธรรม หากเป็นผู้อื่นคงจะถอดใจไปนานแล้ว ไม่มีทางตามตื๊อเพราะต้องการรักษาศักดิ์ศรี แต่เซียวอี้อาจไม่รู้จักสิ่งใดเรียกว่าศักดิ์ศรี สิ่งใดเรียกว่าท้อถอย”
“อวิ๋นเกอพบเขาถือว่าโชคร้าย”
เซียวฮูหยินพร่ำบ่น
เฮ้อ
บุตรสาวโดดเด่นเกินไปก็มีเรื่องที่ไม่ดี
เพราะจะถูกเด็กหนุ่มที่ไม่ดีจำนวนมากจับจ้อง
อาทิเซียวอี้ผู้เป็นตัวอย่างของเด็กหนุ่มที่ไม่ดี
แต่เวลานี้คนที่สามารถสั่งสอนเซียวอี้ได้มีแต่ท่านโหวผิงอู่ สืออุน แต่เขาอยู่ไกลหลายพันลี้
ส่วนคนอื่น เฮอะๆ ไม่ถูกเซียวอี้สั่งสอนก็ถือว่าโชคดีแล้ว
เวลานี้ พ่อบ้านถือจดหมายฉบับหนึ่งเดินเข้ามาในห้องตำรา
“รายงานองค์หญิง จดหมายของท่านโหว เพิ่งส่งมาถึง”
ระยะครึ่งปีมานี้ ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านเขียนจดหมายให้เซียวฮูหยินเป็นประจำ
เซียวฮูหยินคิดว่าเยียนโส่วจ้านมีเรื่องใดอีก
เมื่อเปิดจดหมายออกมาอ่านก็พบว่าเยียนโส่วจ้านตั้งใจเขียนจดหมายให้คนส่งมาเพื่อถามเรื่องการแต่งงานของเยียนอวิ๋นเกอ
เซียวฮูหยินเลิกคิ้ว “นานทีเขาจะมีความสำนึกในความเป็นบิดาของตนเอง รู้จักเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของอวิ๋นเกอ”
“ไม่รู้ท่านโหวเขียนว่าอย่างไร” แม่นมคนสนิทถาม
เซียวฮูหยินส่งเสียงไม่พอใจ “เขาถามข้าว่าได้หมั้นหมายให้อวิ๋นเกอแล้วหรือไม่ หากไม่มี เขามีความคิดที่จะหาคู่ครองให้อวิ๋นเกอ”
เมื่อแม่นมคนสนิทได้ยินก็ร้อนใจ “ท่านโหวคิดจะให้คุณหนูสี่ออกเรือนที่โยวโจวหรือ เลียนแบบเยียนอวิ๋นเพ่ย?”
เซียวฮูหยินส่ายหน้า จากนั้นพูด “ขุนศึกปราบเชลยใต้เท้าชุย เห็นได้ชัดว่าเยียนโส่วจ้านกับใต้เท้าชุยท่านนี้ถูกคอกันมาก พวกเขาพูดคุยถึงเรื่องการแต่งงานของบุตร หากข้าเดาไม่ผิด เยียนโส่วจ้านคิดจะปรองดองกับตระกูลชุย ให้อวิ๋นเกอแต่งงานกับตระกูลชุย”
แม่นมคนสนิทตกตะลึง
เพราะตอนนั้นหลิงฉางจื้อก็เคยแนะนำบุตรชายของตระกูลชุย เพียงแต่เป็นหลิงฉางจื้อแนะนำบุตรชายบ้านสามของตระกูลชุย ไม่ใช่บ้านใหญ่
เนื่องจากการแย่งชิงภายในตระกูลชุยดุเดือดเกินไป วุ่นวายอย่างมาก ตอนนั้นเซียวฮูหยินจึงปฏิเสธการแต่งงานนี้
หลังจากนั้น หลิงฉางจื้อก็แนะนำอีกหลายตระกูล แต่ก็ไม่สำเร็จ
ไม่คิดว่าวนไปวนมา จะวนกลับมาตระกูลชุยอีกครั้ง
หรือว่าเยียนอวิ๋นเกอจะมีวาสนากับตระกูลชุยจริง สุดท้ายนางจะแต่งเข้าตระกูลชุย
แม่นมคนสนิทถาม “องค์หญิงคิดจะตอบท่านโหวอย่างไร จะปฏิเสธโดยตรงหรือไม่”
เซียวฮูหยินครุ่นคิด “ปฏิเสธโดยตรง เยียนโส่วจ้านย่อมไม่ถอดใจ เขาย่อมหาทางทำอย่างอื่นแน่นอน ส่งคนไปสืบสถานการณ์บ้านใหญ่ของตระกูลชุยก่อน ทางที่ดีหาข้อบกพร่องมาให้ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจึงจะมีเหตุผลที่เหมาะสมจะปฏิเสธการแต่งงานนี้”
ตระกูลชุยถูกเซียวฮูหยินตัดทิ้งไปนานแล้ว
ตระกูลที่มีขนาดใหญ่ แต่กลับมีแต่การแย่งชิง
นางต้องเสียสติไปแล้วจึงจะให้บุตรสาวแต่งเข้าไป
เยียนโส่วจ้านไม่มีทางคำนึงถึงรายละเอียดเหล่านี้ เขามีแต่จะคำนึงถึงผลประโยชน์ในการปรองดองกับตระกูลชุย
ส่วนการแย่งชิงภายในตระกูลนั้นย่อมไม่อยู่ในขอบเขตการไตร่ตรอง
…
ตอนกลางคืน เมื่อรับประทานอาหารค่ำเสร็จ เซียวฮูหยินก็บอกเรื่องนี้แก่เยียนอวิ๋นเกอ
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตาทันที “ท่านพ่อหิวโหยจนไม่เลือกกินหรือ เพียงแค่พบตระกูลใหญ่หนึ่งที่พอจะเข้าตาก็อยากปรองดอง เหตุใดเขาจึงไม่ดูว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ภายในตระกูลเป็นอย่างไร ในแผ่นดินมีตระกูลใหญ่ตั้งมากมาย เขาอยากจะปรองดองกับทุกตระกูลเลยหรือ มิน่าถึงให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาวมากมายเพียงนั้น อายุมากเพียงนี้ก็ยังไม่รู้จักพอ”
เมื่อนึกถึงด้านล่างยังมีน้องชายน้องสาวจากอนุภรรยาอีกมากมาย เยียนอวิ๋นเกอก็รู้สึกปวดหัว
นางจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของพวกเขา ล้วนเรียกตามลำดับ
อาทิเยียนห้า เยียนหก…
พี่น้องเหล่านี้ก็ใกล้จะถึงอายุที่ต้องหาคู่ครองแล้ว
อืม…
บิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านก็ควรจะกังวลขึ้นมา
เซียวฮูหยินดื่มน้ำชาหนึ่งคำ “อย่าพูดถึงท่านพ่อเจ้าเช่นนี้! ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นบิดาของเจ้า”
“อ่อ” เยียนอวิ๋นเกอตอบรับ “ต่อจากนี้ข้าจะระวัง ไม่นินทาท่านพ่อต่อหน้าผู้อื่น”
เซียวฮูหยินยิ้ม “เจ้าวางใจเถิด เรื่องการแต่งงานกับตระกูลชุย ข้าจะปฏิเสธแทนเจ้า แต่ท่านพ่อเจ้าย่อมไม่ตายใจ วิธีเดียวที่จะกำจัดปัญหานี้คือหมั้นหมายให้เจ้าโดยเร็ว ระยะนี้ข้าดูอยู่หลายตระกูล มีตระกูลที่ไม่เลว วันอื่นนัดเวลาให้เจ้าไปดูด้วย หากไม่คัดค้าน ข้าจะหมั้นหมายให้เจ้า”
ฮะ?
เยียนอวิ๋นเกอกัดฟัน ยิ้มอย่างเก้อเขิน “เร็วเช่นนี้เลยหรือ”
“ช้าพอแล้ว ไม่เร็วแม้แต่น้อย เรื่องการแต่งงานของเจ้าดูมาเกือบสองสามปีแล้ว จะถ่วงเวลาต่อไปอีกไม่ได้”
เยียนอวิ๋นเกอยอมแพ้ “ท่านแม่ตัดสินใจเถิด!”
นางล้มเลิกการคัดค้าน
อย่างไรก็ต้องแต่งงาน เช่นนั้นก็แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ขัดหูขัดตา
จ้งซูหาวไม่ขัดหูขัดตานาง เซียวอี้ก็ไม่ขัดหูขัดตานาง
แต่สองคนนี้ล้วนแต่งงานด้วยไม่ได้
คนแรกเพราะบิดามารดาของอีกฝ่ายคัดค้าน
คนหลังเพราะมารดาของตนเองคัดค้าน
เซิ่นซูเหวิน นางก็ไม่เกลียด ไม่ขัดตานางเช่นเดียวกัน
แต่เขาเป็นญาติห่างๆ แต่งงานด้วยไม่ได้เด็ดขาด
อีกอย่างผู้ใหญ่ตระกูลเซิ่นก็คัดค้านการแต่งงานนี้เช่นเดียวกัน
เฮ้อ…
นางช่างยากลำบากเหลือเกิน!
เวลานี้ผู้ชายที่ไม่ขัดตาล้วนไม่อาจแต่งงานด้วยได้
เหตุผลก็แทบจะเหมือนกัน ผู้ใหญ่คัดค้าน
นางพร่ำบ่นกับสาวรับใช้อาเป่ย “สู้แต่งงานกับคนแปลกหน้าที่ไม่ขัดตาเสียดีกว่า ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องรังเกียจ”
“คุณหนูเต็มใจหรือ บ่าวกังวลอย่างมาก กังวลว่าตอนกลางคืนคุณหนูจะตื่นขึ้นมาฆ่าว่าที่กูเหยียเสีย”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา “เจ้ามองข้าให้ดี ข้าเหมือนคนที่จะตื่นขึ้นมาฆ่าคนในตอนกลางคืนหรือ”
สาวรับใช้อาเป่ยพยักหน้าระรัว
เหมือน!
เหมือนมาก!
ตั้งแต่ภายในจนภายนอก ตั้งแต่เส้นผมจนฝ่าเท้า ล้วนเหมือนคนที่จะฆ่าสามีในยามค่ำคืน
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าหุบปาก ภายในสิบสองชั่วยาม ข้าไม่อยากได้ยินเสียงของเจ้า มิฉะนั้นข้าจะหักเงินรางวัลเดือนนี้ของเจ้า”
สาวรับใช้อาเป่ยปิดปากในทันที
เพื่อเงินรางวัล นางจะอดทน!