ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 476 ร่วมงาน(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 476 ร่วมงาน(1)

ตอนที่ 476 ร่วมงาน(1)

หลังจากได้ยินคำพูดของข่งไฉ่อิงแล้ว ซูหว่านอี๋ก็รีบเปิดประตู แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ที่แท้ก็คือภรรยาของสหายเผยนี่เอง รีบเข้ามาก่อนค่ะ”

ในตอนนั้นเอง เผยเจิ้งผู่ก็เดินออกมา เมื่อเขาเห็นภรรยาก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย

“ไฉ่อิง คุณมาทำไมเหรอ”

ข่งไฉ่อิงเหลือบมองสามีตัวเองแล้วบอกกล่าว “คุณกับกวงซินมาดูบ้าน ฉันก็มาดูเหมือนกัน แต่ไม่เจอพวกคุณก็เลยมาตามหาที่นี่ ไม่คิดว่าพวกคุณจะอยู่ที่นี่จริง ๆ”

ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ก็รีบบอกกล่าว “อาหารพร้อมรับประทานแล้วนะคะ ทุกคนเข้าไปข้างในกันเถอะ”

ข่งไฉ่อิงไม่คาดคิดว่าสามีกับลูกชายจะมารับประทานข้าวเย็นที่บ้านของคนอื่น เห็นเผยเจิ้งผู่เดินเข้าไปข้างในพร้อมกันก็คิ้วขมวดนิดหน่อย ขณะที่จะพูดอะไรสักอย่าง ก็โดนเผยเจิ้งผู่ขัดเอาไว้ก่อน “ไฉ่อิง ในเมื่อตอนนี้ก็อยู่ที่นี่แล้ว งั้นพวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”

คิ้วของข่งไฉ่อิงขมวดเป็นปมไม่รู้คลาย แต่ซูหว่านอี๋ก็ยังอยู่ที่นั่น หล่อนจึงไม่พูดอะไรมากมาย

หลังจากหลายคนเข้ามาในห้องกินข้าวแล้ว เผยเจิ้งผู่ก็เอ่ยแนะนำพร้อมรอยยิ้ม “นี่คือภรรยาของผม ข่งไฉ่อิง เพิ่งมาได้สองวัน เพราะฉะนั้นพวกคุณจึงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน”

ฉินมู่หลานรวมถึงคนอื่น ๆ ไม่เคยเห็นหน้าข่งไฉ่อิง เมื่อตอนนี้ได้พบ จึงกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้ม

ข่งไฉ่อิงเห็นแบบนี้ ก็ยกยิ้มแล้วกล่าวทักทายเช่นกัน เพียงแต่สีหน้าดูไม่ค่อยอบอุ่นสักเท่าใดนัก

ฉินมู่หลานก็มองออกเหมือนกัน แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะทุกคนยังไม่ค่อยสนิทกัน วันนี้เพิ่งพบปะกันเป็นครั้งแรก

หลังจากหลายคนนั่งลงกันหมดแล้ว ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงก็ยิ้มพร้อมต้อนรับครอบครัวของเผยเจิ้งผู่ด้วยมื้ออาหาร

ซูหว่านอี๋บอกให้มู่หลานกินไปก่อน ส่วนหล่อนตอนนี้กำลังดูแลชิงชิงกับเฉินเฉิน

เมื่อเห็นชิงชิงกับเฉินเฉิน ข่งไฉ่อิงก็อดมองไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยถาม “พวกเขาเป็นฝาแฝดมังกรหงส์เหรอคะ?”

เด็กทั้งสองดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน นอกจากนี้ยังดูเหมือนกันมากด้วย คนหนึ่งเป็นผู้ชาย อีกคนเป็นผู้หญิง มองแวบเดียวก็ทราบว่าเป็นแฝดมังกรหงส์

ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าทั้งรอยยิ้มแล้วบอกกล่าว “ใช่ค่ะ ชิงชิงกับเฉินเฉินเป็นฝาแฝดมังกรหงส์”

เด็กทั้งสองไม่เพียงแต่สวยหล่อเท่านั้นแต่ยังเป็นเด็กดีมากด้วย ดังนั้นจึงยากที่จะละสายตา ข่งไฉ่อิงจ้องมองพวกเขา ในใจรู้สึกอ่อนระทวย แต่เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานกำลังตั้งท้องอีกครั้ง ก็อดถามไม่ได้ “คุณท้องอีกแล้วเหรอคะ”

ในเมื่อมีทั้งลูกชายและลูกสาวแล้ว หล่อนจึงไม่เข้าใจว่าทำไมฉินมู่หลานจึงต้องตั้งครรภ์อีก แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้คนที่นี่ชอบมีลูกหลาน จึงไม่ได้แสดงความคิดเห็นมากนัก

ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้เปิดปากตอบ ซูหว่านอี๋ก็กล่าวทั้งรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ มู่หลานของเราท้องอีกแล้ว ครั้งนี้ก็เป็นลูกแฝดอีก ไม่นานเดี๋ยวชิงชิงกับเฉินเฉินก็จะได้มีน้องชายน้องสาวกันแล้ว”

ข่งไฉ่อิงได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ

“เป็นฝาแฝดอีกแล้วเหรอคะ ช่างหาได้ยากจริง ๆ” แม้แต่หล่อนเองก็ต้องยอมรับว่าฉินมู่หลานนั้นแข็งแกร่งมาก หลังจากได้ลูกแฝดมังกรหงส์แล้ว ยังตั้งท้องฝาแฝดได้อีก

เผยเจิ้งผู่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เพิ่งทราบ จึงรีบกล่าวแสดงความยินดีพร้อมรอยยิ้ม “มู่หลาน ยินดีกับเธอด้วยนะ”

“ขอบคุณค่ะอาเผย”

ฉินมู่หลานตอบรับพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็ชวนกินอาหารกันต่อ

ซูหว่านอี๋ทำอาหารเยอะมาก เพราะฉะนั้นฉินมู่หลานจึงได้กินอย่างมีความสุข เผยเจิ้งผู่และเผยกวงซินสองพ่อลูกก็กินเยอะมากเช่นกัน เว้นแต่ข่งไฉ่อิงที่ไม่ค่อยได้ขยับตะเกียบมากนัก หล่อนมองดูอาหารพวกนี้ตรงหน้าแล้วไม่มีความรู้สึกอยากอาหารใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงก็เป็นคนงานก่อสร้างบ้านของพวกเขา ตอนนี้กลับมานั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกับหล่อนแล้วจะให้คิดเห็นอย่างไร หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าสามีกำลังคิดอะไรอยู่ จึงได้มากินมื้อเย็นในบ้านของคนพวกนี้

ซูหว่านอี๋ไม่ได้รู้สึกอะไรในตอนแรก แต่เมื่อเห็นว่าข่งไฉ่อิงไม่ขยับตะเกียบเลย จึงทราบว่าหล่อนดูถูกอาหารพวกนี้ จึงหมดความสนใจในการจะเสวนาด้วยทันที ทำเพียงแค่ให้เด็กทั้งสองกินข้าว

เผยเจิ้งผู่ขมวดคิ้วแล้วมองภรรยาของตน แต่ขณะนี้พวกเขาอยู่ข้างนอก เขาจึงไม่ว่ากล่าวอะไรเธอ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ดูไม่ดีต่อหน้าทุกคน

ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากข้างนอก

ซูหว่านอี๋รีบลุกขึ้นยืนอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “ครั้งนี้ต้องเป็นจิ้งจือกลับมาแน่นอน”

แต่ฉินมู่หลานก็เพิ่งนึกขึ้นได้ “ถ้าแม่กลับมา คงไม่เคาะประตูค่ะ แม่มีกุญแจติดตัวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“วันนี้จิ้งจือลืมเอากุญแจไป หลังจากหล่อนออกไปข้างนอกแล้วแม่เพิ่งจะเห็นว่ามันวางอยู่บนโต๊ะ ก็เลยคิดว่าคงเป็นจิ้งจือกลับมา” ขณะพูด ซูหว่านอี๋ก็เดินตรงไปเปิดประตู

ในครั้งนี้เป็นเหยาจิ้งจือกลับมาจริง ๆ วันนี้ซูหว่านอี๋อยู่ที่บ้านเพื่อดูแลเด็ก ๆ ส่วนหล่อนไปทำงานที่โรงงาน เมื่อเข้ามาก็แปลกใจนิดหน่อยที่เห็นครอบครัวสามคนของเผยเจิ้งผู่ ไม่นานหล่อนก็คลี่ยิ้มแล้วกล่าวทักทาย

เผยเจิ้งผู่ก็ยิ้มแล้วทักทายเหยาจิ้งจืออย่างเป็นกันเอง

เหยาจิ้งจือส่งยิ้มให้หลายคน จากนั้นก็รีบหันมองฉินมู่หลานแล้วกล่าวขึ้นทันที “มู่หลาน สินค้าใหม่ผลิตออกมาแล้ว เธอรีบมาดูเร็ว” ขณะพูดก็ยื่นกล่องแสนสวยที่อยู่ในมือหนึ่งกล่องออกไป

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย “ผลิตออกมาเร็วจังเลยค่ะ ฉันขอดูหน่อย” หลังจากรับมันแล้วก็เปิดกล่องทันที และหยิบขวดเครื่องสำอางออกมาลองดูและดมกลิ่น หลังจากนั้นก็บอกว่า “กลิ่นหอมดีมากค่ะ ขวดก็ดูดี แม้แต่กล่องบรรจุผลิตภัณฑ์ก็สวยงามมากด้วย”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานกล่าวแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็รู้สึกโล่งอก

“ดีมากเลย ในเมื่อเธอรู้สึกว่าทุกอย่างดี อย่างนั้นก็ยืนยันได้ว่าไม่มีปัญหา”

ในตอนนั้นเอง ข่งไฉ่อิงก็มองเห็นข้อความบนกล่องได้อย่างชัดเจน สีหน้าจึงดูแปลกใจก่อนจะเอ่ยถาม “นี่คือชุดเครื่องสำอางค์ของมู่เสวี่ยใช่หรือเปล่า แต่ว่าฉันไม่เคยเห็นผลิตภัณฑ์แบบนี้มาก่อนเลยนะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็อดหันมองเสียไม่ได้ แล้วบอกกล่าวทั้งรอยยิ้ม “นี่คือผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ยังไม่มีวางจำหน่าย เพราะฉะนั้นพวกคุณต้องไม่เคยเห็นมาก่อนอยู่แล้วค่ะ”

“นั่น…”

ตอนแรกหล่อนอยากจะถามว่าพวกเธอมีมันได้อย่างไร แต่ไม่นานก็ตระหนักอะไรบางอย่างได้ จึงหันมองเหยาจิ้งจือด้วยความแปลกใจพลางเอ่ยถาม “คุณทำงานที่โรงงานมู่เสวี่ยเหรอคะ?”

เหยาจิ้งจือพยักหน้า แล้วบอกกล่าวตามตรง “ใช่ค่ะ ฉันทำงานอยู่ที่โรงงานมู่เสวี่ย แบรนด์เครื่องสำอางนี้มู่หลานเป็นคนก่อตั้ง ปัจจุบันบริหารโดยฉันกับซูหว่านอี๋ค่ะ”

“อะไรนะ…”

ถึงแม้ว่าจะคาดเดาได้ว่าเหยาจิ้งจือทำงานในโรงงานมู่เสวี่ย ตำแหน่งก็คงไม่ได้ต่ำต้อย แต่หล่อนก็นึกไม่ถึงว่าแบรนด์เครื่องสำอางมู่เสวี่ยจะเป็นของพวกเขา และก่อตั้งโดยฉินมู่หลาน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็หันมองฉินมู่หลาน ได้แต่รู้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย

เหยาจิ้งจือเห็นท่าทางตกตะลึงของข่งไฉ่อิง ก็อดพูดไม่ได้ “ที่แท้คุณก็รู้จักแบรนด์มู่เสวี่ยของเราด้วย ดูเหมือนว่าพอแบรนด์ของพวกเราเปิดตัวแล้ว จะมีคนรู้จักมากมายเลยนะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ข่งไฉ่อิงก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ ฉันรู้จักแบรนด์มู่เสวี่ย เครือ่งสำอางพวกนี้ขายดีมากในต่างประเทศ ใครใช้ก็ต่างงบอกว่าดีกันทั้งนั้น ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบรนด์ของพวกคุณ”

เหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋ได้ยินว่าเครื่องสำอางขายดีในต่างประเทศ สายตาก็เต็มไปด้วยความดีใจ

“จริงเหรอคะ ดีจังเลย ผลิตภัณฑ์ของเราไม่เพียงแต่ไปต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นที่นิยมมากด้วยสินะ”

“ใช่แล้ว ดีมากจริง ๆ”

ทั้งสองเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในการพัฒนาแบรนด์มู่เสวี่ยต่อไป

ข่งไฉ่อิงมองทั้งสองคนที่กำลังดีใจอยู่ตรงหน้า คิดอยากจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

หลังจากครอบครัวของเผยเจิ้งผู่กินอาหารเสร็จก็เตรียมตัวกลับ

“เจี้ยนเซ่อ เหวินปิง ขอบคุณการต้อนรับของพวกคุณมากนะ”

ฉินเจี้ยนเซ่อและเซี่ยเหวินปิงยิ้มแล้วโบกมือพลางเอ่ย “ขอบคุณอะไรกัน ก็แค่กินข้าวเอง ถ้าคุณชอบกิน ต่อไปก็มาได้นะ”

เผยเจิ้งผู่ก็ไม่ปฏิเสธ พลางยิ้มแล้วพยักหน้า

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ตะลึงล่ะสิที่เจอเจ้าของแบรนด์ บอกแล้วว่าอย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท