บทที่ 103 ปัญญา…
เจียงฮ่าวจ้องมองไปยังฟานเจี๋ยราวกับมองตัวปัญญานิ่มตัวหนึ่ง
“ฉันเป็นพ่อครัวของภัตตาคารนี้ คุณจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่ฉันคงต้องขอให้คุณกลับไป เพราะในวันนี้ร้านของฉันปิดร้านและฉันไม่ต้อนรับคุณ”
เมื่อฟานเจี๋ยนได้ยินดังนั้นความรู้สึกโกรธก็ได้พุ่งขึ้น
“อิ่มมมม ไอ้เด็กปากเหม็น แกรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร”
ด้วยท่าทีของฟานเจี๋ยนนี้ทําให้ทั้งเซียฉิน พ่อและแม่ของเจียงฮ่าวที่อยู่ไม่ไกลนักรู้ได้ในทัน ที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ทั้งสามเดินเข้ามาขวางทางฟางเงี๋ยนเอาไว้
เป็นตอนนี้ที่ฟางเจี๋ยนได้เห็นพ่อของเจียงฮ่าวที่ตอนนี้ยังสวมผ้ากันเปื้อนอยู่ก็ได้คิดว่าพ่อของเจียงฮ่าวนั้นคือคนที่ทําอาหารจานนี้ในทันที มันได้ชี้ไปที่โต๊ะที่ทุกคนกําลังนั่งมองเด็กน้อยกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยก่อนหน้านี้
“แกคือคนที่ทําอาหารจานนี้ใช่รึเปล่า ฉันคือผู้จัดการของภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้า ฟานเจี๋ยน”
ฉันบอกแกไว้ก่อนนะว่าวันนี้เป็นโชคดีของแกแล้วที่ในตอนนี้ภัตตาคารของฉันกําลัง
อยากได้พ่อครัว รีบไปเก็บของแล้วไปกับฉันได้แล้ว
เมื่อพูดจบ ฟานเจี๋ยนได้หันหลังและออกไปในทันที
ฟานเจี๋ยนนั้นเชื่อมั่นในชื่อเสียงของภัตตาคารตัวเองอย่างมาก
สําหรับมันแล้ว เมื่อคนทั่วไปได้ยินชื่อภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าต้องการพ่อครัว ทุกๆคนต่อให้คนที่ไม่ใช่พ่อครัวก็ตามก็ยังต้องวิ่งเข้าไปลองสมัครดูอย่างแน่นอน นั่นก็เพราะภัตตาคารอาหารชั้นฟ้านั้นมีชื่อเสียงมากๆนั่นเอง
ถึงแม้พ่อของเจียงฮ่าวจะอึ้งๆไปบ้างในสิ่งที่ได้ยิน แต่เขาก็ยังตอบกลับได้ในทันที
“คุณครับ ต้องขอโทษด้วยแล้วกันแต่คุณนั้นเข้าใจผิดแล้ว อาหารจานนี้เป็นลูกชายของฉันเป็นคนทํา”
ทันที่ที่พ่อของเจียงฮ่าวพูดจบ ร่างกายของฟานเจี๋ยนที่กําลังจะก้าวออกจากประตูก็ได้แข็งค้างไปในทันที ก่อนที่มันในกลับมามองเจียงฮ่าวและผู้เป็นพ่อในทันใด
ดวงตาของมันนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
“ฉันบอกแกไว้ก่อนนะว่าแค่ฉันยอมรับฝีมือของแกได้นี้ก็ดีเหลือเกินแล้ว นี่ฉันขนาดมาจ้างแกเลยนะ อย่ามาโกหกใส่ฉัน”
“ถ้าแกนั้นอยากจะยกหางลูกของแกด้วยเรื่องนี้ละก็ ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะโว้ย”
ฟานเจี๋ยนพูดออกมาโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย
คําพูดของฟานเจี๋ยนทําให้พ่อของเจียงฮ่าวยังต้องขมวดคิ้วแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เป็นตอนนี้ที่เซียฉินพูดออกมา
“ผู้จัดการฟาน อาหารจานนี้คนที่ทําคือน้องชายคนนี้ คุณเข้าใจผิดแล้ว”
เมื่อฟานเจี๋ยนได้ยินดังนั้น มันได้หันไปจ้องมองยังเซียฉินในทันทีด้วยท่าที่ประหลาดใจ หลังจากนั้นมันก็ได้เปลี่ยนสีหน้า ทําทาง และน้ำเสียงที่พูดออกมาเล็กน้อย
“ก็ได้ เห็นก็สาวสวยพูดออกมาหรอกนะฉันถึงยอมเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ถ้าอย่างนั้นแกตามฉันไปทดสอบทําอาหารที่ภัตตาคารของฉันซะ”
“ถ้าแกผ่านบททดสอบล่ะก็ ฉันจะเชื่อว่าแกทําได้จริง และในอนาคต แกจะได้ทํางานกับภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าของฉันอย่างแน่นอน”
ไม่ได้เห็นท่าที่หยิ่งยโสของหานเจี๋ยนในตอนนี้ทําให้เจียงฮ่าวนั้นหมดความอดทนและได้พูดออกไปด้วยน้ําเสียงเย็นชา
“ภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าที่มีแกเป็นผู้จัดการที่มีชื่อเสียงมาถึงตอนนี้ได้ยังไงกัน ในสายตาของฉันแล้วภัตตาคารของแกก็ไม่ได้ต่างจากแหล่งกุลีเลยสักนิด”
“จริงสิ เมื่อเจอกุลีแบบนี้ฉันก็ไม่ต้องไว้หน้าแกนี่หว่า ออกไปได้แล้ว ที่นี้ไม่ต้อนรับคน แบบแก”
เมื่อฟานเจี๋ยนได้ยินดังนั้น มันชี้นิ้วมาที่ใบหน้าเจียงฮ่าว
“ไอ้เด็กระยํา ฉันอุตส่าห์ให้โอกาสแกเพราะเห็นแก่หน้าสาวสวยหรอกนะ นี่แกกล้าดูถูกฉันอย่างนี้ได้ยังไง”
เจียงฮ่าวได้จ้องมองไปที่ฟานเจี๋ยนที่ในตอนนี้กําลังใช้นิ้วชี้มาที่ใบหน้าของตนก็รู้สึกโกรธขึ้น มาในทันที
“ขอเตือนไว้ก่อนว่าคนอย่างแกไม่มีสิทธิชี้มาที่หน้าของฉัน ไอ้ขยะ”
ในตอนนี้ ฟานเจี๋ยนนั้นเตรียมที่จะลงมือกับเจียงฮ่าว
ที่ผ่านมานั้น ตัวมันรู้สึกมีเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นผู้จัดการของภัตตาคารของสวรรค์ชั้นฟ้าผู้คนมากมายต่างก็ยกย่องสรรเสริญมันในเรื่องนี้
“ไอ้เด็กระยํา แก…”
ก่อนที่ฟานเจี้ยนจะได้ทันพูดจบลง เจียงฮ่าวกับลงมือก่อน เขาได้ใช้มือของตนจับไปที่นิ้วของฟานเขียนแล้วหักอย่างรุนแรง
“อ๊ากกกก”
ฟานเจี้ยนกรีดร้องออกมาราวกับหมูโดนเฉียด
พ่อของเจียงฮ่าวที่เห็นฉากที่เกิดขึ้นก็ตกใจและรีบเข้ามาห้ามปรามลูกชายตัวเองไว้ในทันที
“อ่าว ฮ่าว พ่อได้แล้ว ปล่อยมันไปเถอะ”
เมื่อเห็นท่าทีของพ่อตนแล้ว เจียงฮาวก็ได้จับข้อมือของฟานเขียนแล้วผลักกระเด็นออกไป
“อ๊ากกกกก”
ฟานเจี๋ยนที่ในตอนนี้ได้เสียหลังถอยออกไปอย่างรวดเร็วราวกับถูกรถไฟชนเข้าไป
อย่างจังจนตอนนี้ล้มกันน้ําเบ้าไปกับพื้น
พ่อของเจียงฮ่าวที่เห็นก็รู้สึกโกรธเจียงฮ่าวขึ้นมา เขาได้ผลักไปที่ลูกชายของตนก่อนที่จะพุ่งเข้าไปช่วยฟานเจี๋ยนพลางขอโทษ
อย่างไรก็ตาม ฟางเจี้ยนในตอนนี้โกรธมาก หัวของมันยังคนมันราวกับอยู่เครื่องซักผ้า มันได้ผลักพ่อของเจียงฮ่าวให้ล้มจ้ำบ้ำตามไปด้วยอีกคน
“เฮ้ออออ”