ตอนที่ 372 พบบุรุษที่ดี
ฤดูใบไม่ร่วง อากาศเย็นสดชื่น!
เหมาะสำหรับการตกปลาอย่างมาก
แต่เยียนอวิ๋นเกอกลับติดตามเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาออกจากจวนไปดูตัว
ช่าง…
ฮือๆ!
อยากร้องไห้!
เซียวฮูหยินเตือนนาง “อีกเดี๋ยวเมื่อพบคนแล้ว ต้องรักษารอยยิ้มเอาไว้ อย่าทำหน้าบึ้งหน้าดุ ทิ้งภาพจำที่ไม่ดีให้ผู้อื่น”
“อ้อ!”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก
วันเวลาที่ดีกลับนำไปดูตัว น่าเสียดาย
วันนี้คนที่ดูตัวด้วยคือตระกูลโต้ว ถือเป็นตระกูลใหญ่ที่มีน้อยในแผ่นดิน
ตระกูลโต้วยังเคยเป็นญาติฝ่ายนอก ฮองเฮาคนที่สองของฮ่องเต้ไท่จงก็มีชาติกำเนิดจากตระกูลโต้ว
ตระกูลโต้วก็เป็นญาติฝ่ายนอกจำนวนน้อยที่ไม่ถูกตำหนิ อีกทั้งยังสามารถรอดตัวได้อย่างสิ้นเชิง
เรียกได้ว่ามีรากฐานแน่นหนา ในเวลาเดียวกันก็เป็นตระกูลที่เข้าใจสถานการณ์ของเชื้อพระวงศ์
เยียนอวิ๋นเกออดสงสัยไม่ได้ “เหตุใดตระกูลโต้วจึงยอมปรองดอกกับตระกูลเยียนของพวกเรา ท่านแม่อย่าได้หลอกลวงอีกฝ่ายเชียว”
เซียวฮูหยินตำหนิเสียงเบา “พูดจาเหลวไหลอีกแล้ว! หลอกลวงอันใดกัน ก่อนที่จะติดต่อกัน ทั้งสองฝ่ายต่างทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ของอีกฝ่ายแล้ว ข้ากับโต้วฮูหยินยังนัดพบล่วงหน้า ต่างฝ่ายต่างพึงพอใจไม่น้อย เวลานี้ก็เหลือเพียงพวกเจ้าสองคนพบหน้ากัน หากไม่มีปัญหา เรื่องการแต่งงานนี้ก็สามารถกำหนดลงได้แล้ว”
เยียนอวิ๋นเกอสงสัยอย่างมาก “สถานการณ์ของข้าเช่นนี้ ตระกูลโต้วไม่รังเกียจจริงหรือ”
“เหตุใดจึงรังเกียจเจ้า ตระกูลโต้วเป็นตระกูลที่เคยผ่านเหตุการณ์มากมาย มักมีปฏิสัมพันธ์กับเชื้อพระวงศ์เป็นประจำ คนที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าเจ้า พวกเขาเคยพบเห็นมามากแล้ว ข้าบอกเจ้า ตระกูลโต้วพึงพอใจต่อเจ้าอย่างมาก เพียงแค่เจ้ากับนายน้อยตระกูลโต้วถูกตากัน เรื่องนี้ย่อมสำเร็จอย่างแน่นอน”
เซียวฮูหยินทำหน้าดีใจราวกับหมั้นหมายสำเร็จแล้ว
เยียนอวิ๋นเกอ “…”
หากเป็นเช่นนี้ นางใกล้จะออกเรือนแล้วหรือ
เซียวฮูหยินถามนาง “เจ้าคงไม่ตั้งใจติเตือนอีกฝ่ายใช่หรือไม่!”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้าระรัว “ท่านแม่เหน็ดเหนื่อยกับเรื่องการแต่งงานของข้า ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะต้องออกเรือนให้ได้”
นายน้อยตระกูลโต้ว นางเหมือนเคยเจอสองครั้ง แต่ไม่มีความทรงจำที่ลึกซึ้งมากนัก จำได้เพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่เลือนราง
รถม้ามาถึงตระกูลโต้ว พวกนางลงจากรถที่ประตูสอง
โต้วฮูหยินยืนต้อนรับอยู่ที่ประตูสองด้วยตนเอง เรียกได้ว่าจริงจังอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ว่าตระกูลโต้วพึงพอใจต่อนางมากเสียจริง มิฉะนั้นไม่จำเป็นต้องจริงจังเพียงนี้
เมื่อมาถึงห้องโถง เจ้าบ้านและแขกแยกกันนั่งลง
โต้วฮูหยินยิ้มเบิกบาน จับมือของเยียนอวิ๋นเกอถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
อาทิชอบสิ่งใด ปกติทำสิ่งใดคร่าเวลา…
เยียนอวิ๋นเกอก็ไม่โกหก บอกกล่าวตามความจริง ปกตินางไม่มีงานก็จะตกปลา ปลาที่เลี้ยงอยู่ในจวนองค์หญิงและจวนท่านอ๋องผิงชินถูกนางตกไปหลายฝูงแล้ว
เรื่องงานบ้านงานเรือน นางทำไม่เป็น
บทกลอนบทกวีเคยศึกษาบ้าง พอจะเข้าใจ
ไม่กี่เดือนก็ต้องไปเรือนพักร่ำรวยครั้งหนึ่งเพื่อตรวจดูด้วยตนเอง มิฉะนั้นนางไม่วางใจ พ่อบ้านด้านล่างก็ไม่วางใจ
โต้วฮูหยินได้ยินนางพูดตามความจริงกลับไม่โกรธ หากแต่หัวเราะเสียงดัง “ดีมาก ดีมาก!”
เอ๊ะ?
สมกับเป็นตระกูลโต้วที่มีความรอบรู้ แม้แต่เด็กที่ไม่เคารพกฎระเบียบอย่างนางก็ยอมรับได้หรือ
โต้วฮูหยินพูดอย่างอารมณ์ดี “เจ้าสามของข้านิสัยเงียบขรึม ส่งเสริมกับเจ้ายิ่งนัก ผู้ใดก็ได้ ไปเชิญนายน้อยสามมา”
เยียนอวิ๋นเกอสงสัยอย่างมากว่าคนที่ตัวเองมาดูตัวนั้นจะมีท่าทีอย่างไร
ไม่นานนัก โต้วซานหลางก็ถูกเชิญมายังห้องโถง
เขาเป็นหนุ่มรูปงาม สูงผอม เรียบร้อย ดูเหมือนบัณฑิต
เพียงแต่ริมฝีปากของเขาเป็นสีม่วง หรือว่าร่างกายไม่ค่อยดี
เยียนอวิ๋นเกอมองไปทางเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา
เซียวฮูหยินพยักหน้าให้นาง “กลับไปค่อยพูด!”
“ซานหลาง รีบมาถวายบังคมองค์หญิง! ด้านข้างท่านนั้นก็คือคุณหนูสี่ตระกูลเยียนที่ข้าเคยพูดกับเจ้า”
โต้วซานหลางยิ้มอย่างนอบน้อม เขาโน้มตัวคารวะ “ข้าถวายบังคมองค์หญิง! ทักทายคุณหนูสี่!”
“เจ้ากำลังศึกษาอยู่ที่สำนักไท่เสวียน?” เซียวฮูหยินยิ่งมองยิ่งพอใจราบกับแม่ยายมองบุตรเขย
โต้วซานหลางพยักหน้า “ข้าโง่เขลา ศึกษาอยู่ที่สำนักไท่เสวียสามปี แต่ยังไม่มีผลงานใดออกมา”
เซียวฮูหยินยิ้ม “เด็กหนุ่มถ่อมตัวเป็นคุณธรรมที่ดีงาน แต่ก็อย่าได้ถ่อมตัวเกินไป! ข้าได้ยินคนบอกว่าเจ้ามีชื่ออยู่ในลำดับต้นๆ ของสำนักไท่เสวีย อาจารย์หยูจำนวนมากต่างก็ชื่นชมเจ้า”
“องค์หญิงชื่นชมเกินไป! บางทีอาจเพราะเห็นแก่ที่ข้าแซ่โต้ว ซินแสทั้งหลายจึงยอมชื่นชมเล็กน้อย”
ฮ่าๆ…
คำพูดนี้ทำให้เซียวฮูหยินหัวเราะออกมา
เด็กที่รู้จักเยาะเย้ยตนเอง ไม่เลว
เซียวฮูหยินพูดคุยกับโต้วฮูหยินอย่างถูกคอ
เยียนอวิ๋นเกอและโต้วซานหลางต่างนั่งอยูข้างผู้ใหญ่ของฝ่ายตัวเอง ทั้งสองต่างแอบมองพินิจอีกฝ่ายอย่างไร้เสียง
จากนั้นจึงได้ยินโต้วฮูหยินกระแอมไอหนึ่งที “ซานหลาง คุณหนูสี่ชอบตกปลา เจ้าไปเป็นเพื่อนนางได้หรือไม่ข้าให้น้องแปดของเจ้าจัดเตรียมอยู่ที่ศาลา”
โต้วซานหลางลุกขึ้นทันที “ข้ายินดี ไม่รู้คุณหนูสี่จะให้เกียรติไปตกปลาในบ่อน้ำด้านหลังจวนตระกูลโต้วหรือไม่”
“ด้วยความยินดี!”
เซียวฮูหยินกำชับเยียนอวิ๋นเกอสองประโยค ก่อนจะปล่อยให้นางจากไปอย่างวางใจ
เมื่อออกจากห้องโถง ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แม้แต่การหายใจก็ราบรื่นขึ้นมาก
โต้วซานหลางยิ้มอย่างเข้าใจ “ด้านในอึดอัดเล็กน้อย หลังจากออกมาแล้ว ดีขึ้นไม่น้อยใช่หรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า มองอีกฝ่ายขึ้นลง อีกฝ่ายสูงกว่านางเกือบหนึ่งหัว
นอกจากผอมไปบ้าง ก็ไม่มีข้อบกพร่องอื่น
เยียนอวิ๋นเกอจ้องมองริมฝีปากของเขา ริมฝีปากของเขาเผยสีม่วง ไม่ใช่ลางที่ดีนัก
โต้วซานหลางหัวเราะออกมา “เจ้าคงสงสัยว่าข้าป่วยใช่หรือไม่ อายุยังน้อย แต่ริมฝีปากกลับเป็นสีม่วง”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า “ขออภัยที่ข้าล่วงเกิน ข้าสงสัยอย่างมากจริงๆ”
โต้วซานหลางยิ้ม “สงสัยเป็นเรื่องธรรมดา เจ้าใจกล้ากว่าคุณหนูคนอื่นมาก ไม่ปิดบังเจ้า ข้าก็เคยดูตัวนับครั้ง คุณหนูเหล่านั้นต่างสงสัยเรื่องสุขภาพของข้า แต่เจ้าเป็นคนแรกที่ซักถามต่อหน้า คนอื่นล้วนแสร้งทำเป็นไม่สนใจ”
“เพราะพวกนางรู้มารยาท ส่วนข้าเป็นแค่ เด็กป่า”
“เด็กป่าก็ดีไม่น้อย! ไม่ต้องระมัดระวังคำพูด ทุกคนต่างตรงไปตรงมา”
“ท่านบอกข้า…” เยียนอวิ๋นเกอชี้ไปที่ปากของเขา
โต้วซานหลางให้นางพลางเดินพลางพูด “ถึงแม้ข้าจะเป็นนักเรียนของสำนักไท่เสวีย แต่ข้าก็ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แต่เด็ก ปีที่แล้วเกิดโจรกบฏอาละวาด ข้าติดตามกองทัพใต้ออกรบ ถือว่าฝึกฝนประสบการณ์ ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันอย่างประชิดตัว ข้าถูกมีดแทงเข้าสองแผล โชคดีที่รอดกลับมาได้ ปีนี้ข้าจึงพักรักษาตัวอยู่ตลอดเวลา ปีหน้าคงจะดีขึ้น”
สีหน้าของเยียนอวิ๋นเกอประหลาดเล็กน้อย แต่ไม่ได้เปล่งเสียง
โต้วซานหลางรู้ว่านางกำลังคิดเรื่องใด “บนมีดมีพิษ ดังนั้นร่างกายข้าจึงไม่อาจรักษาหายมาตลอด เวลายังต้องดื่มยา”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!
นางก็ว่า หากเป็นแค่บาดแผลจากมีด เด็กหนุ่มที่อายุยังน้อย อีกทั้งยังฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เป็นประจำ ไม่มีเหตุผลที่ยังคงป่วยกะปลกกะเปลี้ยทั้งที่รักษามาเกือบหนึ่งปี
ที่แท้ไม่เพียงได้รับบาดเจ็บจากมีด แต่ยังมียาพิษด้วย
“ตอนที่ติดตามกองทัพใต้ออกรบ เจ้าไม่มีองครักษ์ส่วนตัวหรือ”
“ย่อมมีองครักษ์ส่วนตัวติดตามคุ้มครอง แต่เวลานั้นสถานการณ์โกลาหลเกินไป ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด นอกจากนี้ยังเป็นเวลากลางคืน ดังนั้น…”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า นางเข้าใจแล้ว
ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปตกปลาที่บ่อน้ำด้านหลัง
ตระกูลโต้วสมกับเป็นตระกูลที่มีมรดกมาก
บ่อน้ำที่ขุดในสวนดอกไม้ของจวนองค์หญิงถือเป็นแค่บ่อน้ำ
รวมทั้งบ่อน้ำของจวนท่านอ๋องผิงชิน ในสายตาของเยียนอวิ๋นเกอก็เป็นแค่บ่อน้ำ
แต่บ่อน้ำด้านหลังจวนตระกูลโต้วใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ เหมือนกับทะเลสาบ
นี่ก็คือความร่ำรวยของตระกูลแนวหน้า
ศาลาสร้างอยู่บนผิวน้ำ ต้องเดินผ่านสะพานหินยาวจึงจะถึงศาลา
ตกปลาบนผิวน้ำช่างสาแก่ใจเสียจริง
คุณหนูแปดตระกูลโต้วเป็นคุณหนูที่สง่าผ่าเผย เจื้อยแจ้วช่างพูดไม่น้อย
เยียนอวิ๋นเกอมีความสนใจที่จะฟังนางพูดถึงเรื่องต่างๆ อย่างมาก
ส่วนโต้วซานหลางนั่งเงียบ บนใบหน้าเปื้อนยิ้มเสมอ
ทั้งมีความเรียบร้อยของบัณฑิต ทั้งมีความคล่องแคล่วของผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้
การดูตัวคราวนี้ถือว่ามีความสุขทั้งแขกทั้งเจ้าบ้าน
หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงแล้ว เยียนอวิ๋นเกอติดตามเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดานั่งรถม้าออกจากจวนตระกูลโต้ว
…
“โต้วซานหลางดีหรือไม่ เข้าตาเจ้าหรือไม่”
เซียวฮูหยินถามเยียนอวิ๋นเกอด้วยรอยยิ้ม
เยียนอวิ๋นเกอเท้าคาง ครุ่นคิดสักพักจึงพูดขึ้น “พูดคุยครั้งแรก ภาพจำไม่เลว มองออกว่าเขาไม่รังเกียจคนอย่างข้า”
“หากพูดเช่นนี้ เจ้าก็ถูกตาเขาเช่นเดียวกัน? เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะหมั้นหมายให้เจ้าเอาไว้”
“เร็วเพียงนี้เชียว? ไม่ลองพูดคุยกันอีกหลายครั้งหรือ”
“หากเจ้าอยากลองทำความรู้จักเขามากขึ้น ข้าจะส่งเทียบให้โต้วฮูหยินอีกครั้ง นัดนางไปสักการะที่วัดไป๋อวิ๋น”
เนื่องจากจวนองค์หญิงไม่มีนายท่าน ไม่อาจจัดงานเลี้ยงต้อนรับแม่ลูกตระกูลโต้ว
โต้วซานหลางมาเยือน ย่อมต้องมีเจ้าบ้านที่เป็นชายออกมาต้อนรับจึงจะเหมาะสม
ดังนั้นเซียวฮูหยินจึงกำหนเสถานที่พบหน้าเป็นวัดไป๋อวิ๋น
เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด “ช้าเสียหน่อยเถิด! ข้าคิดว่าอย่าแสดงว่ารีบร้อนเกินไป หลังจากนี้ครึ่งเดือนค่อยนัดไปสักการะด้วยกัน”
“ล้วนฟังเจ้า คู่ครองคราวนี้ข้าคัดเลือกอย่างดี แต่ละด้านล้วนตรงตามคุณสมบัติที่เจ้าต้องการ จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน คนตระกูลโต้วต่างก็ใจกว้าง สามารถยอมรับลูกสะใภ้ที่มักจะออกไปด้านนอกเป็นประจำ โต้วซานหลางก้ไม่ใช่คนอวดรู้! เจ้าอยู่กับเขาถือว่าเป็นกิ่งทองใบหยก คู่สร้างคู่สมอย่างแท้จริง”
เยียนอวิ๋นเกอ “…”
เวลานี้ นางไม่มีความคิดใดทั้งสิ้น
…
เซียวฮูหยินส่งเทียบให้โต้วฮูหยิน นัดหมายไปสักการะที่วัดไป๋อวิ๋นด้วยกันหลังจากนี้ครึ่งเดือน
โต้วฮูหยินตอบรับด้วยความยินดี
นางก็เคยถามความคิดของโต้วซานหลางถึงความรู้สึกที่มีต่อเยียนอวิ๋นเกอเป็นอย่างไร
โต้วซานหลางตอบ “ดีไม่น้อย! เป็นคุณหนูที่สง่าผ่าเผย ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่ร่ำลือด้านนอก ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเล่าขานความเท็จ ทำให้คนกลายเป็นปีศาจ คุณหนูสี่เป็นคนที่รู้จักวางตัวอย่างมาก แน่นอนว่านางก็เป็นคนที่มากลัวปัญหาเช่นเดียวกัน”
“หากพูดเช่นนี้ เจ้าเห็นด้วยกับการแต่งงานนี้?”
“องค์หญิงจู้หยางเชิญพบที่วัดไป๋อวิ๋นหลังจากนี้ครึ่งเดือน เหตุใดจึงไม่รอพบกันครั้งหน้า ทำความรู้จักมากขึ้นค่อยตัดสินใจ”
“ฟังเจ้า!”
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างโอบกอดความหวัง รอคอยการพบกันครั้งหน้า
เรื่องการดูตัวของสองตระกูลย่อมไม่อาจปิดบังเซียวอี้ได้
จี้ซินแสร้อนใจแทนเขา “หากนายน้อยไม่พยายามอีด คุณหนูสี่ก็จะแต่งเข้าตระกูลโต้วแล้ว ข้าได้ยินมาว่าโต้วฮูหยินพอใจต่อคุณหนูสี่อย่างมาก คราวนี้ไม่มีทางเหมือนจ้งซูหาว ไม่สำเร็จเพราะบิดามารดาคัดค้าน อีกทั้งโต้วซานหลางก็ถือว่าเป็นคนมีความสามารถ มีความรู้มากกว่านายน้อย องค์หญิงจู้หยางชอบคนมีการศึกษา”
สีหน้าของเซียวอี้ดำทะมึน เขาหงุดหงิดมากพออยู่แล้ว จี้ซินแสยังเอาแต่พร่ำบ่นอยู่ข้างหูเขา กระตุ้นเขาต่างๆ นานา
“ข้าควรฆ่าโต้วซานหลางทิ้งเสียเลยหรือไม่”
“ไม่ได้เด็ดขาด! เวลานี้ หากโต้วซานหลางเกิดเรื่องใดขึ้นมา องค์หญิงจู้หยางย่อมจะคิดว่าเป็นฝีมือของนายน้อย เมื่อถึงเวลานั้น นายน้อยคงหมดหวังจริงๆ”
เซียวอี้ “…”
โธ่เอ้ย เหตุใดหาสะใภ้จึงยากเพียงนี้!
…………………………………….