คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 377 แบกหนามขอขมา

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 377 แบกหนามขอขมา

“ด้วยโองการแห่งฟ้า…”

ขันทีถ่ายทอดพระราชโองการอ่านพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกเสียงดัง คนทั้งจวนองค์หญิงต่างคุกเข่าน้อมรับ

เยียนอวิ๋นเกอก้มหน้าเล็กน้อย ภายในใจไร้ความรู้สึก

เนื้อหาของพระราชโองการ นางฟังอยู่ประมาณหนึ่ง วาจางดงาม ดีไม่น้อย!

จากนั้นนางก็เริ่มเหม่อลอย

“องค์หญิง รับพระราชโองการเถิด!”

ขันทีถ่ายทอดพระราชโองการมององค์หญิงจู้หยางหรือเซียวฮูหยินอย่างอารมณ์ดี

เซียวฮูหยินเม้มปาก น้อมรับพระราชโองการเอาไว้

“ยินดีกับองค์หญิง คุณหนูสี่ได้คู่ครองที่ดี น่ายินดียิ่งนัก!”

เซียวฮูหยินยิ้ม “กงกงเกรงใจแล้ว! หากยังไม่รีบกลับวัง สู้อยู่ดื่มชาร้อนสักถ้วยกันก่อน!”

“น้ำใจขององค์หญิง เดิมทีข้าไม่ควรปฏิเสธ เสียดายเพียง ข้ายังต้องรีบกลับไปทูลรายงานภารกิจในวัง วันอื่นข้าจะมารบกวนองค์หญิงใหม่ หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น องค์หญิงจะไม่รำคาญข้า”

“กงกงพูดเล่นแล้ว! ผู้ใดก็ได้ ส่งกงกงออกจากจวน อย่าได้ล่าช้า”

เมื่อส่งขันทีถ่ายทอดพระราชโองการจากไป เซียวฮูหยินก็ส่งสายตาให้เยียนอวิ๋นเกอเป็นเชิงให้นางตามมาพูดคุยในห้องโถง

เยียนอวิ๋นฉีไม่ได้ไปรับพระราชโองการด้วย นางตั้งตารออยู่ในห้องโถง

“เป็นพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกจริงหรือ”

“จะเป็นเท็จได้อย่างไร!” เซียวฮูหยินโยนพระราชโองการลงบนโต๊ะ ท่าทางและสีหน้าของนางรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด

เยียนอวิ๋นฉีหยิบพระราชโองการขึ้นมา สีหน้าของนางเจ็บปวดอย่างมาก ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาก็อดไหลลงมาไม่ได้

นางพยายามควบคุมตัวเองจึงหันหลังเพื่อเช็ดน้ำตาและสูดจมูก “น้องสี่ไม่อ่านหน่อยหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอเป็นคนที่สงบที่สุดในเหตุการณ์นี้

ใบหน้าของนางยังมีรอยยิ้ม นางกวาดตามองเนื้อหาในพระราชโองการ “ดีไม่น้อย!”

“เจ้าต้องแต่งงานกับเซียวอี้เรียกว่าดีไม่น้อยหรือ” เยียนอวิ๋นฉีร้อนใจ

เยียนอวิ๋นเกอพูด “ข้าหมายถึงเนื้อหาในพระราชโองการเขียนได้ดีไม่น้อย ถ้อยคำงดงาม ล้วนแล้วแต่เป็นคำที่ใช้สำหรับชื่นชมคน ก่อนที่จะเห็นพระราชโองการ แม้แต่ข้ายังไม่รู้ว่าตัวเองมีดีเช่นนี้”

เยียนอวิ๋นฉีไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ นางทำหน้าเศร้า “เพราะข้าไร้ประโยชน์!”

“พี่สองพูดเหลวไหลอีกแล้ว! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับท่านแม้แต่น้อย มันเป็นความรับผิดชอบของชายสองคนนั้น!”

ไม่จำเป็นต้องถามว่าชายสองคนไหน

พวกเขาต่างแซ่เซียว คนหนึ่งคือเซียวเฉิงเหวิน อีกคนคือเซียวอี้ พวกเขาต่างไม่ใช่คนดี!

สีหน้าของเยียนอวิ๋นฉีเศร้าโศก นางคิดว่าตัวเองรู้จักเซียวเฉิงเหวิน แต่สุดท้ายก็ยังคงถูกเขาหลอก

ปวดใจอย่างมาก!

ด้านหนึ่งเป็นบิดาของบุตร ด้านหนึ่งเป็นน้องสี่ นางถูกหนีบอยู่ตรงกลาง รู้สึกหัวใจถูกผ่าเป็นสองซีกไปแล้ว

ทันใดนั้นแขนที่มีแรงคู่หนึ่งโอบกอดนางเอาไว้

อ้อมกอดที่อบอุ่นทำให้หัวใจของนางได้รับการปลอบประโลม

เยียนอวิ๋นเกอกอดนาง ให้หัวของนางหนุนบนไหล่ของตัวเอง “พี่สองโง่เสียจริง! เหตุใดจึงเอาความผิดของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง การใช้ความผิดพลาดของผู้อื่นทรมานตัวเองเป็นเรื่องที่โง่เขลาที่สุด! พี่สองอย่าร้องไห้เลย ร้องจนตาแดงหมดแล้ว น่าเกลียด!”

เยียนอวิ๋นฉีมองนาง “น้องสี่ เจ้าไม่โทษข้าหรือ หากไม่ใช่ท่านอ๋อง…”

“ข้าโทษพี่เขยรอง แต่ไม่โทษพี่สอง ถึงแม้พวกท่านเป็นสามีภรรยากัน แต่ข้าแยกแยะได้อย่างชัดเจน”

เยียนอวิ๋นเกอพูดขัดนาง พร้อมทั้งบอกนางอย่างจริงจังว่าไม่มีสามีภรรยาเป็นคนเดียวกันอย่างที่ว่า

เรื่องนี้ไม่อาจใช้เกณฑ์สามีภรรยาเป็นคนเดียวกันมาถกเถียง

เยียนอวิ๋นฉีผงะไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะออกมาแทน นางกอดเยียนอวิ๋นเกอเอาไว้แน่น “น้องสี่ดีเสียจริง!”

เมื่อเห็นสองพี่น้องโอบกอดกัน เซียวฮูหยินก็ถอนหายใจยาว

นางกังวลว่าอวิ๋นเกอจะโกรธอวิ๋นฉีไปด้วยจริงๆ กังวลว่าสองพี่น้องจะเกิดความบาดหมางเพราะพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกนี้

โชคดีที่เรื่องที่นางกังวลไม่ได้เกิดขึ้น

ไม่มีเรื่องที่ดียิ่งกว่านี้อีกแล้ว

หลังจากที่เยียนอวิ๋นฉีสงบลง เซียวฮูหยินก็พูดขึ้น “พระราชโองการออกมาแล้ว การแต่งงานไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไป การแต่งงานจะยกเลิกได้เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย งานแต่งงานสามารถเลื่อนออกไปได้พยายามถ่วงเวลาให้ถึงปีหน้า เฮ้อ…เวลานี้ข้าไม่มีหน้าที่จะไปพบโต้วฮูหยิน การหมั้นหมายที่ตกลงกันไว้แล้ว สุดท้ายกลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

เยียนอวิ๋นเกอหันกลับมาปลอบเซียวฮูหยิน “ท่านแม่ไม่ต้องกังวล โต้วฮูหยินย่อมต้องเข้าใจความยากลำบากของพวกเราแน่นอน เรื่องนี้พวกเราเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างมาก ไม่ได้ตั้งใจจะผิดสัญญา ส่วนนัดแห่งวัดไป๋อวิ๋นก่อนหน้านี้ทำได้เพียงยกเลิก ข้าจะเขียนจดหมายส่งไปให้ตระกูลโต้วเพื่อแสดงความขอโทษ!”

“สมควรที่จะเขียนจดหมายให้โต้วฮูหยินเพื่ออธิบายเรื่องนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายคิดว่าพวกเราล้อเล่นกับความรู้สึกพวกเขา”

เซียวฮูหยินเห็นด้วยกับการกระทำของเยียนอวิ๋นเกออย่างมาก

เยียนอวิ๋นเกอจรดพู่กันเขียนจดหมาย

เวลาหลายปีนี้ ทักษะการเขียนพู่กันของนางนับวันยิ่งพัฒนา

ตัวอักษรที่งดงามเต็มไปด้วยกำลัง ถ้อยคำที่ใช้เต็มไปด้วยความจริงใจ…

เขียนพรรณนาราวสองหน้ากระดาษจดหมาย เพียงชั่วพริบตาจดหมายก็เขียนเสร็จสิ้น

หลังจากเป่าให้แห้งก็บรรจุเข้าซองจดหมาย ปิดผนึกอย่างดี!

จากนั้นมอบให้พ่อบ้านส่งไปยังจวนตระกูลโต้วทันที พร้อมทั้งต้องส่งให้ถึงมือของโต้วฮูหยินด้วยตัวเอง

เซียวฮูหยินถอนหายใจ “เสียดายตระกูลโต้วที่ดีเช่นนั้น…”

เยียนอวิ๋นเกอให้สาวรับใช้เก็บอุปกรณ์ห้องตำราทั้งสี่ นางปลอบเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดาด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ไม่ต้องเสียดายตระกูโต้ว ข้ากับนายน้อยสามตระกูลโต้วไร้วาสนาต่อกัน”

เซียวฮูหยินทำหน้าเศร้า “เมื่อคิดว่าเจ้าต้องแต่งงานกับเซียวอี้ ข้าก็ปวดใจอย่างมาก!”

เยียนอวิ๋นเกอกุมมือของเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา “เซียวอี้ไม่ใช่คู่ครองที่ดี แต่ก็ไม่เลวร้ายเพียงนั้น คิดในแง่ดี เขาไม่มีบิดามารดาควบคุมอยู่เบื้องบน ไม่มีพี่น้องแก่งแย่งชิงดี ข้าแต่งเข้าไป ไม่ว่าภายนอกหรือภายในล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของข้า ทำให้ข้าทำงานได้สะดวก ส่วนนิสัยของเขา ข้ามีความมั่นใจที่จะควบคุมเขาได้”

“เจ้าจะควบคุมเขาได้อย่างไร เขาไร้ซึ่งความเกรงกลัว ฆ่าคนราวกับผักปลา กล้าแม้แต่ฆ่าคนในตำหนักจินหลวน ไม่มีเรื่องที่เขาไม่กล้าทำ ข้ากังวลเสียจริง หากวันใดเขาหมดรักเจ้าแล้ว คิดจะกำจัดเจ้าขึ้นมา เจ้าจะทำอย่างไรดี”

เซียวฮูหยินกังวลใจอย่างมาก

คิดว่าบิดามารดาที่รักบุตรของตนเองล้วนไม่อยากให้บุตรสาวแต่งงานกับชายที่มีแนวโน้มในการใช้ความรุนแรง

ในสายตาคนนอก เซียวอี้เป็นชายหนุ่มที่มีพฤติกรรมโหดเหี้ยม ใช้กำลังในการจัดการปัญหา

เยียนอวิ๋นเกอกลับหัวเราะ “ท่านแม่คิดเพียงวันหนึ่งเขาจะแตกคอ เหตุใดไม่คิดว่าบางทีข้าก็อาจจะแตกคอขึ้นวันใดวันหนึ่ง หากพูดถึงเรื่องการแตกคอ ข้าไม่เคยแพ้ผู้ใด เมื่อถึงเวลาที่จำเป็น ข้าก็สามารถตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวได้”

เซียวฮูหยินกุมมือของเยียนอวิ๋นเกอกลับ “มันเป็นการแต่งงานของคนสองคน เป็นการสร้างครอบครัว แต่เจ้ากับเขา หากใช้ชีวิตที่อาจแตกคอกันได้ทุกเวลา ข้าจะเอาหน้าที่ใดไปสู้เจ้า สู้ให้ข้าหาคนลอบสังหารเซียวอี้! เพียงแค่เขาตาย ปัญหาทุกอย่างย่อมจัดการได้”

เยียนอวิ๋นเกอรีบพูด “ท่านแม่อย่าวู่วาม! หากเป็นการลอบสังหาร ไม่มีผู้ใดในโลกเป็นคู่ต่อสู้ของเซียวอี้ได้ ท่านแม่อย่าทำเรื่องเหลวไหล สิ้นเปลืองชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์ อีกอย่าง เรื่องที่ข้ากล่าวไปก่อนหน้านี้ล้วนเป็นการสันนิษฐาน สันนิษฐานว่าหากวันหนึ่งแตกคอกัน…ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดขึ้นจริง

ไม่แน่ว่าหลังแต่งงาน ข้าสามารถใช้ชีวิตกับเขาได้อย่างดี เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน…ท่านแม่อย่าได้กังวลเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น เพราะมันจะทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจ!”

เซียวฮูหยินพยักหน้าอย่างหนัก “ได้! ข้ารับปากเจ้า หากเจ้าไม่พยักหน้า ข้าจะไม่ทำเรื่องเหลวไหลเด็ดขาด”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มออกมาราวกับปลดภาระอันหนักอึ้ง

ส่วนเยียนอวิ๋นฉีร้องไห้โฮออกมา

เซียวฮูหยินกวักมือเรียกนาง นางกระโจนพุ่งเข้าอ้อมกอดของเซียวฮูหยิน ร้องไห้อย่างหนัก

เยียนอวิ๋นเกอแอบเช็ดน้ำตา พลางพูด “ข้าไม่รู้มาก่อนว่าพี่สองเป็นคนเจ้าน้ำตา ร้องไห้ได้เก่งเพียงนี้ น้ำตาที่ไหลในวันนี้เกรงว่าคงไม่น้อยกว่าสองจิน”

เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน

นางทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ “ข้าร้องไห้อย่างเสียใจเพียงนี้ น้องสี่ยังมีอารมณ์พูดเล่นอีก”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะออกมา “ข้าแค่ทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นมาเท่านั้น ในใจพี่สองรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยใช่หรือไม่”

“ขอบใจน้องสี่! ทั้งที่เจ้าต้องเป็นคนที่เสียใจที่สุด เพราะข้าไร้ประโยชน์ ยังต้องให้เจ้ามาปลอบ”

“พี่สองพูดเกรงใจอีกแล้ว! เช็ดน้ำตาก่อน ร้องไห้ได้น่าเกลียดเสียจริง!”

“ข้ารู้ว่าตัวเองร้องไห้ได้น่าเกลียด เจ้าไม่ต้องพูด! เจ้ายิ่งพูด ข้ายิ่งรู้สึกว่าตัวเองน่าเกลียด ไม่กล้าออกมาพบผู้คนนอกจวนแล้ว”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง

ในที่สุดบรรยากาศในห้องโถงก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย

เวลานี้ บ่าวรับใช้รายงาน “รายงานองค์หญิง คือ คือ…”

“คืออันใด แม้แต่พูดก็พูดไม่เป็นแล้วหรือ” เซียวฮูหยินตำหนิเสียงเบา

บ่าวรับใช้เช็ดเหงื่อบนหัว ขออภัยที่เขาตื่นเต้นเกินไป “รายงานองค์หญิง นายน้อยอี้มาแล้ว เขาๆๆ…”

“เขายังกล้ามาเหยียบประตูอีก! เขาช่างรนหาที่ตาย!”

ไฟโกรธที่เดิมทีสยบลงไปแล้วปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

“เตรียมกำลังคนขับไล่เขาออกไป! อย่าคิดว่ามีพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษก เขาก็สามารถเดินเข้ามาอย่างถูกต้องเหมาะสม บอกเขาว่าไม่มีทาง! ข้าไม่อยากเห็นหน้าเขา ทั้งชาตินี้ก็ไม่อยากเห็นหน้าเขา”

“ท่านแม่ระงับความโกรธ! ถามเจตนาของเขาก่อนดีกว่า ค่อยตัดสินใจว่าจะขับไล่เขาออกไปหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอแสดงท่าทีสงบเกินไป

สำหรับพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษก นางราวกับยอมรับได้เป็นอย่างดี ไม่รีบไม่ร้อน

แม้กระทั่งสีหน้าอื่นยังไม่มี

ไม่ผู้ใดคาดเดาได้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ

นางถามบ่าวรับใช้ “นายน้อยอี้ได้บอกเจตนาที่มาหรือไม่”

“มีๆๆ! นายน้อยอี้บอกว่า บอกว่ามาขอโทษในความผิดของตนเอง!”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยิน จึงหัวเราะออกมา “เขามาขอโทษในความผิดของตนเองจริงหรือ”

บ่าวรับใช้พยักหน้าระรัว “ข้าน้อยไม่กล้าปิดบัง เขาพูดเช่นนี้จริง”

เยียนอวิ๋นเกอหันกลับไปมองเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา “ท่านแม่จะพบเขาหรือไม่”

เซียวฮูหยินพูดอย่างขุ่นเคือง “เขาต้องกำลังใช้กลอุบายอีกอย่างแน่นอน! บอกว่าแบกหนามขอขมาล้วนเป็นการเสแสร้ง ได้ผลประโยชน์ไปแล้ว แต่ทำเหมือนตัวเองเสียเปรียบ”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าระรัว “เขาย่อมกำลังเสแสร้ง! ขันทีถ่ายทอดพระราชโองการเพิ่งจากไป เขาก็มาเยือน เวลากะไว้อย่างพอดี ช่าง…แม้แต่การเสแสร้งก็ไม่ทำให้มันแนบเนียน ถูกคนมองออกตั้งแต่แรก ช่างไร้ความสามารถเสียจริง!”

นางตีตรา ‘ไร้ประโยชน์’ ให้แก่เซียวอี้จากความรู้สึก

จากนั้นนางก็พูดอีก “ในเมื่อเขาอยากมาขอขมา ท่านแม่สู้ดูเขาว่าจะแสดงละครนี้อย่างไรดีกว่า ถือว่าหาความสุข หากเขาสามารถพูดจนทำให้ท่านแม่อ่อนไหวได้ก็ถือว่าเป็นความสามารถ”

เซียวฮูหยินขมวดคิ้ว สีหน้าลังเล

เยียนอวิ๋นฉีดึงแขนเสื้อของเยียนอวิ๋นเกอ “เวลานี้พบเซียวอี้จะเหมาะสมหรือ ข้าเป็นกังวลร่างกายของท่านแม่ หากท่านโกรธจน…”

เยียนอวิ๋นเกอพูดอย่างมั่นใจ “พี่สองวางใจ! มีข้าอยู่ เขาไม่กล้าทำให้ท่านแม่โกรธ หากเขาทำให้ท่านแม่โกรธ ไม่ต้องรอถึงวันแต่งงาน ข้าจะจัดการเขาวันนี้เอง”

เยียนอวิ๋นฉีอ้าปาก นางไม่เข้าใจน้องสี่เล็กน้อย

นางคิดว่าน้องสี่ก็ต่อต้านงานแต่งนี้เหมือนกัน แต่เมื่อไตร่ตรองดู ราวกับว่านางสรุปเร็วเกินไป

น้องสี่โกรธมาก แต่เรื่องที่นางโกรธราวกับแตกต่างจากนางเล็กน้อย

น้องสี่ราวกับโกรธเพราะสาเหตุอื่น

ดังนั้นเยียนอวิ๋นฉีจึงแอบถาม “แต่งงานกับเซียวอี้ น้องสี่ไม่ต่อต้านหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “อย่างไรก็เป็นการแต่งงาน แต่งกับเซียวอี้ก็ได้!”

เป็นเช่นนี้จริงด้วย…

เยียนอวิ๋นฉีอ้าปาก สีหน้าประหลาดเล็กน้อย “ในเมื่อน้องสี่ไม่ต่อต้านการแต่งงานนี้ เหตุใดข้าจึงเห็นเจ้าโกรธไม่น้อย”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างรู้ทัน “เพราะข้าเกลียดความรู้สึกที่ต้องถูกผู้อื่นควบคุมชีวิต งานแต่งถูกผู้อื่นควบคุมก็เท่ากับชีวิตกำลังถูกคนควบคุม หากเป็นพี่สอง พี่สองจะไม่โกรธหรือ”

เยียนอวิ๋นฉีพูดอย่างจริงจัง “ข้าย่อมโกรธ! แต่ข้าอาจโกรธเรื่องแต่งงานมากกว่า ไม่ใช่เรื่องการถูกควบคุม”

เรื่องที่โกรธแตกต่างกันจริงด้วย

เยียนอวิ๋นเกอจับมือของเยียนอวิ๋นฉี “พี่สองไม่ต้องกังวลแทนข้า ข้าดีมาก!”

ในที่สุดเยียนอวิ๋นฉีก็เผยรอยยิ้มออกมา

นางมองออกว่าน้องสี่สบายดีไม่น้อย นางปรับตัวได้อย่างดี

บางทีนางอาจยอมรับงานแต่งครั้งนี้ได้จากใจจริง เพียงแต่ไม่อาจยอมรับวิธีการของเซียวอี้

นางกังวลเล็กน้อย “น้องสี่ เจ้าคงไม่ลงมือกับเซียวอี้ใช่หรือไม่! เจ้าอย่าวู่วาม! อย่างไรเจ้าก็เป็นสตรี…”

“พี่สองวางใจ ข้าไม่ลงมือกับเขาอย่างแน่นอน วิธีที่จะจัดการกับเขามีมากมาย ไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองเหนื่อย”

เยียนอวิ๋นฉีโล่งใจในทันที

เวลานี้ นางเชื่อมั่นว่าน้องสี่ย่อมมีวิธีการมากมายในการจัดการเซียวอี้อย่างแน่นอน

ส่วนเซียวอี้…

เขาไม่กล้าลงมือกับน้องสี่อย่างแน่นอน!

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท