คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 527 คนชั่วต้องก็ต้องเจอกับคนชั่ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 527 คนชั่วต้องก็ต้องเจอกับคนชั่ว

นักพรตไท่หยางปูยันต์บนเตียงของจิ่งเฉาหลายแผ่น และยังวางหยกสงบวิญญาณไว้บนหน้าอกเขาอีกชิ้น กรีดปลายนิ้วมือใช้เลือดวาดอักขระยันต์บนหน้าผากเขา

“เฉาเอ๋อร์เดิมทีร่างกายอ่อนแอ เมื่อถูกอาคมร่างกายของเขารับอาคมย้อนกลับไม่ไหว หมอทั้งหลายจึงลงความเห็นว่าเขาเป็นโรคหัวใจล้มเหลว ข้าตรึงวิญญาณเขาเพื่อยื้อโอกาสการรอดชีวิตไว้ และเพื่อหลีกเลี่ยงการพลาดโอกาสยื้อชีวิต รอเขาฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยเปลี่ยนยันต์” นักพรตไท่หยางอธิบายไปพลางวาดยันต์ไปพลาง

สะใภ้หนิวเอ่ยด้วยใบหน้าขาวซีด “เมื่ออาคมนี้ถูกทำลายไปแล้ว ก็แปลว่าชีวิตของเขาก็ไม่อาจยืนยาว?”

นักพรตไท่หยางมือสั่น สายตาแรงกล้ากว่าเดิม เขากัดฟันพลางเอ่ย “เจ้าวางใจเถิดใช้อาคมนี้ไม่ได้ก็ยังมีวิธีอื่น”

สะใภ้หนิวสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สายตาจ้องไปที่นักพรต นางเอ่ยเสียงเย็นชาทว่าเฉียบขาด “ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนท่านต้องรักษาชีวิตเขาไว้ให้ได้ ท่านรู้ดีว่าเพราะอะไร”

นักพรตไท่หยางมองไปที่นาง “ข้ารับประกัน”

“อาคมนี้ถูกทำลายไปแล้ว หมายความว่าทางจิ่งเหลียนรู้เรื่องแล้วหรือไม่ เรื่องแมลงพิษกู่ก็ยังนับว่าเขาโชคดี พอดีได้พบท่านหมอที่มีความรู้เรื่องนี้ว่าเขามีแมลงพิษอยู่ในร่างกายจึงสามารถหาวิธีรักษาได้ แต่อาคมชิงอายุขัยครั้งนี้ ท่านบอกว่านักพรตทั่วไปไม่มีทางมองออก” สะใภ้หนิวถามด้วยความร้อนรน “สุดท้ายยังถูกทำลายได้ นับเป็นเรื่องอย่างไรกัน”

นักพรตไท่หยางไม่พอใจ “เจ้ากำลังสงสัยข้าหรือ”

สะใภ้หนิวตกใจ นางก้มหน้าทำให้เห็นลำคอเล็กยาว นางร้องไห้กระซิกพลางเอ่ย “ข้าแค่กลัว กลัวว่าเฉาเอ๋อร์จะจากพวกเราไป”

ที่จริงนางรู้สึกเสียใจและเสียดาย หากว่าไม่ได้ใช้อาคมนั่น แม้บุตรชายของนางจะอ่อนแอไปสักหน่อย แต่ก็อาจไม่ต้องเจออาคมย้อนกลับที่น่ากลัวอย่างนี้ แม้ว่าจะไม่รู้ชัดว่าเป็นหรือตาย แต่อย่างน้อยก็คงไม่ถึงกับเป็นโรคที่น่าอับอาย อยู่ในสภาพคนแก่ที่น่าหวาดผวาอย่างนี้

สะใภ้หนิวรู้สึกขัดเคือง นางนึกโทษนักพรตไท่หยางอยู่ในใจ ปากบอกว่าไม่มีผิดพลาด แล้วผลออกมาเป็นอย่างไร ไม่กี่วันเท่านั้น อาคมถูกคนทำลายทิ้งเสียแล้ว

ไร้ความสามารถ

นักพรตไท่หยางไม่รู้ถึงสิ่งที่นางคิดอยู่ในใจ ปูยันต์เสร็จแล้ว นำผ้าแดงออกมาชิ้นหนึ่งเขียนแปดอักษรวันเดือนปีเกิดของจิ่งเฉา และเขียนอักษรหวัดๆ ทำเป็นผ้ายันต์ส่งให้สะใภ้หนิว “ใช้ผ้ายันต์ผืนนี้ห่อเงินร้อยตำลึงแล้วมัดด้วยด้ายแดง หาขอทานหรือพวกอพยพสักคนแล้วให้มันไป เหมือนกับเป็นการซื้อของให้เขา พอมันรับเงินแล้วจากไปก็เรียบร้อย”

“สิ่งนี้คือ?” สะใภ้หนิวลังเล

นักพรตไท่หยางเอ่ยด้วยใบหน้านิ่ง “อยากให้เฉาเอ๋อร์มีชีวิต ก็ทำตามที่ข้าบอก”

สะใภ้หนิวพอเดาออก เมื่อได้ยินคำว่าของทานหรือพวกอพยพนางรู้สึกดูถูกอยู่ในใจ “ไม่ต้องแลกกับใคร ชะตาชีวิตก็ดีขึ้นมาได้หรือ”

“หากเป็นคนอื่น ให้เขาสังเกตเห็นความผิดปกติแล้วไปหาคนทำลายอาคมอีก เฉาเอ๋อร์ก็ต้องเจอกับอาคมย้อนกลับอีกครั้งไม่ใช่หรือ” นักพรตไท่หยางรู้สึกโมโห หากเป็นเช่นนี้จริง คนที่ถูกเขาลงอาคมอาจทำให้อาคมย้อนคืนเหมือนเดิม เขาผู้ซึ่งเป็นคนลงอาคมก็ต้องเจอกับอาคมย้อนคืนด้วยเช่นกัน ถึงตอนนั้นก็เสียเปล่าแล้ว

สะใภ้หนิวไม่กล้าเอ่ยอะไร นางรับของมาแล้วส่งต่อให้แม่นมจ้าวที่ยืนอยู่ข้างๆ

นักพรตไท่หยางจุดธูปหอมต่อทันที นำกล่องใบเล็กที่ใส่ตุ๊กตากระดาษรูปคนวางข้างๆ ถาดทองแดงที่วางอยู่ตรงหน้าเขา ลงยันต์อาคมตรงกลาง วางเงินเหรียญพวงหนึ่งลงในถาด กระจกแปดทิศ กิ่งหลิวเขียวสดแช่อยู่ในน้ำ และยันต์ต่อสู้อีกหลายแผ่น เขาสวมชุดพิธีการ บนศีรษะสวมหมวกนักพรต ในมือถือแส้ ใบหน้าสงบนิ่งแสดงความเคารพ

อาคมถูกทำลาย รับแรงย้อนคืน เขาไม่อาจทนกล้ำกลืนได้ ต้องให้บทเรียนกับคนที่มาทำลายอาคมของเขาเสียบ้าง

เขานั่งขัดสมาธิลง สองมือประสานนิ้ว มีเสียงพึมพำบทสวดออกจากริมฝีปากใต้เครายาว “ฟ้าแจ้งดินรู้ ดินรู้ฟ้าแจ้ง วิญญาณศักดิ์สิทธิ์โปรดมองลงมา ธงแห่งทวยเทพโบกสะบัดสูงสง่า ให้สิ่งที่ร้องขอ ส่งสู่สวรรค์ทั้งเก้าชั้น ข้าขอประทานดวงตาสวรรค์ รับรองพลังของข้า ปีศาจทั้งหลายจงปรากฏกาย ดังโองการขององค์ไท่ซ่างเหล่าจวิน จงฟัง!”

เขาถีบตัวขึ้นมา ในมือถือกระบี่เจ็ดดาว สองนิ้วมือวาดอักขระยันต์ไปบนกระบี่ เท้าร่ายรำไปตามเส้นอักษร เขาหยิบยันต์ขึ้นมาแผ่นหนึ่งโยนขึ้นไปในอากาศ กระบี่ที่ถืออยู่แทงทะลุแผ่นยันต์ ยันต์ลุกไหม้เองโดยไม่ได้จุดไฟ

จากนั้นหยิบกิ่งหลิวพรมลงบนยันต์ที่ไหม้ไฟทันที ทำให้ยันต์แผ่นนั้นตกลงบนถาดทองแดง กระจกแปดเหลี่ยมที่วางอยู่ในถาดจุ่มแช่ในน้ำจากกิ่งหลิวราวกับมีรัศมีสว่างวาบ ผิวน้ำกระเพื่อมเป็นระลอก

นักพรตไท่หยางรีบเข้าไปใกล้ หยิบขวดใส่น้ำตาวัวหยดลงบนดวงตาของตัวเอง เพ่งมองที่กระจกแปดเหลี่ยม

ในเวลาเดียวกัน ฉินหลิวซีที่นั่งสัปหงกใกล้จะหลับอยู่ในรถม้า อยู่ๆ นางก็ลุกขึ้นมา ลืมตาทั้งสองข้าง ดวงตากระจ่างใสเต็มไปด้วยความรู้สึกสนใจ

เมื่อนางขยับตัว เฟิงซิวที่นอนหลับสนิทหน้าคว่ำอยู่ที่ข้างๆ เท้าฉินหลิวซีสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาถาม “มีอะไรหรือ”

“คนที่ลงอาคมให้จิ่งอู่เพิ่งจะใช้คาถาอัญเชิญเทพเบิกเนตร ต้องการสอดแนมดูว่าคนที่ช่วยจิ่งเสี่ยวซื่อทำลายอาคมเป็นใคร” ฉินหลิวซีเลิกคิ้วขึ้น “คนคนนี้ใช้อาคมนี้เป็น และทำสำเร็จแล้วด้วย มีวิชาพอตัว” น่าเสียดายที่ไม่นำมาใช้ให้ถูกทาง

เฟิงซิวรีบกระโดดไปนั่งยองอยู่บนบ่าของนาง “อย่างนั้นก็แสดงว่ากำลังแอบมองเราอยู่หรือ”

“อืม”

“ไอ้หมาเอ้ย ถ้าหากเจ้ากำลังอาบน้ำอยู่เล่า เขาได้ดูของดีไม่ใช่หรือ” เฟิงซิวหงุดหงิด เขายังไม่เคยได้ดูของดีเลยสักครั้ง!

เถิงเจาโกรธหน้าดำหน้าแดง เจ้าสุนัขจิ้งจอกเหม็นหน้าไม่อาย

ฉินหลิวซีเองมองเขาด้วยสายตาเหมือนจะส่งยิ้มให้ แล้วหักนิ้วมือกรอบแกรบ

เฟิงซิวรีบวางท่าน่าเกรงขามพลางเอ่ย “ไม่ต้องกลัว หากเขากล้ามอง ข้าจะขู่ให้มันกลัวจนตายไปเลย!”

“ลุกขึ้น เริ่มงานได้แล้ว” ฉินหลิวซีประกบมือกดนิ้ว สองตาหลับลงเบาๆ แล้วลืมตาขึ้นใหม่ นางมองไปในความว่างเปล่า เหมือนกับว่ามองทะลุความว่างเปล่าไปยังทิศทางที่คนคนนั้นอยู่

นักพรตไท่หยางเพ่งมองกระจกแปดเหลี่ยม หลังจากผิวกระจกกระเพื่อมระลอกหนึ่ง ภาพเริ่มปรากฏออกมาเป็นหัวสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งกำลังแยกเขี้ยวคำรามใส่เขา ส่งเจตนาร้ายอย่างเต็มที่

นักพรตไท่หยางตกใจเล็กน้อย เหตุใดจึงเป็นจิ้งจอกตัวหนึ่ง หรือว่าจิ้งจอกตัวนี้ฝึกตนจนกลายเป็นปีศาจจิ้งจอกแล้ว?

มือขาวๆ ข้างหนึ่งยื่นออกมาดึงหัวเจ้าสุนัขจิ้งจอกออก ใบหน้าคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นที่ตรงหน้า สายตาคู่นั้นจ้องมองตรงมาที่ตัวเขา ราวกับว่ากำลังจ้องตาเขาอยู่

ลูกตาคู่นี้ราวกับว่าสามารถมองทะลุความว่างเปล่า นักพรตไท่หยางตกใจ เขาหยิบยันต์ต่อสู้ที่วางอยู่ข้างๆ โดยไม่รู้ตัว ปากท่องคาถาจุดไฟเผายันต์ จากนั้นโยนลงบนกระจกแปดเหลี่ยม

อยากจัดการข้า? ฉินหลิวซียกมุมปากเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ประกบนิ้วมือพลางท่องคาถา เหมือนกับแผ่รัศมีศักดิ์สิทธิ์กั้นตัวนางไว้ชั้นหนึ่ง อันตรายใดๆ ก็ทำร้ายนางไม่ได้

เมื่อถึงตอนนี้นางจึงพยักหน้าให้เฟิงซิว แล้วชี้มือไปยังนักพรตไท่หยาง “ซิวซิวน้อย ให้เขาทิ่มตาตัวเองเถอะ”

เฟิงซิวกระซิบกับตัวเองด้วยความหวาดระแวง “ทีตอนนี้เรียกข้าซิวซิวน้อย หมดประโยชน์ก็กลายเป็นจิ้งจอกเฒ่า เฮอะ”

ปากเอ่ยประชดประชัน แต่การกระทำกลับลงมือโดยไม่ลังเล เขาปล่อยพลังปีศาจจากที่ไกลส่งไปในอากาศ เจ้าควรทิ่มตาตัวเองทั้งสองข้าง สมควรแล้วที่แอบสอดแนม ไอ้ถ้ำมอง!

นักพรตไท่หยางรู้สึกถึงอันตรายจากหน้ากระจกที่ถูกส่งออกมาได้ในทันที ในใจคิดว่าไม่ได้การแล้ว กำลังจะตัดอาคมตาทิพย์ แต่จิ้งจอกหนึ่งและคนอีกหนึ่งตรึงเขาเอาไว้ แล้วเริ่มร่ายอาคม

“ไม่!” นักพรตไท่หยางรู้สึกร้อนไปถึงจิตวิญญาณ พวกเขาไม่ปล่อยให้เขาได้หยิบยันต์ สองนิ้วราวกับถูกควบคุมเอาไว้ด้วยแรงมหาศาลบังคับให้ทิ่มสองตาตัวเอง เจ็บจนร้องเสียงดังออกมาอย่างเจ็บปวดทรมาน “อ้า!”

ปัง

กระจกแปดเหลี่ยมปรากฏรอยร้าว เมื่อกระจกแตก ภาพพลันหายวับไปทันที คนชั่วก็ต้องเจอกับคนชั่ว

นักพรตไท่หยางกุมสองตา ถอยหลังไปสองก้าว กระอักเลือดออกมา ล้มลงที่พื้น

สะใภ้หนิวร้องออกมาอย่างตกใจ มองเส้นผมของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเงิน ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม เขากลายเป็นคนแก่ลงทันใด

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท