ตอนที่ 378 สมกับเป็นคนโหดเหี้ยม
เซียวอี้ถูกเชิญเข้าห้องโถง
เขาไม่พูดพล่ามทำเพลง เมื่อเข้ามาในห้องโถงก็คุกเข่าลงทันที พร้อมทั้งถวายแส้หนังที่มีหนามกลับด้วยสองมือ
ท่าทีนั้นเป็นการแสดงถึงยอมรับความผิดและยอมรับการลงโทษ!
ขอเพียงอย่าโบยเขาจนถึงตาย!
เขายังต้องรักษาร่างกายที่มีประโยชน์เอาไว้แต่งสะใภ้!
พู่!
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะออกมา
ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดในเดิมทีถูกพังทลายลงในชั่วพริบตา
เมื่อเซียวอี้ได้ยินเสียงหัวเราะของนาง เขาก็อยากแอบมองนาง ยิ้มให้นาง แต่ก็กลัวทำให้เซียวฮูหยินโกรธ
ดังนั้น เขาทำได้เพียงอดทนเอาไว้!
เขาอดทนที่จะไม่มองไปทางอวิ๋นเกอ คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างสุภาพ แบกหนามขอขมา!
เซียวฮูหยินถลึงตาใส่เยียนอวิ๋นเกอที่นางหัวเราะออกมาโดยไม่ดูสถานการณ์และบรรยากาศ
หัวเราะก็แล้วไป แต่ก็ยังหัวเราะมีเสียงอีก!
เยียนอวิ๋นเกอเม้มปาก ชิงพูดขึ้นก่อน “ท่านแสดงละครเก่งเสียจริง!”
เซียวอี้ผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะรู้ตัวว่านางกำลังพูดกับตัวเอง
ดังนั้น ในที่สุดเขาก็สามารถหันหน้าไปมองนางอย่างเปิดเผยได้แล้ว
“ข้าจริงใจ ไม่ได้แสดงละคร!”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “ท่านคิดว่าข้ากับท่านแม่เป็นสตรีที่ไร้ความรู้ หลอกง่ายใช่หรือไม่!”
เยียนอวิ๋นเกอส่งเสียงไม่พอใจ “กลอุบายของท่านต่ำทราม อีกทั้งยังทำให้ท่านแม่ของข้าขุ่นเคืองได้สำเร็จ ท่านคิดว่าการแบกหนามขอขมา แสดงความจริงใจเพียงเล็กน้อยจะทำให้ท่านแม่ของข้าหายโกรธได้หรือ”
เซียวอี้พูดทันที “ข้ายอมรับการลงโทษ! ไม่ว่าเงื่อนไขใดข้าก็รับปากทั้งหมด! เพียงแค่ไว้ชีวิตของข้าก็พอ!”
เยียนอวิ๋นเกอขยับนิ้ว “ข้าควรสั่งสอนท่านแทนท่านแม่ข้า แต่ท่านแม่มักเตือนข้า ในฐานะกุลสตรี พยายามทำตัวให้สง่างามต่อหน้าผู้คน วันนี้ข้าไม่ลงมือ ท่านแม่ ในเมื่อเขายอมถูกลงโทษ สู้ให้องครักษ์ลงมือแทน ท่านแม่คิดว่ากี่ทีจึงเหมาะสม”
เซียวฮูหยินถลึงตาใส่นาง
อวิ๋นเกอชิงพูดทั้งหมดก่อน นางยังจะพูดอย่างไรได้อีก
นางส่งเสียงไม่พอใจ “เซียวอี้ เจ้าลุกขึ้นเถิด! ข้าไม่โบยเจ้า!”
เซียวอี้ส่ายหน้าระรัว “ขอองค์หญิงโปรดลงโทษข้าอย่างหนัก!”
โบย!
ต้องโบย!
ไม่โบยคราวนี้ ความโกรธนี้ก็จะไม่หายไป
เหมือนก้างติดอยู่ที่คอ หนึ่งปี ห้าปี สิบปีก็ยังไม่อาจปล่อยวาง
ดังนั้น เมื่อมีความโกรธก็ต้องระบายออกมา
เซียวฮูหยินทำหน้าบึ้ง “เจ้าไปเถิด! ข้าไม่โบยเจ้า ในเวลาเดียวกัน ข้าก็ไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”
เซียวอี้ไม่ยอมไป
กว่าจะเหยียบเข้าจวนองค์หญิงได้ไม่ใช่เรื่องงาน หากภารกิจไม่สำเร็จ เขาไม่มีทางจากไป
เขาโน้มตัวคำนับ “ข้าทำให้องค์หญิงโกรธ สมควรถูกลงโทษ! เพื่อไม่ให้แปดเปื้อนดวงตาขององค์หญิง ข้าขอถอยหลังหลายก้าวไปจนถึงนอกประตู”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นถอยออกไปนอกประตูห้องโถง
จากนั้นเขาหยิบแส้ขึ้น…
โบยตัวเอง!
เพี๊ยะๆ…
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่แส้กระทบลงบนตัวอย่างเต็มกำลัง
เพียงแค่ไม่กี่ที เสื้อผ้าของเขาก็ขาดวิ่น เผยให้เห็นผิวกายด้านล่างเสื้อผ้า
รอยแส้ประดับอยู่บนผิวกายที่กำยำ
เขาลงมือกับตัวเองอย่างเต็มกำลัง!
โหดต่อตัวเองจึงจะเรียกว่าโหดจริง!
สมแล้วที่เป็นคนโหด!
…
เยียนอวิ๋นฉีปิดปากของตัวเองเอาไว้ กลัวว่าตัวเองจะร้องออกมา
เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนโบยตัวเอง อีกทั้งยังโบยแรงเพียงนี้!
บ้าคลั่งยิ่งนัก!
อีกทั้งยังน่ากลัวยิ่งนัก!
โหดยิ่งนัก!
สีหน้าเรียบเฉยของเซียวฮูหยินในเดิมทีมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
คิ้วของนางขมวดขึ้นมา
แต่ไม่ได้เกิดความรู้สึกสาแก่ใจอย่าง “เจ้าก็มีวันนี้” เพราะการกระทำของเซียวอี้แต่อย่างใด
เยียนอวิ๋นเกอนวดคลึงขมับ นางไม่อยากดูต่อไป
บาดตาเกิดไป
เซียวอี้ย่อมต้องคิดว่าการกระทำของเขาเด็ดขาดอย่างมาก อีกทั้งยังน่าสงสารอย่างมาก
แต่เขาไม่รู้ว่าไม่ควรทำสิ่งใดให้มันเกินความพอดีหรือ!
ถึงแม้ตอนเด็กอาจารย์จะไม่เคยสอนเขา แต่ช่วงเวลาที่จี้ซินแสผู้เป็นกุนซืออยู่ข้างกายเขานี้ ก็ไม่เคยสอนให้เขาถึงเวลาหยุดควรหยุด ไม่ควรทำสิ่งใดเกิดความพอดีเลยหรือ
เขารู้หรือไม่ การกระทำนี้ของเขาจะยิ่งแสดงให้เห็นถึงด้านที่รุนแรงของเขามากยิ่งขึ้น
เขาเป็นคนที่มีประวัติมาก่อน
หากให้นายน้อยที่อ่อนโยนดุจหยก ผู้ไม่เคยมีประวัติมาก่อนโบยตัวเอง ย่อมจะเกิดความรู้สึกน่าสงสาร
ผู้คนจะเกิดความสงสารขึ้นมาจากใจ
แต่เซียวอี้…
ขอโทษ!
เขาไม่มี!
ภายใต้เงื่อนไขที่ผู้คนมีภาพจำตายตัวต่อเขาแล้วนั้น บนตัวเขาไม่อาจทำให้คนเกิดความรู้สึกสงสารได้
มีแต่จะทำให้คนรู้สึกบ้าคลั่ง น่ากลัว!
บนโลกจะมีคนบ้าคลั่งเช่นนี้ได้อย่างไร
โบยตัวเองยังโบยแรงขนาดนี้
หากโบยคนอื่น จะไม่ตายตั้งแต่โบยลงไปครั้งแรกเลยหรือ
“พอแล้ว! หยุดโบยได้แล้ว!”
เยียนอวิ๋นเกอตะโกนด้วยความโกรธ
เซียวอี้ไม่หยุดมือ
เยียนอวิ๋นเกอจึงยกแก้วชาเขวี้ยงไปที่หัวของเขา
“ข้าบอกให้หยุด ท่านไม่ได้ยินหรือ เลือดกระเซ็นไปทั่ว ท่านต้องการข่มขู่ผู้ใด ท่านรู้หรือไม่ ที่นี้มีแต่สตรี ท่านไม่กังวลว่าพวกข้าจะหวาดกลัวหรือ”
แก้วชาไม่ได้เขวี้ยงโดนเซียวอี้ เพียงแต่เฉียดหัวของเขาลอยออกไป
เซียวอี้…
ในที่สุดเขาก็หยุดโบยตัวเอง
เขาสับสนเล็กน้อย!
เขาทำผิดอีกแล้วหรือ
ราวกับว่าเขาทำสิ่งใดก็ผิด!
เขาไม่เข้าใจว่าเขาผิดอย่างไร
เขาตั้งใจมาขอขมาด้วยความจริงใจ
จี้ซินแสก็ชี้แนะเขาว่าต้องจริงใจ!
เขาไม่ได้เสแสร้ง หรือมีความคิดที่จะแสดงละครแม้แต่น้อย เขามาเพื่อขอขมาด้วยความจริงจัง
แต่…
เขาเหลือบมองเยียนอวิ๋นเกอ ราวกับเขาทำผิดอีกแล้ว
เขาทำหน้าฉงน
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าบึ้ง “ผู้ใดก็ได้ หยิบชุดองครักษ์ให้นายน้อยอี้คลุมไว้ ทั้งในห้องนอกห้องมีแต่สตรี เหตุใดจึงไม่รู้จักกฎระเบียบและการหักห้ามตัวเอง!”
เซียวอี้เก้อ!
เขาเหมือนจะรู้แล้วว่าตัวเองผิดอย่างไร
เขาเผชิญหน้ากับองค์หญิงจู้หยางที่เป็นผู้อาวุโสกว่า เป็นแม่ยายในอนาคต แต่กลับละเลยเรื่องเพศ
แต่เพศนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
แต่เขากลับละเลยมันไป!
ละเลยว่าความคิดของผู้ชายกับผู้หญิงนั้นไม่เหมือนกัน
การกระทำของเขา…
หากวันนี้คนที่เผชิญหน้าด้วยเป็นเยียนโส่วจ้าน เขาย่อมต้องได้รับคำชื่นชมว่าเป็นบุรุษที่ดี!
แต่วันนี้คนที่เขาเผชิญหน้าด้วยเป็นองค์หญิงจู้หยาง เฮ้อ…
เขาผิดอีกแล้ว
เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงจู้หยางไม่โปรด หรืออาจเรียกได้ว่าเกลียดการกระทำที่เต็มไปด้วยความรุนแรงแบบนี้อย่างมาก
นางเป็นผู้ที่มีความสง่างาม สุภาพ…
นางสามารถยอมรับบุตรสาว เยียนอวิ๋นเกอใช้กำลังต่อหน้าตัวเอง แต่มันก็เป็นเพราะสายเลือดและความรัก
ไม่เท่ากับว่านางจะยอมรับผู้อื่นใช้กำลังต่อหน้าตัวเองเหมือนกัน
บุตรสาวคนโตขององค์รัชทายาท “จางอี้” มีชีวิตสุขสบายแต่เด็ก เข้มงวดในกฎระเบียบ อ่อนโยนเรียบร้อย…
ชีวิตของนางเต็มไปด้วยความโชคร้าย
แต่นางยังคงรักษากฎระเบียบ มีเพียงเยียนอวิ๋นเกอได้รับการยกเว้น
เซียวอี้โบยตัวเอง เซียวฮูหยินมองไม่เห็นความจริงใจ เห็นเพียงความบ้าคลั่งและความรุนแรง
เซียวฮูหยินไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว!
ภายในห้องโถงเงียบสงัด
เซียวอี้คลุมเสื้ออย่างเงียบๆ ปิดบังรอยแส้บนร่างกาย จากนั้นเดินเข้าห้องโถงขอขมา
“ล่วงเกินองค์หญิงแล้ว ขอองค์หญิงโปรดอภัย!”
เซียวฮูหยินนวดขมับ สีหน้าหมดคำพูด
เยียนอวิ๋นเกอถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะพูด “ท่านไปเถิด!”
เซียวอี้สับสนเล็กน้อย!
เขาคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่ขยับ
เยียนอวิ๋นเกอพูดอีกครั้ง “ท่านขอพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกมาแล้ว งานแต่งนี้พวกข้ายอมรับ แต่ขอให้ท่านให้เวลาพวกข้าในการปรับตัวเล็กน้อย ส่วนกำหนดการงานแต่ง อีกสักพักค่อยมาหารือแล้วกัน!”
เซียวอี้พยักหน้า ในที่สุดเขาก็ไม่ดื้อรั้นสักครั้ง “ได้! วันนี้ข้าขอตัวก่อน! แปดเปื้อนดวงตาขององค์หญิง เป็นความผิดของข้า ต่อจากนี้ข้าจะระวังขอบเขต”
“เจ้าเป็นคนที่ไร้ขอบเขตที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอ”
ไม่มีผู้ใดคิดว่าเซียวฮูหยินจะระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน
คำพูดของนางก็ไม่ผิด
เซียวอี้ไม่รู้จักขอบเขตจริง
ตั้งแต่เด็กจนโต เขาต้องการสิ่งใดก็ต้องไปคว้า ไปแย่ง ไปชิง…
เขาไม่เคยรู้จักสิ่งที่เรียกว่าขอบเขต
ในโลกของเขาก็ไม่ต้องกสนขอบเขต!
คนที่รู้ขอบเขตไม่อาจลงสนามรบ ไม่อาจเป็นมือสังหาร ไม่อาจฆ่าคนได้
เขานำความเคยชินนี้เข้ามาหลอมรวมในชีวิตประจำวันด้วย
เขาอยากแต่งงานกับเยียนอวิ๋นเกอ เซียวฮูหยินไม่เห็นด้วย เขาก็ยึดหลักตามตื๊อ ใช้กลอุบายต่างๆ มากมาย
ขอบเขต?
ไม่มีผู้ใดเคยสอนเขา!
เขาเป็นหมาป่าที่โดดเดี่ยวมาก่อน ชีวิตของเขาไม่ต้องการขอบเขต
แต่ตอนนี้…
เมื่อเขาต้องการครอบครัว เขาถึงได้ตระหนักรู้ว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาขาดบทเรียนหนึ่งไป บทเรียนที่ชื่อว่า “ขอบเขต”
ครอบครัว…
สามารถไม่คำนึงถึงเหตุผล แต่ต้องคำนึงถึงความรัก คำนึงถึงขอบเขต
ระหว่างญาติยิ่งต้องมีการแบ่งแยกขอบเขตที่ชัดเจน
เขาต้องการครอบครัว ย่อมไม่อาจปฏิเสธความสัมพันธ์สายเลือดได้…
เพราะเยียนอวิ๋นเกอไม่ได้ตัวคนเดียว
ต่อไปพวกเขาจะมีบุตร
บุตรต้องเรียนหนังสือ ต้องมีอาจารย์ ย่อมมีความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์…
หลังจากบุตรเติบโตก็ต้องแต่งงาน ย่อมมีความสัมพันธ์จากการแต่งงาน…
ความสัมพันธ์ทั้งหมดล้วนไม่ห่างจากขอบเขต
เซียวฮูหยินตำหนิเสียงดุ “เจ้า เจ้าบอกว่าเจ้าจริงใจ แต่เรื่องที่เจ้าทำแต่ละเรื่อง มีเรื่อใดไม่ใช่การบีบบังคับ ใช้ข้ออ้างความจริงใจในการบีบบังคับให้ผู้อื่นทำตามตวามต้องการของเจ้า เจ้าช่างมีความสามารถ
หากเจ้ามีขอบเขตแม้แต่น้อย เจ้าก็คงไม่ทำให้ผู้อื่นขุ่นเคือง! หากเจ้ามีขอบเขตแม้แต่น้อย เข้าใจความรู้สึกข้าในฐานะมารดา ข้าก็คงไม่เกลียดเจ้าเช่นนี้! เจ้าดีมาก! ดีมากจริงๆ มีวันนี้ได้ด้วยความสามารถของตนเองก็เอาชนะคนจำนวนมากได้แล้ว ข้าเกือบจะชอบเจ้าเข้าแล้ว
แต่การกระทำของเจ้าในแต่ละครั้งช่างทำให้คนผิดหวัง ทำให้คนรังเกียจ เจ้าอยากแต่งงานกับอวิ๋นเกอ เจ้าทูลขอพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกล้วนไม่มีปัญหา แต่วิธีการของเจ้าอ่อนโยนกว่านี้ไม่ได้หรือ อย่าได้บีบเค้นผู้อื่นเช่นนั้นไม่ได้หรือ”
เซียวฮูหยินหอบหายใจด้วยความโกรธ แต่นางก็ยืนกรานที่จะพูดให้จบ
“อาทิเจ้าหยิบแส้มาหาข้า ขอโทษข้า สุดท้ายเจ้าทำเรื่องใดลงไป เจ้าใช้แส้โบยตัวเอง เจ้ารู้สึกว่าการโบยตัวเองมีความจริงใจอย่างมากใช่หรือไม่ เหลวไหลสิ้นดี! เจ้ากำลังบีบบังคับข้าอีกครั้ง บีบบังคับให้ข้ายอมรับคำขอโทษของเจ้า
หากข้าไม่ยอมรับล่ะ? ข้าก็ไร้เยื่อใย เป็นหญิงแก่ที่ดื้อรั้น! เจ้ารู้จักคำว่าพอหรือไม่ ข้าบอกแล้วว่าไม่โบยเจ้า เหตุใดเจ้าจึงทำตามใจตัวเอง หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ทุกคนจะคิดว่าข้าโกรธเพราะความอับอาย ไม่ให้อภัยคน ส่วนเจ้า เจ้าออกจากจวนของข้าไป!”