ตอนที่ 521 คันไม้คันมือ อยากหั่นนางเป็นชิ้นๆ
เหยาเฟยเฟยถูกฉินหลิวซีแปะยันต์ไว้ที่ตัวแผ่นหนึ่ง จากที่กำลังคลุ้มคลั่งนางพลันรู้สึกตัวขึ้นมา ก้มหน้ามองดูตัวเอง “ข้า ข้าไม่เป็นอะไร”
นางหัวเราะทั้งน้ำตา “ข้าไม่เป็นไร นั่นไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่ความจริง ฮึก” ขณะที่พูดนางกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่มันไหลรินออกมา
ภาพนั้นเป็นภาพในนิมิต แต่หัวใจที่ได้รับความเจ็บปวดสั่นไหวล้วนเป็นของจริง นางก็คือเจียงซื่อคนนั้นที่ต้องทนรับความเศร้าโศกน่าเวทนาจากการถูกเหยียดหยามราวกับว่าโลกนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว
และนางยังคิดถึงลูกฝาแฝดในท้อง ศพเดียวตายไปสามชีวิต ตายไปแล้วยังไม่เป็นสุข เหยาเฟยเฟยกอดตัวเองร้องไห้อย่างเจ็บปวด ความรู้สึกที่โหดร้ายนั้น เจ็บปวดเหลือเกิน นางรู้สึกหวาดกลัวไม่ต่างจากเจียงซื่อ!
“ศิษย์น้องหญิง” เสวียนชิงจื่อเดินมาหา เขากอดนางไว้กับอกอย่างปลอบใจ
ไป๋เหรินถิงลอยอยู่ในอากาศมองภาพเบื้องหน้า เขาหัวเราะออกมาด้วยเสียงเย็นๆ ของวิญญาณ เสียงหัวเราะนั้นเยียบเย็นน่ากลัวราวกับเสียงปีศาจ มันบาดลึกเข้าไปถึงแก้วหู
พวกเสวียนชิงจื่อมองไป เพียงเห็นม่านตาก็หดลง
เปรียบเทียบกับตอนที่เห็นครั้งแรกนับว่าวิญญาณใหม่นี้อ่อนแอทีเดียว ไป๋เหรินถิงก่อนหน้านี้ถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังความโกรธแค้นที่เข้มข้นรุนแรง ดวงตาสองข้างแดงฉาน เป็นวิญญาณหน้าขาวซีด ผมเผ้ายุ่งเหยิงสยายออก เขากัดกินวิญญาณที่ตายแล้ว กลืนกินวิญญาณที่ยังมีชีวิต แบกรับเวรกรรมชั่วที่ฆ่าคนเอาไว้ไม่น้อยจนกลายเป็นวิญญาณร้ายไปจริงๆ
เสวียนชิงจื่อนึกถึงตอนที่พบไป๋เหรินถิงขึ้นมาในฉับพลัน ฝ่ายนั้นกล่าวอย่างเย็นชาว่าติดหนี้ต้องมีเจ้าหนี้ ติดหนี้แค้นก็ต้องแก้แค้นให้ถูกคน ข้าแก้แค้นสำเร็จก็จะจากไป
เป็นพวกเขาที่ไม่เชื่อ เพราะฝ่ายตรงข้ามทำหลบๆ ซ่อนๆ เป็นพวกฝ่ายหยินที่หลอกคนได้เก่งที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเห็นพวกเขาแม้เป็นเด็กก็ไม่ละเว้น พวกเขารู้สึกเพียงว่าโกรธแค้น สุดท้ายก็ลงมือ
ใช่แล้ว ไป๋เหรินถิงที่ไม่ละเว้นแม้เป็นเด็ก แต่ผู้ใหญ่บ้านกับลูกชายก็ไม่เคยละเว้น ไม่ปล่อยผู้หญิงที่อุ้มท้องลูกแฝด แม้ตายไปแล้วยังหลู่เกียรติของนาง?
เสวียนชิงจื่อรู้สึกทั้งหวานทั้งขมในคอ ผีทุกตัวที่ทำร้ายผู้อื่น แม้ไม่มีใครรู้เห็นก็ต้องได้รับโทษเดียวกัน พวกเขากลับไม่เคยถามถูกผิดขาวดำ สิ่งที่เคยยึดมั่นยืนหยัดมานั้นเป็นสิ่งที่ผิดหรือไม่
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขาทีหนึ่ง นางส่ายหน้า จิตใจแห่งเต๋าไม่มั่นคงเสียแล้ว
ไป๋เหรินถิงไม่อาจรู้ได้ว่าจิตใจแห่งเต๋าเป็นอย่างไร เขาเพียงมองเสวียนชิงจื่อกับเหยาเฟยเฟยด้วยสายตาเย็นชา และเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกท่านยังคิดจะให้ข้ายอมศิโรราบ ตีข้าให้วิญญาณแหลกสลายอยู่อีกหรือ”
เสวียนชิงจื่อลุกขึ้นยืน “สิ่งที่เจ้าประสบมาข้าเข้าใจจิตใจเจ้าอย่างลึกซึ้ง แม้วันนี้เรื่องครอบครัวจางได้จบไปแล้ว เจ้าก็ได้แก้แค้นแล้ว ฝุ่นคืนสู่ฝุ่น ดินคืนสู่ดิน แต่เจ้าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ข้าไม่อาจเห็นแก่สิ่งที่เจ้าประสบมาทำเป็นเมินเฉยต่อเรื่องนี้ได้ ตามข้ากลับไปที่อาราม ข้าจะขอให้ท่านอาจารย์โปรดเมตตาเจ้า ลบล้างความโกรธแค้นไปเสีย แล้วส่งเจ้าข้ามประตูผี”
ฉินหลิวซีพยักหน้าเงียบๆ ยังนับว่ามีปัญญา
ไป๋เหรินถิงกล่าววาจาเย้ยหยัน “อาศัยว่าเจ้าเป็นนักพรตเต๋าน้อยไม่กลัวตาย เจ้ามีคุณธรรมติดตัว หากข้ากลืนวิญญาณเจ้าเข้าไป พลังวิญญาณข้าก็จะยืนยาวขึ้นไปอีกไม่ใช่หรือ” เขาเอ่ยพลางแลบลิ้นเลียปาก และมองไปยังเหยาเฟยเฟยอย่างชั่วร้าย
เหยาเฟยเฟยตัวอ่อนปวกเปียกนั่งแปะลงที่พื้นไปแล้ว นางถัดก้นถอยไปด้านหลัง
สีหน้าเสวียนชิงจื่อเปลี่ยนไป กำดาบในมือแน่นเข้า พลางกล่าว “แม้จะต้องตาย วิญญาณต้องสูญสลาย ข้าจะไม่ทนเห็นเจ้าทำร้ายทารุณผู้บริสุทธิ์”
“ช่างเป็นปรมาจารย์ผู้ซื่อตรง ผู้บริสุทธิ์ คนที่ข้าทำร้ายไม่มีใครเป็นคนดีสักคน หากโลกนี้ไม่ลงโทษพวกมัน ข้าจะทำหน้าที่นี้เอง ฮ่าๆๆ” ไป๋เหรินถิงหัวเราะเสียงเย็น
“น่าสมเพชจริงๆ นักพรตสายขาวสะอาดดีงาม กำลังจะกลายเป็นผีร้ายอัปลักษณ์” ฉินหลิวซีจุ๊ปาก กล่าวออกมา “พวกเจ้าจะลงมือหรือไม่ ถ้าจะลงมือก็รีบๆ ฟ้าใกล้สว่างแล้ว อย่ามาขวาง ข้าจะกลับไปนอน” นางกล่าวพร้อมหาวออกมาหวอดใหญ่
เสวียนชิงจื่อ “…”
ไม่ช่วยแถมยังสุมไฟใส่อีก? ท่านยังเป็นคนอยู่ใช่หรือไม่!
ไป๋เหรินถิง “!” นางกำลังยั่วข้าอย่างนั้นหรือ”
เมื่อฉินหลิวซีเอ่ยประโยคนี้ออกมา หนึ่งคนหนึ่งผีก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะลงมืออย่างไรดี
เสวียนชิงจื่อ “หากเขาเปลี่ยนไปเป็นผีร้ายเต็มตัว ข้าจะลงมือ”
ไป๋เหรินถิงคิดในใจว่านักพรตเต๋าผู้นี้ยังคงยืนกรานความคิดที่ว่าพวกผีที่ทำร้ายคนล้วนเป็นสิ่งอัปมงคลชั่วร้าย เห็นแล้วฆ่าได้เลยจึงเป็นการเปิดเผยความสามารถให้ผู้อื่นประจักษ์ ตอนนี้นับว่าเป็นอะไร คนที่เห็นแก่ผลประโยชน์โดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น
ฉินหลิวซีเหลือบตาทั้งสองข้างขึ้นมองพวกเขาทั้งสองคนพลางกล่าว “ไม่ลงมือหรือ ผีแซ่ไป๋ผู้โหดเหี้ยม รีบดึงพลังวิญญาณของเจ้าออกมาใช้ อย่าให้บรรยากาศนี้ลอยคว้างอยู่เปล่าๆ”
ไป๋เหรินถิงจ้องนางอย่างหวั่นเกรง
รู้สึกว่าคำพูดนี้ผิดปกติ
“ศิษย์พี่เสวียนชิงจื่อ พวกเจ้ามาจากอารามจินหัว นี่เป็นโอกาสสร้างผลงานมิใช่หรือ ฟันสักดาบเปิดฉากเถอะ” ฉินหลิวซีกล่าวออกมาอีกประโยค
เสวียนชิงจื่อคิดในใจ เจ้าหุบปากเถอะ!
ฉินหลิวซีเห็นพวกเขาไม่ขยับ นางแสดงสีหน้าผิดหวังอย่างชัดแจ้ง พลางเอ่ย “ดูท่าเม็ดกวยจี๊ที่ข้าเตรียมมาจะไม่ได้แทะเสียแล้ว”
เสวียนชิงจื่อกับไป๋เหรินถิง “…” คันไม้คันมืออยากหั่นนางเป็นชิ้นๆ
“ในเมื่อสู้กันไม่สำเร็จ อย่างนั้นก็หันมาพูดกันดีๆ” ฉินหลิวซีมองไป๋เหรินถิงพลางเอ่ย “ค้างคาอยู่ในโลกมนุษย์เป็นผีร้าย สำหรับเจ้าแล้วไม่มีอะไรดี เขาเป็นนักพรตน้อยอย่างนี้รับมือเจ้าไม่ไหว แต่ก็มีผู้มีฝีมือสูงส่งสามารถรับมือเจ้าได้”
เช่นข้า
ไป๋เหรินถิงยิ้มเย็น “เจ้ากำลังโน้มน้าวให้ข้าไปมอบตัวที่เมืองยมบาล?”
ใช่ ชวนให้เจ้ากลับใจ
“ข้าตายไปแล้ว พวกเจ้านึกว่าข้ากลัวนักพรตอย่างพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ” ไป๋เหรินถิงกางมือออก พลังหยินหมุนวนอย่างรุนแรง
เสวียนชิงจื่อรู้สึกเหมือนได้พบศัตรูที่แข็งแกร่งกว่ามาก
ฉินหลิวซีประกบมือทั้งสองข้าง ยันต์แผ่นหนึ่งปะทะกลับไป พลังหยินหยุดลงทันใด ไม่สามารถข้ามเขตยันต์ไปได้
สีหน้าไป๋เหรินถิงเปลี่ยนไป สายตาเปลี่ยนเป็นจริงจัง เริ่มตั้งแต่ภาพในนิมิตเขาก็รู้ว่าฉินหลิวซีร้ายกาจกว่าเจ้าสองคนไม่ได้เรื่องนั่น แต่นางไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง เพียงแค่มองดูอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเย็นชา เขาจึงไม่ได้ทำอะไรนาง
ตอนนี้เห็นฝีมือนางเขารู้ว่าตัวเองพลาดไปแล้ว แต่เป็นเช่นนั้นแล้วอย่างไร เขาตายไปแล้ว ครอบครัวก็ล้มตายจากไปด้วย ตายอีกครั้งจะเป็นไรไป?
ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ “เจ้าไม่กลัววิญญาณแตกสลายนับว่ากล้ามาก แล้วภรรยากับพ่อแม่เจ้าเล่า ไม่อยากจะพบพวกเขาอีกครั้งหรือ”
ไป๋เหรินถิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ข้า ยังสามารถพบพวกเขาได้หรือ”
“วิญญาณแค้นของเจ้าติดอยู่ในบ้านเจ็ดวัน เคยได้พบวิญญาณพวกเขาบ้างหรือไม่”
ไป๋เหรินถิงตะลึงไป เขาส่ายหน้า “ไม่เคยได้พบเลยจริงๆ”
ฉินหลิวซีถอนหายใจทีหนึ่ง “ไม่ได้พบก็ดี เป็นหลักฐานว่าเมื่อพวกเขาเมื่อตายลงก็มุ่งไปยังเมืองยมบาลแล้ว ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้มีคนไปเกิดใหม่จำนวนมาก ต้องคอยต่อแถว ไม่แน่ว่ายังไม่ถึงคราวของพวกเขาก็เป็นได้ ยิ่งกว่านั้นพวกเขาจัดว่าตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้พบเจ้า ไม่แน่ว่าพวกเขากำลังรอเจ้าอยู่ที่ข้างล่างด้วยกันก็เป็นได้”
วิญญาณไป๋เหรินถิงสะท้านไป “รอข้าหรือ”
“ชาติที่แล้วพวกเจ้าเป็นครอบครัวที่อยู่กันอย่างมีความสุข ในเมื่อทั้งบ้านตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมตามตกกันไป จะทิ้งเจ้าไว้คนเดียวแล้วไปเกิดใหม่ได้อย่างไร พวกเขาต้องรอเดินไปบนถนนน้ำพุเหลืองด้วยกัน แต่เจ้ากลับค้างคาอยู่ในโลกมนุษย์ ยิ่งกว่านั้นกลายเป็นวิญญาณร้ายอย่างไม่เสียดาย ยังเพิ่มบาปกรรมที่ฆ่าคนเข้าไปอีก กรรมที่ฆ่าคนตายถูกบันทึกไว้ในเล่มบาปบุญคุณโทษ มันจะติดตามไปจนชาติหน้า และสร้างหายนะให้เกิดกับลูกหลาน เจ้าคิดว่าข้าขู่เจ้า แล้วยังหลอกเจ้าก็ตามใจ ข้าพูดได้เท่านี้ หากเจ้ายังยืนกรานจะอยู่ในโลกมนุษย์ต่อ ข้าก็จนปัญญา”
ฉินหลิวซีมองไปที่เขา แล้วพูดต่อไปอีก “แล้วยังบ้านเจ้าทั้งบ้านตายหมด แค้นใหญ่หลวงก็ต้องชำระ ค้างคาอยู่ที่นี่มีประโยชน์อะไร ฆ่าคนชั่วทั่วหล้าให้ตายให้หมดงั้นหรือ คุณชายไป๋ ฆ่าคนวันหนึ่งก็ต้องถูกเขาฆ่า ผีก็เช่นกัน เจ้าไม่กลัวความตาย แล้วความเดียวดายเล่า เจ้าก็ไม่หวั่นงั้นหรือ ก็เหมือนกับตอนนี้ที่อยู่ในอี้จวง ไม่มีคน ผีก็ไม่มี เหลือเจ้าคนเดียวที่หมกมุ่นต่อไป ความเจ็บปวดจากการประสบเคราะห์ร้ายกัดกินวิญญาณเจาะเข้าไปถึงหัวใจ เช่นนี้แล้ว สู้ไปถนนแม่น้ำเหลืองตามหาพวกเขา อย่างน้อยครอบครัวก็ได้อยู่กันพร้อมหน้าไม่ใช่หรือ”