คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 384 ออกจากเมืองหลวง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 384 ออกจากเมืองหลวง

เหมยเส้าเจี้ยนดื่มชาเพื่อชุ่มคอ

“นายท่านใหญ่จะลองไตร่ตรองอีกครั้งหรือไม่ เวลานี้กลับใจยังทัน! อย่างมากก็แค่ไปขอขมาพระพันปี ยอมรับความผิด ท่านและพระพันปีเป็นพี่น้องร่วมมารดา พระพันปีไม่ทรงถือสาท่านอย่างแน่นอน”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาส่ายหน้าระรัว “ข้าตัดสินใจแล้ว เหมยกงกงอย่าได้สิ้นเปลืองน้ำลาย! ดื่มชาดีกว่า”

เหมยเส้าเจี้ยนกระอักกระอ่วน!

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง ครุ่นคิดพลันพูด “ในเมื่อนายท่านใหญ่ยืนกรานที่จะลาออกกลับบ้านเกิด ข้าก็จะไม่เกลี้ยกล่อมท่านอีก อย่างไรก็ตาม พระพันปีทรงอนุญาตการตัดสินใจของท่านแล้ว แต่เรื่องการแยกต้นตระกูล นายท่านใหญ่โปรดไตร่ตรองให้ดี!

พระพระปีทรงโกรธเรื่องนี้ยิ่งนัก เรียกนายท่านใหญ่เข้าเฝ้า แต่ท่านก็ปฏิเสธที่จะเข้าวัง จึงยิ่งเป็นการเติมชื้อเพลิงให้กับกองไฟ! วันนี้ข้ามาเยือนถึงที่ เพียงเพื่อซักถามเหตุผลแทนพระพันปี! นายท่านใหญ่ต้องการทำอันใดกันแน่ ผู้ใดที่เป่าหูท่านจนทำให้ท่านเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถากล่าวด้วยรอยยิ้ม “คราวที่แล้วเข้าวัง สิ่งที่ข้าพูดต่อหน้าพระพันปีเป็นความจริงทั้งหมด ความเจ็บป่วยร้ายแรงทำให้ข้าได้สติ! ในฐานะหัวหน้าตระกูลเถา ข้ามีความความรับผิดชอบในการวางแผนเส้นทางใหม่ที่ปลอดภัยกว่าให้กับตระกูลเถา ทิ้งบางสิ่งไว้ให้กับตระกูลได้บ้าง”

“บนโลกนี้ยังมีหนทางที่มั่นคงกว่าการพึ่งพาพระพันปีอีกอย่างนั้นหรือ”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาหัวเราะ “หวังพึ่งพระพันปีได้กี่ปี หนึ่งปี ห้าปี หรือสิบปี รอพระพันปีทรงจากไปแล้ว ตระกูลเถาจะเป็นอย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น ฮ่องเต้ยังจะทรงดูแลตระกูลเถาหรือไม่ ถึงแม้ฮ่องเต้จะทรงยอมดูแลตระกูลเถา แต่ฮ่องเต้องค์ถัดไปยังจะทรงดูแลตระกูลเถาหรือไม่

ตระกูลขุนนางพันปี ราชวงศ์ร้อยปี ญาติฝ่ายนอกสิบปี! นับตั้งแต่โบราณมา มีญาติฝ่ายนอกมากน้อยเพียงใดที่มีจุดจบที่ดี ข้าคิดได้แล้ว หากต้องการความเจริญรุ่งเรืองที่ยาวนาน ยังคงต้องพึ่งพาตัวเอง พึ่งพาบุตรหลานตระกูลเถา!”

“นายท่านใหญ่พูดมีเหตุผล! แต่ก็ไม่ต้องออกจากเมืองหลวงกลับบ้านเกิด ยิ่งไม่จำเป็นต้องแยกต้นตระกูล!”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาถอนหายใจ “มีเพียงจากเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายนี้ไป บรรดาบุตรหลานจึงจะสงบจิตสงบใจ ตั้งใจร่ำเรียนฝึกฝนวิชาได้ เรื่องการแยกต้นตระกูล เมื่อเส้นทางต่างกันย่อมไม่อาจไปด้วยกันได้ ข้าไม่บังคับพวกเขา แต่ก็ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาอีก แยกต้นตระกูล ปัญหาย่อมหมดไป!”

เหมยเส้าเจี้ยนจำเป็นต้องตักเตือนเขา “พระพันปีทรงโกรธอย่างมากต่อเรื่องแยกต้นตระกูล! พระองค์ทรงคัดค้านการแยกต้นตระกูล!”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาทำหน้าบึ้ง “นางคัดค้าน แต่ข้าก็ยังยืนกรานที่จะแยกต้นตระกูล นางเป็นพระพันปี บังคับราชสำนักได้ แต่ไม่อาจบังคับตระกูลเถาแยกต้นตระกูล เหมยกงกงโปรดทูลบอกพระพันปี นางอายุมากแล้ว บุตรหลานย่อมมีวาสนาของตัวเอง เรื่องตระกูลเถาไม่ต้องกังวล! ล้วนเป็นหนี้!”

เหมยเส้าเจี้ยนสงสัย “นายท่านใหญ่ราวกับมีเรื่องที่ยังไม่พูด สามารถเปิดเผยได้หรือไม่ บางทีข้าอาจช่วยนายท่านใหญ่ได้”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาโบกมือ “ขอบใจน้ำใจของเหมยกงกง! ข้าเพียงแค่รู้สึกเศร้า นึกถึงน้องสอง นึกถึงท่านผู้เฒ่าที่ตายไป พวกเขาต่างไม่มีจุดจบที่ดี!”

พูดจบ เขาก็ก้มหน้าเช็ดน้ำตา อีกทั้งหัวเราะเยาะตัวเอง “บางที สุดท้ายจุดจบของข้าก็ไม่ดี”

“เหตุใดนายท่านใหญ่จึงพูดเช่นนี้ ฝ่าบาททรงไม่ใช่คนเช่นนั้น!”

“เจ้าถือว่าข้าพูดจาเหลวไหล อย่างไรก็ตาม ข้าไม่มีทางเปลี่ยนใจ! ตระกูลเถาต้องแยกต้นตระกูล!”

“ท่าน พระพันปีย่อมต้องถูกท่านทำให้โมโหอย่างแน่นอน!”

เหมยเส้าเจี้ยนก็หมดหนทาง

ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไร้ผล เขาก็ลำบากใจอย่างมากเช่นเดียวกัน!

กลับไปทั้งที่ภารกิจไม่สำเร็จ พระพันปีเถาย่อมต้องลงโทษเขาด้วยความโกรธอย่างแน่นอน

นายท่านใหญ่ตระกูลเถายังมีมโนธรรม เขาเขียนจดหมายให้เหมยเส้าเจี้ยนนำไปให้พระพันปีเถา

เรื่องที่ควรพูดล้วนอยู่ในจดหมาย!

เขาตัดสินใจแล้ว นอกเสียจากตาย มิฉะนั้นไม่มีทางเปลี่ยนใจ

หากพระพันปีเถายังทรงยอมคำนึงถึงความเป็นพี่น้อง ก็อย่าทรงบีบเค้นเขา

เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว พระพันปีเถาจะทำอย่างไรได้

ทำได้เพียงถอนหายใจด้วยความระอา!

“มีเพียงเขา พี่ชายของข้า ข้าจึงยอมให้เขาบังอาจเช่นนี้ ตัดสินใจแยกต้นตระกูลโดยพลการ หากเป็นผู้อื่น ข้าจะยอมได้อย่างไร”

หากเป็นผู้อื่น ภายใต้การคัดค้านแยกต้นตระกูลอย่างชัดเจนพระพันปีเถา ร้อยละแปดเก้าสิบย่อมจำนน

มีแต่นายท่านใหญ่ตระกูลเถาผู้เป็นพี่ชายของพระพันปีเถาจึงสามารถใช้ความสัมพันธ์บังคับอีกฝ่ายได้

เหมยเส้าเจี้ยนถามอย่างระมัดระวัง “พระพันปีจะทรงทำตามนายท่านใหญ่ มองดูตระกูลเถาแยกต้นตระกูลหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“มิเช่นนั้นล่ะ หรือจะบีบเขาให้ตายจริงหรือ”

เหมยเส้าเจี้ยนเสนอความคิด “พระพันปีทรงเปลี่ยนหัวหน้าตระกูลให้ตระกูลเถาได้”

พระพันปีเถาหัวเราะเยาะตนเอง “ข้าเคยมีความคิดนี้แต่แรก เพียงแต่หากเปลี่ยนหัวหน้าตระกูล เขาก็คงอยู่ไม่ถึงปีหน้าจริงๆ อย่างไรเขาก็เป็นพี่ชายของข้า เขาใจร้าย แต่ข้าไม่อาจไร้เยื่อใยได้”

“พระพันปีทรงมีเมตตา!”

ตระกูลเถาแยกต้นตระกูลได้สำเร็จ!

แยกเป็นสองต้นตระกูล!

คนที่ติดตามนายท่านใหญ่ตระกูลเถากลับบ้านเกิดถือเป็นต้นตระกูลหลัก

ส่วนที่อยู่ในเมืองหลวงถือเป็นตระกูลย่อย

ต่างคนต่างตั้งโถงบรรพบุรุษ ต่างคนต่างเซ่นไหว้

นับจากนี้ต่อไป ทุกคนก็เป็นคนในตระกูลที่มีแซ่เดียวกันแต่คนละต้นตระกูล!

เช้าวันหนึ่งที่สดใส นายท่านใหญ่ตระกูลเถานำคนในตระกูลนับร้อยคน รวมทั้งบ่าวรับใช้และองครักษ์ส่วนตัวนับพันเดินทางกลับบ้านเกิด

รถม้าเป็นขบวนยางนับหลายลี้

ขุนนางเก่ามากมาย ถึงแม้แต่ก่อนจะขัดแย้งกับตระกูลเถา แต่เวลานี้เมื่อนายท่านใหญ่ตระกูลเถาออกจากเมืองหลวง พวกเขาต่างก็ให้คนมาส่ง หรือมาส่งด้วยตัวเอง

ท่านอ๋องผิงชิน เซียวเฉิงเหวินในฐานะหลานชายเดินทางมาส่งนายท่านใหญ่ตระกูลเถาด้วยตัวเอง

“ท่านลุงถอนตัวก่อนเรียกได้ว่ามีปัญญา!”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาหัวเราะ “ข้าที่เป็นลุงไม่คู่ควร ช่วยเรื่องใดไม่ได้ อีกทั้งยังทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนหลายครั้ง เจ้าอย่าแค้นตระกูลเถา อย่าได้คิดบัญชีภายหลัง ถือว่าเห็นแก่ความเป็นญาติ”

เซียวเฉิงเหวินสีหน้าเรียบเฉย เขาพูดอย่างจริงจัง “ท่านลุงพูดเล่นแล้ว! ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็เป็นญาติกัน!”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาพูด “ใช่ ล้วนแล้วแต่เป็นญาติกัน! เจ้ารักษาตัว! การจากลาครั้งนี้ ชีวิตนี้เกรงว่าไม่อาจพบกันอีก หากวันหนึ่งเจ้าได้ยินข่าวการตายของข้า หากยังพอมีกำลัง ให้สำนักราชการท้องถิ่นอย่ากลั่นแกล้งตระกูลเถาก็พอ

สำหรับราชวงศ์ ท่านอ๋องและฝ่าบาทแล้ว ตระกูลเถาไม่มีเจตนาไม่ดี เพียงแค่เกะกะสายตาไปบ้าง! ออกจากเมืองหลวง ห่างออกไปไกล หวังว่าจะสอดคล้องกับประโยคนั้น อยู่ที่ไกลมักหอม อยู่ที่ใกล้มักเหม็น อาจมองกันและกันได้ดีขึ้นบ้าง!”

เซียวเฉิงเหวินเงียบไปสักพัก เขามองพินิจสีหน้าของนายท่านใหญ่ตระกูลเถา หลังจากนั้นจึงสัญญาด้วยความจริงจัง “ข้าจะบอกกล่าวแก่สำนักราชการท้องถิ่น ไม่ให้พวกเขากลั่นแกล้งตระกูลเถา”

“ดี! มีคำพูดนี้ของเจ้า พวกเราลุงหลานก็ถือว่าไม่เป็นญาติเสียเปล่า! พวกเราจากกันตรงนี้ ท่านอ๋องรักษาตัว อยู่ให้ถึงร้อยปี!”

“ขอบพระคุณท่านลุง! ข้าจะรักษาสุขภาพ ท่านลุงก็โปรดรักษาสุขภาพ ข้าไม่อยากได้ยินข่าวการจากไปของท่านลุงเร็วเกินไป”

“ฮ่าๆ…ข้าย่อมจะมีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาละทิ้งทุกอย่าง วางสัมภาระลง ขี่ม้าตัวเบา ในที่สุดก็จากเมืองหลวงที่เขาทั้งรักทั้งแค้นไป

ลาแล้ว…

ความรักและความแค้นทั้งหมด!

ลาแล้ว พระพันปีที่สูงส่ง!

ลาแล้ว ความมุ่งมั่นทั้งหมดของเขา!

หลังจากดิ้นรนมาหลายสิบปี สุดท้ายก็ตั้งสติได้

ตระกูลเถาไม่คู่ควรกับผู้ใด จากไปเสียดีกว่า เพื่อไม่ให้เป็นที่เกะกะสายตา กลายเป็นแพะรับบาปอีกครั้ง!

ตระกูลเถาแยกต้นตระกูล นายท่านใหญ่ตระกูลเถานำคนในตระกูลออกจากเมืองหลวง คนที่ดีที่สุดย่อมเป็นฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้

หลังจากเถาชีตายไป แม้แต่เยื่อใยสุดท้ายก็ถูกเวลาบั่นทอนจนหมดไป

หากไม่ได้เห็นแก่หน้าของพระพันปีเถา เขาคงไม่อยากมอบหมายงานให้คนตระกูลเถา

ความสามารถธรรมดา แต่กลับยึดครองตำแหน่งสำคัญ ช่างทำให้คนไม่พอใจ

หากคนตระกูลเถามีความสามารถเหมือนคนตระกูลจ้ง รู้จักหนทางแห่งการรุกถอยฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้คงจะเต็มใจมอบหมายงานให้ตระกูลเถา

เขาวางแผนไว้แล้ว ผ่านไปอีกหลายปี รอจนปีกของเขาแข็งกล้า เขาจะเริ่มกดขี่ตระกูลเถา ละเลยตระกูลเถา

ไม่คิดว่านายท่านใหญ่ตระกูลเถาจะขอลาออกก่อน อีกทั้งยังออกจากเมืองหลวง นอกจากนี้ยังแยกต้นตระกูล!

ช่างรู้งานเสียจริง!

หากตระกูลเถารู้จักถอนตัวตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนเช่นนี้

“ข้าดูถูกท่านลุงใหญ่เกินไป! เขาเป็นคนมีปัญญา”

ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้พูด

คนที่สามารถถือขึ้นได้ ปล่อยลงได้ล้วนมีปัญญา

ขันทีใหญ่ หลัวเสี่ยวเหนียนพูดกลั้วหัวเราะ นายท่านใหญ่ตระกูลเถานำคนในตระกูลออกจากเมืองหลวงถือเป็นการลดปัญหาให้ฝ่าบาท ส่วนคนตระกูลเถาที่เหลืออยู่ในเมืองหลวง ไม่ต้องกังวล!”

ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้พยักหน้าระรัว ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็ไม่อยากเป็นคนเลว! สิ่งที่เป็นอยู่เวลานี้ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”

หลัวเสี่ยวเหนียนคล้อยตาม ก่อนจะตักเตือนอย่างระมัดระวัง “พระพันปีเถาทรงโกรธจนประชวน ได้ยินว่าทรงดื่มน้ำแกงไปชามเดียวตั้งแต่เมื่อวาน ฝ่าบาทจะเสด็จไปเยือนหรือไม่”

“ตั้งขบวน ข้าจะไปถวายบังคมเสด็จแม่ที่ตำหนักฉางเล่อ!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้เดินทางไปยังตำหนักฉางเล่อ บรรยากาศภายในตำหนักอึดอัดอย่างมาก

ให้ความรู้สึกเย็นวาบ ไม่สบายตัว

ถึงแม้จะมีแสงแดดสาดส่อง แต่ก็ไม่อาจขับไล่ความหนาวเย็นภายในตำหนักใหญ่

บรรดาข้าหลวงต่างไม่ยิ้มแย้ม แต่ละคนเหมือนท่อนไม้ ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

บรรยากาศเช่นนี้ทำให้คนอึดอัด!

ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเดินเข้าตำหนักบรรทม

ภายในตำหนักบรรทมอบอวลไปด้วยกลิ่นของธูปหอม

“เหตุใดจึงไม่เปิดหน้าต่างระบายอากาศ” เขาถาม

เหมยเส้าเจี้ยนโน้มตัวทูลตอบ “ทูลฝ่าบาท พระพันปีไม่ทรงให้เปิดหน้าต่าง ตรัสว่าแสงแดดแยงตา!”

“เสด็จแม่ทรงเป็นอันใด เพราะว่าท่านลุงใหญ่ออกจากเมืองหลวง เสด็จแม่ก็ทรงทรมานตัวเองเช่นนี้หรือ ข้าปวดใจ!”

ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ทำหน้าเศร้าราวกับถูกทำร้ายอย่างสาหัส

พระพันปีเถาอ้าปาก “ข้าทำให้ฮ่องเต้ทรงเป็นกังวลแล้ว เป็นความผิดของข้าเอง เปิดหน้าต่างเถิด! ระบายอากาศ!”

หน้าต่างเปิดออก แสงแดดสาดเข้ามาขับไล่ความขุ่นมัว

ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้นั่งอยู่บนเก้าอี้กลมข้างเตียง “เสด็จแม่ทรงรู้สึกอย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือไม่”

“ทำให้ฮ่องเต้ทรงเป็นกังวลแล้ว ข้าดีขึ้นไม่น้อย ข้าเพียงแค่รู้สึกเสียใจ พักไม่กี่วันก็หาย”

“ท่านลุงใหญ่ออกจากเมืองหลวง เสด็จแม่ทรงโศกเศร้า ข้าเข้าใจได้ เอาเช่นนี้ ข้าให้ติ้งเถาเข้าวังมาอยู่กับเสด็จแม่สักระยะ เวลานี้ นางก็ควรตอบแทนบุญคุณบ้าง อยู่แต่ในจวนองค์หญิงทั้งวัน ไม่เข้าท่า!”

“อย่าทำให้นางลำบากใจ! นางก็มีเรื่องที่ลำบากของนาง”

“เสด็จแม่ทรงวางพระทัย ข้ารู้ขอบเขต! ผู้ใดก็ได้ ถ่ายทอดรับสั่งข้า ให้องค์หญิงติ้งเถารีบเข้าวัง!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

 

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท