บทที่ 107 หลิวเปียวขอความช่วยเหลือ
เซียฉินกลับมาอยู่ในที่นั่งลําบากอีกครั้ง และเป็นตอนนี้ที่แม่ของเจียงฮาวรีบหยิบบัตรเอทีเอ็มส่งถึงมือของเซียฉินและดันกลับไป
“น้องสาว รีบๆเอากลับไปเร็วเข้า เป็นอย่างที่เจียงฮาวพูดนั่นแหล่ะ พวกเรานั้นไม่ต้องการเงินนี้จริงๆ”
เซียฉินที่ได้ยินก็รู้สึกประทับใจในทันที เธอยืนขึ้นจากเก้าอี้ก่อนที่โค้งตัวเพื่อแสดงความขอบคุณจากใจจริง
“ขอบคุณคะคุณเจียง”
และแล้ว วันอาทิตย์ก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันจันทร์มาถึง เจียงฮาวเองก็ควรจะไปโรงเรียนตามปกติ
ทุกๆวันที่ผ่านไปนั้นเท่ากับว่าวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้ใกล้เข้ามาทุกขณะ
และในช่วงนี้ เหล่าอาจารย์เริ่มสรรหาโจทย์ปัญหาในรูปแบบต่างๆมาให้เหล่านักเรียนที่รักได้ลองทํากัน นี่เป็นหนึ่งในวิธีการที่ทําให้นักเรียนทําคะแนนสอบได้ดี มันคือการทําความคุ้นเคยกับข้อสอบและเวลาทําข้อสอบ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นโจทย์ปัญหารูปแบบไหน ก็ยังไม่เป็นปัญหากับเจียงฮ่าวแม้แต่น้อย
ในทุกๆครั้งที่มีการทดสอบ เจียงฮ่าวจะเป็นคนแรกที่ทําเสร็จและส่งกระดาษข้อสอบก่อนใคร
และในทุกๆครั้งที่เหล่าอาจารย์ได้เห็นคะแนนสอบของเจียงฮ่าวที่เกือบจะเต็มไปเสียทุกครั้ง ทุกๆคนนั้นต่างก็ยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ
และนี่เองทําให้เหล่าอาจารย์นั้นไม่ได้ใส่ใจกับการกระทําของเจียงฮ่าวอีกต่อไป ราวกับว่าทั้งโรงเรียนนี้มีเฉพาะเจียงฮ่าวเท่านั้นที่ได้รับอภิสิทธิ์เสร็จปับออกบับไปคนเดียว
เย็นวันนั้น หลังจากเจียงฮ่าวทําข้อสอบเสร็จแล้วภายนี่สิบนาที เขาได้เดินออกไปอย่างมั่นใจ ภายใต้สายตาของนักเรียนทุกคนที่อยู่ในห้อง
หลังจากส่งกระดาษคําตอบไปแล้ว เมื่อเห็นว่าในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลากลับบ้าน เขานั้นก็ได้นึกถึงลูกศิษย์ของเขา หรือก็คือหลิวเปียวและพวก
“อืมมมม วันนี้เสร็จเร็วซะด้วยสิ ไปสอนพวกนั้นหน่อยก็แล้วกัน”
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็เตรียมที่จะโทรหาหลิวเปียว
เป็นตอนนั้นที่โทรศัพท์ของเขาได้ดังขึ้นมา
เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นหลิวเปียวที่โทรมาหา เจียงฮ่าวถึงกับประหลาดใจไม่น้อย
“ไอ้นี่ ไม่ใช่ว่ามันแอบเป็นพยาธิเข้ามาอยู่ในท้องฉันหรอกนะ แค่คิดจะสอนก็ถึงกลับโทรมาหาแบบนี้เลยเหรอ”
ถึงจะยังประหลาดใจอยู่แต่เขาก็รับโทรศัพท์อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ได้มีน้ําเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากอีกฝากฝั่งหนึ่ง
หลังจากนั้น ก็เป็นเสียงของหลิวเปียวที่พูดออกมา แต่น้ําเสียงของเขานั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกราวกับต้องตัดใจโทรหาทั้งๆที่ไม่อยากรบกวนยังไงอย่างนั้น
“ท่านอาจารย์ ผม..ต้องให้ท่านออกหน้าแล้ว”
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินก็ต้องนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย
“แล้ว จะให้ฉันทําอะไรล่ะนั่น”
เป็นตอนนี้ที่หลิวเปียวนิ่งคิดไปเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มอธิบายออกมา
“คืออออ เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ”
“ในการแข่งขันครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมานั้นปกติทีมของโรงเรียนเรานั้นจะครองตําแหน่งอยู่ที่สอง ไม่ก็อยู่ที่สามของการแข่งขัน
“และเป็นที่รับรู้กันทั่วว่าโรงเรียนมัธยมปลายเทียนเหอที่หนึ่งนั้นไม่เคยชนะโรงเรียนมัธยมปลายเทียนเหอที่สองของเราได้เลยสักครั้งเดียว”
“แล้วตอนนี้ หยางชวนเว่ยที่เป็นกัปตันทีมของโรงเรียนมัธยมปลายที่หนึ่งนั้นดันพาใครบางคนมาท้าทายพวกเรา”
“มันบอกว่าครั้งก่อนที่พวกเราชนะไปนั้นเป็นเพราะพวกเราใช้โชคช่วย และนี่เองทําให้มันมาท้าทายพวกเรา”
“พวกมันท้ามาว่าถ้าพวกมันชนะจะต้องให้เหรียญรางวัลอันดับสองพวกมัน”
“ส่วนถ้าพวกเราชนะ พวกมันจะซื้อโทรศัพท์ให้คนละเครื่อง”
“นี่… ทําให้พวกเราเผลอตบปากรับคําโดยไม่คิดให้ดีก่อน”
มาถึงตอนนี้ น้ําเสียงของหลิวเปียวก็ได้บ่งบอกถึงความอับอายที่เกิดจากการทําไม่คิดของตน
“ถ้าเป็นปกติล่ะก็พวกเราเองไม่ได้กลัวพวกหยางชวนเว่ยกับพวกมันเลยสักนิด แต่ใครจะไปคิดว่าไอ้เวรตะไลนั่นจะหัวหมอเอาคนนอกมาช่วยยย…”
น้ําเสียงของเหลียวเชียวเปลี่ยนเป็นโกรธแค้นในทันที
เจียงฮ่าวจึงได้ถามออกไปอย่างสุขุมเมื่อได้ยิน
“ผลล่ะ”
“ผล…”
เป็นตอนนี้ที่หลิวเปียวเริ่มประดากปาก
เจียงฮ่าวหมดความอดทนจึงพูดออกมา
“แพ้..?”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลิวเปียวรีบตอบออกมาอย่างร้อนรน
“ไม่ได้แพ้ครับท่านอาจารย์ พวกเราไม่ได้แพ้”
เจียงฮ่าวจึงถามออกมาต่อ “ไม่ได้แพ้แล้วโทรมาเพื่อ?”
คําพูดของเจียงฮ่าวทําให้หลิวเบียวถึงกับต้องสําลัก
หลังจากหลิวเปียวพยายามเก็บข่มอาการและพูดออกมาด้วยน้ําเสียงอ่อยๆ “พวกเราแค่ยังไม่ได้แพ้ครับ แต่พวกเรากําลังจะแพ้”