ตอนที่ 513 มีคนหยั่งเชิงความสามารถ รีบมาเร็วเข้า
ขณะที่นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกำลังนั่งสมาธิอยู่ก็ได้ยินชิงหย่วนรายงานว่ามีศิษย์สองคนจากอารามจินหัวแห่งเมืองเซิ่งจิงมีธุระมาขอเข้าพบ
“อารามจินหัวหรือ” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนสะบัดแส้หางม้าในมือ เอ่ยขึ้นราวกับมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง “พาพวกเขาเข้ามาเถิด”
เสวียนชิงจื่อพาศิษย์น้องเหยาเฟยเฟยเข้ามาในลานเต๋าของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน ครั้นเห็นเขายืนอยู่ในห้องพลางถือแส้หางม้าไว้ในมือก็อดเผยสีหน้าขรึมลงไม่ได้ มือทั้งสองข้างยกขึ้นทำความเคารพ “ข้าเสวียนชิงจื่อศิษย์ของเจ้าอาวาสปรมาจารย์ไท่เฉิงแห่งอารามจินหัว นำศิษย์น้องหญิงมาคารวะนักพรตเฒ่าชื่อหยวนผู้ศักดิ์สิทธิ์”
เหยาเฟยเฟยเองก็ทำความเคารพตามเช่นกัน พลันสายตาก็เลื่อนไปเห็นมุมชายผ้าของชุดนักพรตเฒ่าชื่อหยวนปักอักขระยันต์สายเต๋า แต่นางมองไม่ออกว่าคืออะไร ดูจากเสื้อผ้าแล้วท่าทางเก่าไม่เบา ไร้ซึ่งบุคลิกความเป็นอาจารย์อย่างสิ้นเชิง
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนสะบัดแส้หางม้าชี้ไปทางแผ่นรองนั่งอีกฝั่ง “ศิษย์ของอารามจินหัวเก่งกาจมากจริงๆ ข้ากับท่านปรมาจารย์ไท่เฉิงไม่เจอกันมาตั้งหลายปี ไม่รู้ว่าเขาสบายดีหรือไม่เล่า”
เสวียนชิงจื่อนั่งลงก่อนรับแก้วชาที่เด็กน้อยนักพรตส่งมาพร้อมพยักหน้าขอบคุณ เอ่ยตอบกลับ “ท่านอาจารย์สุขภาพแข็งแรงดี หลังจากเก็บตัวฝึกบำเพ็ญมาสองปีก็ก้าวหน้าไปอีกขั้น บัดนี้บรรลุหลอมลมปราณขั้นเต็มดวง สร้างรากฐานสำเร็จแล้ว”
พอเขาเอ่ยเรื่องสร้างรากฐานขึ้นมาก็ปรากฏความผยองและท่าทีย่ามใจฉายชัดบนใบหน้า เพราะเส้นทางนักพรต หากสร้างรากฐานสำเร็จ อายุขัยก็จะยืนยาวถึงสองร้อยปี แถมกลับอ่อนเยาว์ลงอีกต่างหาก
หากพลังบำเพ็ญก้าวหน้าไปอีกขั้น ผนวกเป็นปราณทองสำเร็จ อายุขัยก็จะยืนยาวถึงห้าร้อยปี ไม่ต้องพูดถึงความอ่อนเยาว์เลย ลำพังสิ่งนี้ก็ถือว่าอายุยืนยาวกว่าคนทั่วไปมากแล้ว
ในเมื่ออายุขัยของคนทั่วไปอย่างมากก็ไม่เกินหนึ่งร้อยปี
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยพลางทอดถอนหายใจ “ภายใต้พลังวิญญาณของต้าเฟิงเผชิญอุปสรรคเช่นนี้แต่สามารถสร้างรากฐานได้สำเร็จ ศาสตร์เต๋าของท่านปรมาจารย์ไท่เฉิงลึกล้ำมากจริงๆ ช่างน่ายินดีนัก”
หากเป็นเช่นนี้ วันหน้ายามขจัดสายดำก็จะมีผู้ช่วยเพิ่มมาอีกคน เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
เหยาเฟยเฟยนั่งลงบนเบาะรองนั่งแล้วโพล่งถามด้วยท่าทีไร้เดียงสา “ท่านอาวุโสปราดเปรื่องลึกล้ำเช่นนี้ คิดว่าคงสร้างรากฐานสำเร็จนานแล้วกระมัง”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนชะงักไป
เสวียนชิงจื่อเอ่ยตำหนิเสียงต่ำ “ศิษย์น้องหญิง อย่าเสียมารยาท ยังไม่รีบขอโทษท่านอีกหรือ”
เหยาเฟยเฟยหดคอก่อนเอ่ย “ขอโทษท่านอาวุโสด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
เสวียนชิงจื่อเองก็เอ่ย “ศิษย์น้องของข้าได้รับความรักจากอาจารย์และเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องมากเป็นพิเศษ ใสซื่อตรงไปตรงมา ไม่รู้กาลเทศะ หวังว่าท่านจะให้อภัย”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนปัดป่ายมือเอ่ย “ไม่เป็นไร สตรีเริงร่าเช่นนี้นับเป็นเรื่องดี ไม่เหมือนอย่างศิษย์ข้าที่วันๆ เอาแต่ฝึกฝนศึกษาเบญจศาสตร์ แม้แต่ความสดใสเริงร่าตามวัยยังไม่มีเลย ส่วนข้าเองเกรงว่าคงหมดหวังกับขั้นสร้างรากฐาน วันหน้าคงต้องอาศัยเด็กๆ อย่างพวกเจ้าค้ำจุนเสวียนเหมินแล้ว”
เสวียนชิงจื่อ “ท่านอย่าประเมินตนต่ำเกินไป ท่านอาจารย์เคยบอกข้าว่าท่านชื่อหยวนใกล้ถึงขั้นสร้างรากฐานแล้ว เพียงแต่…โอกาสของท่านยังมาไม่ถึงก็เท่านั้น หากโอกาสมาถึงเมื่อไรต้องบรรลุขั้นสร้างรากฐานได้อย่างราบรื่นแน่นอน”
“เรื่องนี้ต้องดูที่โชคชะตาด้วย ปรมาจารย์ไท่เฉิงบรรลุขั้นรากฐานสำเร็จ คิดว่าวันหน้าคงอุทิศแรงมหาศาลเพื่อประชาราษฎร์ได้ ทำลายสิ่งชั่วร้ายผดุงครรลองที่ถูกต้อง ความสำเร็จนับเป็นคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยอย่างชื่นชม
เสวียนชิงจื่อยืดหลังตรง ความเลื่อมใสฉายชัดเต็มดวงหน้าพร้อมเอ่ย “ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว อารามจินหัวของพวกเราสืบทอดความถูกต้อง ย่อมยึดหลักทำลายสิ่งชั่วร้ายผดุงครรลองที่ถูกต้องเป็นอย่างแรกแน่นอน”
ในใจของนักพรตเฒ่าชื่อหยวนกลัวการผลักไสมากที่สุด เช่นนั้นตอนนี้ขอยกผนวกรวมไว้บนตัวพวกเจ้าก่อนแล้วกัน
“พอพูดถึงเรื่องทำลายสิ่งชั่วร้ายผดุงครรลองที่ถูกต้อง ข้ากับศิษย์น้องหญิงก็มาหาท่านเพราะเรื่องนี้ หนึ่งปีที่ผ่านมานี้มาข้ากับศิษย์น้องหญิงเตร็ดเตร่อยู่โลกภายนอก ประจวบกับเจอผีประหลาดที่มณฑลโจวเข้า มันทำร้ายคนทั้งห้าในครอบครัว แม้แต่เด็กสามขวบก็ยังไม่เว้น อำมหิตโหดเหี้ยมนัก หลังจากพวกข้าเจอก็จัดการตบตีจนร่างวิญญาณกระเด็นกระดอน ทว่าเจ้าผีร้ายนั้นฉวยโอกาสกลืนกินวิญญาณของห้าคนนั้นเข้าไป เพียงชั่วลมหายใจสุดท้ายแต่กลับมีพลังวิญญาณแข็งแกร่งขึ้น ทว่าพอไล่ตามจนถึงเส้นแดนเมืองหลีก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนขมวดคิ้ว “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”
“ขอรับ” เสวียนชิงจื่อเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “บนร่างวิญญาณผีร้ายนั้นมีตรากระดิ่งที่เป็นสัญลักษณ์อาวุธประจำอารามจินหัวอยู่ พวกเราอาศัยเจ้าสิ่งนี้ติดตามร่องรอยมาตลอดทางจนไล่ตามมาถึงที่นี่ แต่น่าโมโหที่พลังของข้ามีไม่มากพอ บัดนี้จึงอับจนหนทางตามตัวของมันได้”
เหยาเฟยเฟยเอ่ยปลอบประโลม “ศิษย์พี่ใหญ่อย่าประเมินตัวเองต่ำนักเลย เดิมทีเราไล่ตามตราสัญลักษณ์นั้นมาตั้งนาน ตอนนี้ตามหาไม่เจอย่อมเป็นเพราะพลังวิญญาณของเจ้าผีร้ายนั่นเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นแน่ ถึงทำให้จนปัญญาจะไล่ตามหาเจอได้”
สีหน้าของเสวียนชิงจื่อดีขึ้นมาบ้าง เขาเอ่ยกับนักพรตเฒ่าชื่อหยวนว่า “นี่เป็นสิ่งที่พวกเราคาดเดากัน พวกเราสงสัยกันว่าเจ้าผีร้ายนั้นคงกลืนกินวิญญาณเร่ร่อนอื่นๆ เข้าไปอีก กระทั่งวิญญาณของคนเป็นๆ ไปด้วยจนมีพลังแข็งแกร่งขึ้นถึงได้รอดพ้นจากการติดตามของตรากระดิ่งไปได้ ท่านอาวุโส หากไม่จัดการกับเจ้าผีร้ายตนนี้คงสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านแน่นอน คงมีชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกมากมายต้องถูกทำร้ายไปด้วย”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยเสียงขรึม “หากเป็นดังว่าก็เป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โตจริงๆ”
“ดังนั้นพวกเราถึงใจกล้ามาหาท่าน อย่างแรกอยากขอพำนักอารามแห่งนี้เป็นการชั่วคราว อย่างที่สองก็เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่านตามหาตัวเจ้าผีร้ายนี้ที เลี่ยงไม่ให้ไปทำร้ายใครต่ออีก”
ที่แท้ก็อยากให้อารามชิงผิงตรากตรำทำเรื่องลำบากให้โดยไม่คิดเงิน
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “เสวินเหมินในใต้หล้าคือครอบครัวเดียวกัน พวกเจ้ามาอาศัย พวกเราก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องปฏิเสธ พวกเจ้าพำนักอาศัยอยู่ในอารามชิงผิงเถิด ถ้าว่างๆ ก็จัดเทศนาธรรมในอารามของข้า นับว่าเป็นบุญของชาวบ้านเมืองหลีนัก”
เทศนาธรรมหรือ
เสวียนชิงจื่อนิ่งไปครู่หนึ่ง
ทว่าเหยาเฟยเฟยไม่ชอบใจนัก นี่จะให้พวกเขาเทศนาธรรมแลกเป็นค่าพักอาศัยอย่างนั้นหรือ
เสวียนชิงจื่อกลับไม่ติดใจอะไร แค่เทศนาธรรมเท่านั้น เขาเองก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือเจ้าผีร้ายตัวนั้น หากไม่รีบจัดการในเร็ววัน อันตรายยามที่เขาผจญอยู่โลกภายนอกก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย
“ได้รับความสำคัญจากท่าน ได้เทศนาธรรมให้แก่ชาวบ้านฟังนับว่าเป็นเกียรติของข้านัก เพียงแต่ข้ากังวลว่าผีร้ายตัวนั้นจะก่อความวุ่นวายต่ออีก ท่านว่า…”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยอย่างเข้าใจ “พวกเจ้าไล่ตามมาตลอดทางคงอ่อนล้ามากแล้ว สู้พักก่อนชั่วคราวเถิด เดี๋ยวพวกเราจะลองคาถาเรียกวิญญาณหรือวิธีการอื่นๆ ตามหาร่องรอยของมันดู”
เสวียนชิงจื่อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ร้องขออะไรมากมาย เขารับคำแล้วเดินตามเด็กน้อยนักพรตไปพักผ่อนที่เรือนรับแขก
หลังจากพวกเขาออกไปแล้ว นักพรตเฒ่าชื่อหยวนก็รีบหยิบกระดาษยันต์และพู่กันออกมาเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง จากนั้นก็พับเป็นนกกระดาษ ทำมือร่ายคาถา “ไปหาบรรพบุรุษน้อยของเจ้า”
นกกระดาษกระพือปีกบินออกจากห้องไปทางเมืองหลี
ฉินหลิวซีเพิ่งฝังเข็มให้เย่ว์ติ้งเสร็จ พอเห็นการตอบสนองแขนขาของเขาชัดเจนและว่องไวมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เอ่ย “ขอย้ำประโยคเดิมว่าออกกำลังกายให้มาก เพราะมีผลต่อการฟื้นฟูมากขึ้น ลองยืนตรงดูบ้าง แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน อีกไม่กี่วันก็ยืนได้แล้ว”
นางล้วงหยิบยาเม็ดขวดหนึ่งออกมาส่งให้ “นี่คือไหเส่าตาน ตอนผู้เฒ่าโหวรักษาโรคแขนขาอ่อนแรงข้าก็ปรุงยานี้ให้ มีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงให้กระดูก กินหนึ่งเม็ดต่อวันก็พอ”
เย่ว์ติ้งพยักหน้า
ฉินหลิวซีเก็บอุปกรณ์ฝังเข็ม ขณะหันไปมองก็เห็นนกกระดาษที่พับด้วยกระดาษยันต์บินเข้ามาก่อนจะหยุดอยู่บนบ่าของฉินหลิวซี แถมยังจิกลงบนแขนนางด้วย
“กระดาษ นกกระดาษบินได้ด้วยหรือ” เล่อสุ่ยเบิกตากว้างตกตะลึง
เย่ว์ติ้งคิดในใจ ผียังเจอมาแล้ว ยังมีสิ่งใดที่เป็นของประหลาดหายากอีกหรือ
ฉินหลิวซีคลี่นกกระดาษออก ด้านบนเป็นลายมือของผู้เฒ่า “มีคนหยั่งเชิงความสามารถ รีบมาเร็วเข้า”