ตอนที่ 383 ลาออกจากการเป็นขุนนาง
นายท่านใหญ่ตระกูลเถากลับจวนด้วยความสะเทือนใจ!
หลังจากกลับถึงจวน เขาก็ล้มป่วยลง!
อาการป่วยของเขาร้ายแรง เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะรักษา
เขาหลับๆ ตื่นๆ มากว่าครึ่งเดือน ในที่สุดก็ปลอดภัยจากความอันตราย แย่งชิงชีวิตกลับมาจากเงื้อมมือของยมทูตได้!
จากนั้น เขาก็ทำการตัดสินใจเรื่องที่ทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง
เขาทูลขอลาออกจากการเป็นขุนนาง ตัดสินใจนำตระกูลเถาทั้งตระกูลกลับบ้านเกิด
ทันที่ที่เรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ผู้คนต่างตกใจ!
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาเป็นขุนนางอยู่ดีๆ มีทั้งอำนาจทั้งตำแหน่งทั้งฐานะ เหตุใดจึงคิดไม่ตกขอลาออกจากการเป็นขุนนางกลับบ้านเกิด
กลับบ้านเกิดก็แล้วไป ยังคิดจะนำคนทั้งตระกูลเถากลับไป
การตัดสินใจนี้กะทันหันอย่างมาก ร้ายแรงอย่างมาก
เขาเป็นถึงกั๋วจิ้วคนก่อน เป็นพี่ชายของพระพันปี เป็นลุงของฮ่องเต้ ฐานะสูงส่งเพียงนี้ มีเรื่องใดคิดไม่ตกจนต้องขอลาออก
ทุกคนต่างไม่เข้าใจ!
หรือว่าสมองของเขามีน้ำขังอยู่
พระพันปีเถาก็คิดไม่ตกเช่นเดียวกัน
นางไปหาฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้เป็นอันดับแรก ให้ฮ่องเต้ยับยั้งการทูลขอลาออกของนายท่านใหญ่ตระกูลเถา ไม่ต้องสนใจ
จากนั้น นางก็ส่งคนไปเรียกนายท่านใหญ่ตระกูลเถาเข้าวังมาซักถาม
นางต้องถามให้กระจ่างให้ได้
“เป็นขุนนางเบื่อแล้วหรือ เหตุใดจึงขอลาออกอย่างกะทันหัน”
สีหน้าของนายท่านใหญ่ตระกูลเถาซีดเผือด แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแออย่างมาก
เขาหลุบตาต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของพระพันปีเถา จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย “อยากลาออกก็ลาออก! กระหม่อมเบื่อหน่ายกับการเป็นขุนนางแล้ว! เวลานี้ ตระกูลเถามีครบทุกอย่าง ขาดเพียงแค่รากฐานของตระกูล กระหม่อมคิดจะนำคนในตระกูลกลับบ้านเกิดไปบำเพ็ญตนเอง อบรมบุตรหลานในตระกูลให้ดี ผ่านไปสักแปดปีสิบปี ค่อยให้บุตรหลานในตระกูลรับราชการใหม่ เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลเถาย่อมมีความแตกต่าง!”
“ท่านเหลวไหล! หากต้องการอบรมสั่งสอนบุตรหลานในตระกูล จะมีที่ใดเหมาะสมยิ่งกว่าเมืองหลวงอีก จะมีสำนักศึกษาที่ใดดีกว่าสำนักไท่เสวียอีก ละทิ้งชีวิตที่ดีในเมืองหลวง นำคนในตระกูลกลับบ้านเกิดที่ยากจน ท่านช่างมีวิสัยทัศน์คับแคบ หากท่านทำเพื่อตระกูลจริง ก็ควรจะนำคนในตระกูลอยู่ในเมืองหลวงต่อไป เป็นขุนนางของท่านต่อไป”
พระพันปีเถาโกรธจนใช้น้ำเสียงสูง
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาดื่มชาหนึ่งคำ “กระหม่อมไม่อยากเป็นขุนนาง!”
“ท่านที่หลงใหลในการเป็นขุนนางแต่เด็กจู่ๆ บอกว่าไม่อยากเป็นขุนนาง ท่านคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ หรือว่าล้มป่วยลงเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ท่านตระหนักรู้ ไม่หลงใหลในเกียรติยศของการเป็นขุนนางอีก”
พระพันปีเถาเผยสีหน้าเสียดสี นางคิดไม่ตกเสียจริง หรือว่าสมองของพี่ชายนางมีน้ำขังอยู่จริงๆ
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาก้มหน้า “คนย่อมมีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม กระหม่อมไม่อยากเป็นขุนนาง ตัดสินใจที่จะลาออกอย่างแน่วแน่แล้ว หากพระพันปีและฝ่าบาทไม่ทรงเห็นด้วย กระหม่อมจะทิ้งตราประทับเอาไว้ให้พวกพระองค์จัดการกันเอง”
แน่วแน่เพียงนี้เชียวหรือ
พระพันปีเถาหรี่ตาลง พลางถาม “ท่านกลัวฮ่องเต้ทรงเพ่งเล็งท่าน ใส่ร้ายท่านหรือ ท่านกังวลมากเกินไปแล้ว! ฮ่องเต้ไม่ใช่ฮ่องเต้องค์ก่อน พระองค์ทรงเป็นคนที่มีคุณธรรม พระองค์ยอมรับลุงอย่างท่าน จดจำความสัมพันธ์ตั้งแต่เล็กจนโต…”
“กระหม่อมรู้ทุกอย่าง!” นายท่านใหญ่ตระกูลเถาขัดพระพันปีเถา “กระหม่อมไม่เคยคิดร้ายต่อฝ่าบาท กระหม่อมเพียงแค่คิดได้เท่านั้นว่าไม่อยากเป็นขุนนางแล้ว!”
พระพันปีเถาโกรธมาก นางตะโกนต่อว่าเสียงดัง “ข้าว่าท่านป่วยจนสับสน! ข้าจะให้หมอหลวงตรวจร่างกายของท่าน หากท่านยังมีสติ ท่านก็ควรรีบยกเลิกการตัดสินใจอันโง่เขลานี้เสีย”
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาเงยหน้าขึ้นและสบตากับพระพันปีเถาเป็นครั้งแรกหลังจากเข้าวังมาคราวนี้
เขาชี้ไปที่ศีรษะของเขา “ตรงนี้ของกระหม่อมมีสติอย่างมาก! พระองค์ทรงถือว่ากระหม่อมมองโลกอย่างทะลุปรุโปร่งหลังจากล้มป่วยก็ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร ขอพระองค์ทรงโปรดอนุญาต”
พระพันปีเถาโกรธจนปวดใจ นางหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธ
“ดี ข้าจะให้ท่านสมปรารถนา ท่านสามารถลาออกกลับบ้านเกิดได้ แต่คนตระกูลเถา หากพวกเขาไม่ยอมตามท่านกลับบ้านเกิด ท่านไม่อาจบังคับพวกเขาได้ ข้ามีชีวิตอยู่หนึ่งวัน คนตระกูลเถาย่อมไม่ต้องหวาดกลัว สามารถเป็นขุนนางหรือศึกษาในเมืองหลวงได้อย่างสบายใจ”
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาอ้าปากค้าง
เขารู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่ามันคือการถอยที่มากที่สุดของพระพันปีเถา
หากโต้เถียงกันต่อไป เกรงว่าจะต้องแตกคอกันจริง
แต่แล้ว เรื่องที่เขาหวาดกลัวที่สุดก็คือการแตกคอ การเปิดเผยความจริงที่โชกเลือดภายใต้แสงอาทิตย์
ช่างน่าขยะแขยงและหวาดกลัว!
เขากัดฟัน “ขอบพระทัยพระพันปีที่ทรงอนุญาต! ทางฮ่องเต้ กระหม่อมคงไม่เดินทางไปแล้ว ขอพระพันปีทรงทูลต่อฮ่องเต้ นับจากนี้กระหม่อมไม่อาจบรรเทาความทุกข์แทนพระองค์ได้ ขอให้พระองค์โปรดรักษาตัว!”
พระพันปีเถาส่งเสียงไม่พอใจ “หากท่านเป็นห่วงฮ่องเต้จริง ท่านก็ไม่ควรลาออกในเวลานี้ เมื่อท่านลาออกยิ่งทำให้ตระกูลจ้งดูน่าพึ่งพาและจงรักภักดี ต่อจากนี้ฮ่องเต้ย่อมจะทรงให้ความสำคัญกับตระกูลจ้งมากขึ้น ท่านจะให้ข้าคิดอย่างไร”
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาหัวเราะเยาะตนเอง “พระพันปีทรงมีชีวิตอยู่หนึ่งวัน ตระกูลจ้งก็ไม่อาจสร้างปัญหาได้หนึ่งวัน กระหม่อมไม่รบกวนพระพันปีแล้ว ขอทูลลา!”
แผ่นหลังของเขาโก่งโค้ง ทำให้ดูแก่ชราและเหนื่อยล้า เขาลากร่างกายที่ชราภาพของตนเองออกจากตำหนักฉางเล่อ
พระพันปีเถามองตามแผ่นหลังของเขา ไม่อาจปล่อยวางได้เป็นเวลานาน
นางไม่อาจยอมรับคำอธิบายของเขาได้แม้แต่น้อย
เหมาเส้าเจี้ยนเกลี้ยกล่อม “พระองค์ทรงปล่อยวาง! ในเมื่อนายท่านใหญ่ยืนกรานที่จะขอลาออก ย่อมต้องผ่านการไตร่ตรองที่ดีแล้ว บางทีเขาอาจได้รับความกระทบกระเทือนบางอย่าง คิดว่าตระกูลเถาจำเป็นต้องพักเพื่อฟื้นฟูรากฐานสักหลายปีก่อน!”
พระพันปีเถาส่งเสียงไม่พอใจ “ตำแหน่งขุนนางนั้น หนึ่งตำแหน่งมีเพียงหนึ่งคน เวลานี้ข้ายังมีชีวิตอยู่ ยังสามารถช่วยพูดได้ เขาไม่ฉวยโอกาสพยายามให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น หากแต่ถอนตัวกลับไปพักที่บ้านเกิด ช่างเหลวไหล!
หากอีกแปดปี สิบปี ข้าไม่อยู่แล้ว คนตระกูลเถาอยากจะเข้ามารับตำแหน่งขุนนางอีกครั้ง ในราชสำนักคงจะไม่มีพื้นที่ให้คนตระกูลเถาแล้ว ฮ่องเต้ก็อาจไม่ทรงเห็นแก่หน้าของตระกูลเถา เมื่อถึงเวลานั้น สถานการณ์ของตระกูลเถาจะเป็นอย่างไร ยังต้องให้ข้าพูดอีกหรือ”
“แต่…ดูจากท่าทีของนายท่านใหญ่ เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว คงจะโน้มน้าวไม่ได้”
พระพันปีเถาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
“เขาตัดสินใจแล้ว ข้าก็หมดหนทาง เขาลาออกจากไปอย่างง่ายดาย แต่คนด้านล่างตระกูลเถาจะทำอย่างไร บรรดานายน้อยยังเด็ก ยังไม่อาจแบกรับหน้าที่ใหญ่ได้ ตระกูลเถาจะต้องเริ่มตกต่ำในมือของข้าหรือ”
เวลานี้บุคคลที่เป็นหน้าเป็นตาของตระกูลเถาก็คือนายท่านใหญ่ตระกูลเถา
ไม่ว่าจะอายุ ประสบการณ์ หรือระยะเวลาในการเป็นขุนนางล้วนเหมาะสม สามารถรับหน้าที่สำคัญได้
แต่เมื่อเขาลาออก คนอื่นในตระกูลเถา ไม่ว่าจะอายุ ประสบการณ์ หรือระยะเวลาในการเป็นขุนนางล้วนไม่เพียงพอ
หากถูกเลื่อนขั้นสูงขึ้นอย่างกะทันหันย่อมไม่เป็นเรื่องดี ย่อมต้องถูกขุนนางทั้งหลายโจมตี
ประสบการณ์ในสนามขุนนางของเด็กหนุ่มจะรับมือกับการโจมตีของพวกขุนนางเก่าได้อย่างไร พวกเขาย่อมจะพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
แม้จะมีการคุ้มกันของพระพันปีเถา แต่ก็ต้องมีความสามารถของตนเอง
การตีเหล็กนั้น เหล็กย่อมต้องแข็ง
พระพันปีเถาสามารถผลักดันคนตระกูลเถาได้ แต่ไม่อาจเป็นขุนนางแทนคนตระกูลเถาได้
สามารถยืนให้มั่นในสนามขุนนางได้หรือไม่ สิ่งสำคัญคือความสามารถของตนเอง
นอกจากนี้ ท่าทีของฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ที่มีต่อตระกูลเถาเรียกได้ว่าเป็นกลาง หากกระทำผิดย่อมต้องได้รับโทษ
พระพันปีเถานวดขมับด้วยความกลุ้มใจ!
“ช่างสร้างปัญหาให้ข้าเสียจริง! เจ้าไปสืบมา เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ เหตุใดจึงลาออกกะทันหัน”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
…
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเหตุใดนายท่านใหญ่ตระกูลเถาจึงลาออก อีกทั้งยังมีท่าทีแน่วแน่เพียงนี้
นอกจากเซียวอี้!
เซียวอี้ออกจากเมืองหลวงแล้ว!
เขาไม่อยากอยู่ในเมืองหลวงกระตุ้นพระพันปีเถา ทำให้จวนท่านอ๋องตงผิงเดือดร้อน
อีกทั้งไม่อยากรับมือกับมือสังหารที่มาเยือนทุกวัน
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาลาออก ในเมื่อพระพันปีเถาพยักหน้าแล้ว ฮ่องเต้ไท่หนิงเซียวเฉิงอี้ก็ทรงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไร้ข้อโต้แย้ง
คนตระกูลเถาล้วนมีทีท่าเหมือนฟ้าถล่มลงมา
พวกเขาไม่อยากจากเมืองหลวงที่คึกคักไป
แต่นายท่านใหญ่ตระกูลเถาเป็นหัวหน้าตระกูล เป็นนายท่าน เมื่อเขาสั่งแล้ว ไม่ไปก็ต้องไป
แน่นอนว่ามีคนจากบ้านอื่นที่ยืนกรานไม่ฟังคำสั่งของเขา ดื้อรั้นที่จะอยู่ในเมืองหลวงต่อ
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาก็ไม่บังคับ
“แยกต้นตระกูลเถิด!”
เอ๊ะ?
ร้ายแรงเพียงนี้เชียวหรือ
เห็นได้ชัดว่านายท่านใหญ่ตระกูลเถาตัดสินใจแล้ว “นับจากนี้ตระกูลเถาแยกออกเป็นสองต้นตระกูล บ้านเกิดหนึ่งตระกูล เมืองหลวงหนึ่งตระกูล ต่างคนต่างสร้างโถงบรรพบุรุษของตัวเองเพื่อสักการะบรรพบุรุษ ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน!”
“พระพันปีทรงรู้เรื่องนี้หรือไม่ หัวหน้าตระกูลจะแยกต้นตระกูล เคยได้หารือกับพระพันปีหรือไม่”
นายท่านใหญ่ตระกูลเถามีสีหน้าเรียบเฉย “เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในตระกูลของตระกูลเถา พระพันปีไม่มีสิทธิ์ถาม ข้าในฐานะหัวหน้าตระกูลตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้หรือ”
“เหตุใดจึงแยกต้นตระกูล ข้าไม่เห็นด้วย!”
“ไม่ตามข้ากลับบ้านเกิดทั้งตระกูลก็แยกต้นตระกูล ไม่มีทางที่สาม”
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาไม่ยอมจำนนแม้แต่น้อย
ตระกูลเถาอาละวาดขึ้นมา
เรื่องนี้ถูกส่งไปทั่วเมืองหลวงและพระราชวัง
พระพันปีเถาที่คิดว่าเรื่องนี้จบสิ้นแล้วในเดิมทีโกรธขึ้นมาอีกครั้ง
“เขาเป็นอันใดกันแน่ ทั้งลาออกจากการเป็นขุนนาง เวลานี้ก็คิดจะแยกต้นตระกูลอีก เขาอยากจะให้ข้าโกรธจนอกแตกตายหรือ เรียกเขาเข้ามาในวัง ข้าจะถามให้กระจ่าง เขามีเจตนาใดกันแน่ ไม่ทำให้ตระกูลเถาตาย เขาไม่ยอมลามือใช่หรือไม่”
แต่แล้ว คราวนี้นายท่านใหญ่ตระกูลเถากลับไม่ยอมเข้าวัง
เขาให้ข้าหลวงทูลบอกพระพันปีเถา “เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในตระกูลเถา พระพันปีทรงเป็นคนในวังหลวง ไม่ว่าจะด้วยเหตุหรือด้วยผลก็ไม่ควรแทรกแซงเรื่องภายในของตระกูลเถา!”
พระพันปีเถาโกรธจนหงายท้อง
“ได้ ได้! ตอนที่ข้ามีประโยชน์ ข้าก็เป็นคนตระกูลเถา ตอนที่ข้าไร้ประโยชน์ ข้าก็เป็นคนนอก! เขาจงใจจะทำให้ข้าโกรธจนอกแตกตายหรือ ข้าติดหนี้เขาหรืออย่างไร! เหมาเส้าเจี้ยน เจ้าไปพบเขาด้วยตัวเอง ถามเรื่องนี้ให้กระจ่าง หากเขาตอบไม่ได้ ข้าจะไม่ให้อภัยเขาเด็ดขาด!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
…
เหมาเส้าเจี้ยนนำข้าหลวงมายังจวนตระกูลเถา
เนื่องจากเรื่องการแยกต้นตระกูล ระยะนี้ตระกูลเถาจึงวุ่นวายอย่างมาก
คนทั้งเมืองหลวงต่างกำลังรอเยาะเย้ยตระกูลเถา
ทุกคนต่างถกเถียงกันไปต่างต่างนานา ร่ำลือไปทุกแบบ
คนส่วนใหญ่ต่างคิดว่านายท่านใหญ่ตระกูลเถาเลอะเลือน ปล่อยความร่ำรวยที่เพียงยื่นมือไปคว้าก็ได้มาเอาไว้ไม่เอา แต่เลือกที่จะลาออกกลับบ้านเกิด
สมองมีปัญหาหรือไม่
มีเพียงคนส่วนน้อยที่คิดว่านายท่านใหญ่ตระกูลเถาถอนตัวเวลานี้ก็ถือเป็นความฉลาดในการเอาตัวรอด
ไม่แน่ว่าตระกูลเถาอาจกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้ง อีกทั้งยังมีรากฐานตระกูลที่แน่นหนา
เดิมทีเหมาเส้าเจี้ยนคิดว่าจะได้พบกับนายท่านใหญ่ตระกูลเถาที่กังวล
แต่น่าประหลาดใจ สีหน้าของนายท่านใหญ่ตระกูลเถาดีขึ้นกว่าเมื่อพบกันครั้งก่อนมาก
เหมือนได้ปลดสัมภาระอันหนักอึ้งลง ในที่สุดตัวก็เบาหวิว
บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเป็นอิสระ ทำให้ดูอายุน้อยลงหลายปี
เหมาเส้าเจี้ยนยกมือ “นายท่านใหญ่ช่างมองได้ทะลุปรุโปร่ง ยอมสละทุกอย่างในเมืองหลวงกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดจริงหรือ”
นายท่านใหญ่ตระกูลเถาหัวเราะ “เหมากงกงดูข้าเหมือนล้อเล่นหรือไม่”