ตอนที่ 394 เขาไม่มีเงิน
ชายหนวดเฟิ้ม ลู่เฉินโจวจะแต่งสะใภ้แล้ว!
เรื่องระหว่างหญิงชายมักจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วที่สุด
แม้แต่เซียวอี้ก็ได้ยินเรื่องนี้
“ชายหนวดเฟิ้มจะแต่งสะใภ้ ข้าต้องมอบของขวัญให้ด้วยหรือไม่”
เมื่อนึกถึงประสบการณ์ที่ถูกชายหนวดเฟิ้มดักไว้ที่ด่าน ไม่ยอมปล่อยผ่านแม้แต่น้อยในตอนนั้น เซียวอี้ก็รู้สึกว่าโลกนี้เต็มไปด้วยเจตนาร้ายต่อเขา
จี้ซินแสที่แก่ชราได้รับการปฏิบัติอย่างไร
แล้วเขาได้รับการปฏิบัติอย่างไร!
โลกที่มองหน้าแห่งนี้ ช่างโหดร้ายเกินไปกับคนที่มีรูปลักษณ์งดงาม
หรือเขาจะต้องทำให้ตัวเองดูหยาบกร้านมากขึ้นอีกเล็กน้อย จึงจะทำลายคำสาปของโลกที่มองหน้านี้
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ถึงแม้เขาจะแต่งสะใภ้ แต่ก็ไม่อาจจัดงานเสร็จได้ในระยะเวลาสั้น”
“ข้าสามารถจัดเตรียมของขวัญเอาไว้ให้ครบก่อน วางไว้ที่เจ้า รอเมื่อเขาแต่งงาน เจ้ามอบให้เขาแทนข้า เจ้าบอกเขา ข้าจดจำความจงรักภักดีของเจ้า!”
“คนใจแคบ!” เยียนอวิ๋นเกอตำหนิเขา
เซียวอี้ส่งเสียไม่พอ “ข้าก็ใจแคบ!”
เขาไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องน่าอาย อีกทั้งยังกบ้าเถียงกับเยียนอวิ๋นเกอ
ใจกล้าไม่น้อย!
เยียนอวิ๋นเกอส่งสายตาให้เขาไปทำความเข้าใจเอง
อาเป่ยเดินเข้าเดินออก ทั้งยกชาทั้งถวายน้ำ ทั้งเช็ดโต๊ะทั้งยกเก้าอี้ เพื่อแสดงตัวตน
อย่างไรก็ตาม จะปล่อยให้นายน้อยอี้อยู่กับคุณหนูตามลำพังไม่ได้เด็ดขาด
เซียวอี้ “…”
ข้านอกจากกลอกตาก็หมดหนทางแล้ว ปล่อยให้สาวรับใช้กระทำการอย่างยโสโอหังอยู่ต่อหน้าเขา
เขากระแอมไอเสียงเบา พลันพูด “ข้าหารือกับจี้ซินแสแล้ว หรือไม่ข้านำคนของข้ามาไว้ในเรือนพักร่ำรวย เจ้าทดสอบพวกเขาไปด้วย”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตาใส่เขา “แม้จะเกียจคร้านก็ไม่อาจทำเช่นนี้ได้! ท่านอยากเลียนแบบวิธีการของเรือนพักร่ำรวย ก่อนอื่นท่านต้องเชิญซินแสมาสอนพวกเขาศึกษาหนังสือเป็นประจำ การสอบต้องดำเนินต่อไปทุกปี
หากเพราะความแปลกใหม่ จัดเพียงครั้งสองครั้งก็ล้มเลิกไป ข้าว่าท่านอย่าทำเสียดีกว่า ถือว่าประหยัดแรงให้ตัวเอง อีกทั้งยังลดงานให้คนเบื้องล่าง ก็เหมือนกับการสอบคัดเลือกขุนนาง เมื่อเปิดการสอบคัดเลือกแล้วก็ควรจะจัดต่อไปตลอด ล้มเลิกกลางคันทำให้ทั้งราชสำนักเสียหายอย่างหนัก
ดูจากภายนอกเหมือนว่าตระกูลขุนนางจะชนะในการปะทะภายในครั้งนี้ แต่หากรู้ไม่ว่า การปะทะภายในที่ก่อเกิดจากการสอบคัดเลือกขุนนาง ทำให้รากฐานของต้าเว้ยเสียหายไปกว่าครึ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นตามมาในภายหลังก็ทำให้รากฐานอีกครั้งก็แทบจะหมดสิ้นไป! ดังนั้น ท่านอย่าคิดว่ามันง่าย
เรือนพักร่ำรวยจัดตั้งมาหลายปี จนถึงปีนี้จึงจะมีการทดสอบวัฒนธรรมขึ้นมา ไม่มีพื้นฐานที่สร้างเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ไม่มีอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ข้าไม่มีทางใช้วิธีนี้ในการคัดเลือกคน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นผลที่บรรลุล่วงจากการสุกงอม!”
เซียวอี้พูดอย่างจริงจัง “ข้าไม่ขาดความมุ่งมั่น! สิ่งที่ข้าขาดคือเวลาและการสั่งสม เหมือนที่เจ้าพูด ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลที่บรรลุล่วงจากการสุกงอม มันต้องสิ้นเปลืองเวลาหลายปีในการสร้างพื้นฐาน เปลี่ยนแปลงความคิดของพวกเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ก่อน เพียงแต่กล้าหาญในการทำสงครามก็สามารถเลื่อนขั้นเพิ่มเงินเดือนได้
เวลานี้ยังจะเพิ่มการทดสอบวัฒนธรรม คนเบื้องล่างย่อมต้องไม่พอใจต่างๆ นานา หากต้องการเปลี่ยนแปลงความคิดของพวกเขา ย่อมต้องทำให้พวกเขาคิดว่าการทดสอบวัฒนธรรมเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ข้าคาดว่าไม่มีเวลาห้าปี ย่อมไม่อาจทำได้สำเร็จ! ล้วนแล้วแต่เป็นพวกสารเลวที่ดื้อด้าน ยากที่จะควบคุม!”
เขาร้องโอดครวญถึงความลำบาก
เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม พลันพูด “มีแม่ทัพอย่างไร ย่อมมีทหารเช่นนั้น ทหารของท่านล้วนเป็นพวกสารเลวที่ดื้อด้าน เพียงเพราะท่าน…ฮ่าๆ”
เซียวอี้อยากจะขังตัวเองเอาไว้
“เจ้าอยากจะบอกว่าข้าก็เป็นสารเลวที่ดื้อด้านด้วยหรือ!”
เยียนอวิ๋นเกอก้มหน้ายิ้ม “ท่านพูดเอง ข้าไม่ได้พูด”
เฮอะๆ…
เซียวอี้ยิ้ม “ข้ารู้มานานแล้วว่าด้านนอกมีคนจำนวนไม่น้อยเรียกข้าว่าสารเลว บอกว่าข้าเป็นคนชั่วช้า เจ้าย่อมเคยฟังอยู่บ่อยครั้ง! ข้าไม่ถือสาพวกเขา เพียงแค่เจ้าไม่รู้สึกว่าข้าเป็นสารเลวก็พอ!”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม พลันพูด “ท่านว่างเพียงนี้เชียว หากมีเวลาว่างก็อ่านตำรา เขียนหนังสือไม่ดีหรือ”
“อ่านตำราเขียนหนังสือจะสนุกเท่าคุยกับเจ้าได้อย่างไร”
“ข้ายุ่งมาก!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! คุณหนูยุ่งมาก” สาวรับใช้ อาเป่ยรีบแทรกขึ้นมา
เซียวอี้ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก!
อาเป่ยรีบหลบอยู่ด้านหลังของเยียนอวิ๋นเกอ อีกทั้งยังแอบวางลูกคิดไว้ตรงหน้าของคุณหนูตัวเอง
นางกำลังเตือนคุณหนูตัวเอง บัญชียังไม่ได้คิด คุณหนูอย่ามัวแต่คุยเล่น
เยียนอวิ๋นเกอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก นางชี้ไปที่อาเป่ย “นับวันยิ่งใจกล้าขึ้น!”
อาเป่ยพูดอย่างมีเหตุมีผล “เพราะคุณหนูตามใจข้า”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าจุกจนพูดไม่ออก
เอาเถิด เอาเถิด รีบคิดบัญชี
ส่วนเซียวอี้ ปล่อยเขาไป
เยียนอวิ๋นเกอยุ่งอยู่กับการคิดบัญชี ตรวจสอบรายการ
เซียวอี้ช่วยไม่ได้ อีกทั้งไม่สะดวกในการแทรกแซงบัญชีของเรือนพักร่ำรวย เขาจึงหยิบตำราเล่มหนึ่งออกมาจากตู้ตำรา นั่งอ่านอย่างเงียบๆ อยู่ริมหน้าต่าง
ภายในห้องได้ยินเพียงเสียงดีดลูกคิด รวมทั้งเสียงพลิกหน้าตำราที่ดังขึ้นในบางครั้ง
ความเงียบสงบสุขก็คงจะเป็นเช่นนี้!
…
จี้ซินแสออกข้อสอบความรู้ทั่วไปโดยเชื่อมโยงกับความเป็นจริง
เขามาหาเยียนอวิ๋นเกอที่ห้องตำราด้วยความดีใจ
โอ๊ะ ไม่คิดว่านายน้อยก็อยู่ในห้องตำรา อีกทั้งยังกำลังอ่านตำรา
หายาก!
ดูท่าทาง นายน้อยของตนเองและคุณหนูสี่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมเกลียว ดีมาก!
“คุณหนูให้ข้าร่างข้อสอบ ข้าครุ่นคิดแล้ว จากนั้นออกข้อสอบห้าสิบข้อตามเงื่อนไขของคุณหนู คุณหนูโปรดผ่านตา!”
“ลำบากจี้ซินแส!”
“ไม่ลำบาก! สามารถออกแรงแทนคุณหนูได้เป็นเกียรติของข้า”
เมื่อเซียวอี้ได้ยินว่าเป็นข้อสอบ เขาก็สนใจอย่างมาก รีบเดินเข้ามาดูอย่างรวดเร็ว
ข้อสอบง่ายมาก อีกทั้งยังเป็นความรู้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังเป็นตัวอักษรที่ใช้เป็นประจำ
อาทิโจทย์ข้อนี้ เรือนพักร่ำรวยห่างจากแคว้นชีเท่าใด
หรืออาทิโจทย์ข้อนี้ นั่งรถม้าจากเรือนพักร่ำรวยมุ่งหน้าไปยังแค้วนหยวน ค่ารถม้าเป็นเท่าใด
ราคาเกลือเท่าใด จะซื้อเกลือครึ่งจินต้องใช้เงินเท่าใด
ครอบครัวมีห้าคน เกลือหนึ่งจินกินได้นานเท่าใด
คำถามล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของทุกคน
เพียงแค่ปกติใส่ใจสถานการณ์รอบด้านอยู่บ้าง คำถามเหล่านี้ก็ย่อมตอบได้ทั้งหมด
ข้อสอบไม่เพียงง่าย อีกทั้งตัวหนังสือเหล่านี้ เพียงแค่คนที่เคยเข้าเรียนก็ย่อมจะอ่านออก
เยียนอวิ๋นเกอดีใจอย่างมาก
ไม่ได้เป็นเพราะข้อสอบ แต่เป็นเพราะความสามารถในการปรับเปลี่ยนของจี้ซินแส
การให้กุนซือที่มากวิชาเหน็ดเหนื่อยนับวันเพื่อออกข้อสอบที่ง่ายดายที่สุดให้กับกลุ่มคนที่เพิ่งเรียนหนังสือ หากเป็นผู้อื่นเกรงว่าคงจะไม่ยอม
จี้ซินแสไม่เพียงยอมรับงานนี้ อีกทั้งยังทำงานออกมาด้วยความตั้งใจและสมบูรณ์แบบ ไม่มีข้อบกพร่อง
จากอายุของเขา การรู้จักเปิดใจและปรับเปลี่ยนนั้นช่างหาได้ยาก!
ไม่ได้หยิ่งในศักดิ์ศรี พิถีพิถันเรื่องฐานะ เยียนอวิ๋นเกอชอบใจยิ่งนัก
อีกทั้งมีความรู้ท่วมหัว น้ำหมึกท่วมท้อง เป็นคนที่ความสามารถที่แท้จริง
ดังนั้นนางจึงแย่งคนต่อหน้าเซียวอี้อย่างอดใจไม่ไหว
“ซินแสเต็มใจที่จะมาทำงานให้ข้าหรือไม่ เรื่องสวัสดิการสามารถเจรจาได้ ไม่ว่านายน้อยอี้ให้ท่านมากน้อยเท่ใด ข้าจะให้ท่านเป็นสองเท่า ข้าออกเงินสร้างสำนักเรียนให้ท่าน ลูกศิษย์ท่านรับได้ตามใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเรียนแทนลูกศิษย์ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างข้าจะรับผิดชอบเอง ข้ายังสามารถซื้อจวนให้ท่านในเมืองหลวง…”
“แค่กๆ…”
เซียวอี้กระแอมไอติดต่อกันหลายครั้ง แม้แต่ปอดก็แทบจะหลุดออกมา
เฮ้อ อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นคนที่มีเลือดมีเนื้อ รูปลักษณ์ก็ไม่เลว อย่ามองข้ามเขาได้หรือไม่
แย่งคนของเขาต่อหน้าเขา ทำเกินไปแล้ว!
ถึงแม้จะเป็นว่าที่ภรรยา แต่ก็ไม่อาจรังแกกันเช่นนี้ได้
ข้างกายเขามีกุนซืออย่างจี้ซินแสง่ายนักหรือ
ยากมาก!
กุนซือที่มีความสามารถล้วนจู้จี้จุกจิก อีกทั้งรักชื่อเสียง ส่วนใหญ่ล้วนไม่ยอมมาทำงานกับเซียวอี้
มีเพียงจี้ซินแสผู้เป็นคนเก่าคนแก่ของจวนท่านอ๋องตงผิงที่ไม่รังเกียจเขา จึงยอมทำงานกับเขา
ขอร้องว่าที่ภรรยาที่รัก เจ้าอย่าแย่งชิงสมบัติชิ้นสุดท้ายของข้าไปได้หรือไม่
ข้าก็ต้องทำงานเหมือนกัน!
ทำเกินไปแล้ว!
ทั้งตัวข้ามีแต่ความสามารถ จะเป็นไก่อ่อนได้อย่างไร!
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มให้เซียวอี้ด้วยความเก้อ “ลืมว่าท่านก็อยู่ที่นี่”
เซียวอี้ “…”
คำพูดนี้ทิ่มแทงหัวใจเกินไป
ราวกับมีธนูหมื่นคันทะลุหัวใจ เขาถูกทำร้ายอย่างมากในชั่วพริบตา
เขาไม่มีตัวตนเพียงนี้เชียวหรือ
ฮือๆ…
เยียนอวิ๋นเกอก็ไม่สนใจ “จี้ซินแสลองไตร่ตรองข้อเสนอของข้าก่อน ข้าจริงใจที่จะเชิญจี้ซินแสมาทำงานกับข้า”
“จี้ซินแสเป็นคนของข้า!” ในที่สุดเซียวอี้ก็กล้าที่จะต่อต้าน
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “ให้จี้ซินแสเลือกเอง ท่านต้องเคารพการตัดสินใจของจี้ซินแส”
เซียวอี้น้อยใจ พูดขึ้นทันที “เจ้ารังแกข้า!”
เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม “อย่าเล่น! ฟังจี้ซินแสพูดอย่างไรก่อน”
จี้ซินแสหัวเราะ หัวเราะจนปวดท้อง
เขาชี้ไปที่เซียวอี้ ยิ่งมองยิ่งอยากหัวเราะ “ในที่สุดบนโลกนี้ก็มีคนจัดการนิสัยเสียของนายได้แล้ว ไม่เลว ไม่เลว!”
เซียวอี้ตกตะลึง “ซินแสไม่ได้จะทิ้งข้าไปจริงใช่หรือไม่! ซินแสต้องการสิ่งใดก็บอกมา ถึงแม้ข้าไม่มีเงินเท่าอวิ๋นเกอ แต่ข้าจะพยายามเติมเต็มทุกสิ่งที่ซินแสต้องการ”
เยียนอวิ๋นเกอแย่งคนอย่างไม่มืออ่อน “ซินแสอย่าฟังเขา สมบัติของเขาอยู่ที่ข้า เขาไม่มีเงิน!”
คำพูดน้ำทำร้ายจิตใจ!
เซียวอี้อยากร้องไห้!
อย่าได้รังแกคนกันเช่นนี้
เยียนอวิ๋นเกอจ้องมองเขา “หรือว่าท่านยังมีเงินส่วนตัวซ่อนอยู่”
เซียวอี้ “…”
เขาจะพูดสิ่งใดได้อีก
หุบปากเสียดีกว่า!