ตอนที่ 529 ข้าไม่ทำเรื่องที่ไม่มีโอกาสเป็นไปได้
สยงเอ้อร์เจตนาดีแต่พูดจาขวานผ่าซาก เปิดปากพูดก็เหมือนสาปแช่ง โผงผางจนทำให้คนคุ้มกันตระกูลลิ่นชักกระบี่ออกมา จ้องมองเขาอย่างดุร้าย
“กำเริบนัก!”
จิ่งเสี่ยวซื่อกุมมือคารวะ รีบบอกชื่อแซ่ตัวเอง “พี่ชาย ข้าคือคุณชายสี่จวนฉังอันโหว นามจิ่งเหลียน ท่านนี้คือคุณชายรองสยง สยงปั๋วหนานแห่งกรมกลาโหม ลูกพี่ลูกน้องข้าผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาล่วงเกิน เพียงแต่กังวลว่าหากฮูหยินผู้เฒ่ากลับเข้าเมืองในตอนนี้ หากรั้งรอจะรักษาต่อไป อาการบาดเจ็บกะทันหันอาจไม่ทันการ เขาจึงออกปากยับยั้งตรงไปตรงมาไม่ทันได้กรองคำพูด” และเขายังหยิบป้ายหยกประจำตัวที่พกไว้ส่งให้
คนคุ้มกันรับมาดู แล้วส่งคืนกลับไป สีหน้าผ่อนคลายลง
สยงเอ้อร์จึงเอ่ย “พวกท่านไปไม่ได้จริงๆ ฮูหยินผู้เฒ่าได้รับอุบัติเหตุเช่นนี้ หากรอจนกลับเข้าเมือง ระหว่างทางกลับต้องใช้เวลา การรักษาล่าช้าเป็นแน่”
ขณะนั้นเอง หญิงสาวที่ขึ้นไปในรถม้าจับชีพจรให้ฮูหยินผู้เฒ่า สีหน้านางย่ำแย่ “ฮูหยินผู้เฒ่าหัวใจวายกะทันหัน ต้องฝังเข็มอย่างเร่งด่วน ข้าไม่มีความสามารถนั้น”
“ไป”
“อย่าเพิ่ง พวกเรามีหมอ ความสามารถในการรักษาร้ายกาจมาก” สยงเอ้อร์เอ่ย “ให้นางมาดู ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องไม่เป็นอะไรแน่” เขาหันศีรษะกลับไป กวักมือเรียกฉินหลิวซีที่กำลังลงจากรถม้า “ท่านเจ้าอาวาสน้อย รีบมาเร็วเข้า”
จิ่งเสี่ยวซื่อจึงเอ่ยขึ้น “ข้ากล้าเอาตำแหน่งข้าเป็นประกัน ท่านหมอท่านนี้จะต้องสามารถรักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้แน่”
สยงเอ้อร์ “ข้าก็ด้วย!”
ทุกคนมองตามสายตาของพวกเขาไป อดหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นไม่ได้ คนที่ปรากฏตัวขึ้นเป็นเด็กหนุ่มในชุดเสื้อตัวยาวสีเขียว ปวกเปียกเป็นผักเช่นนี้จะเป็นหมอได้อย่างไร
เกือบจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น
คนคุ้มกันกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “คุณชายจิ่งพวกท่านอย่าทำให้เกิดเป็นเรื่องยุ่งยาก ทำให้การรักษาฮูหยินผู้เฒ่าล่าช้า จวนฉังอันโหวก็คุ้มหัวท่านไม่ได้”
“ฉินหลิวซีพาเถิงเจาเดินเข้ามาใกล้ที่ด้านหน้า กวาดตามองทีหนึ่ง “เส้นหลอดเลือดสมองอุดตันกะทันหัน นำนางนอนลงพื้นราบเถิด ไม่อย่างนั้นเลือดในหัวใจจะยิ่งอุดตันมากขึ้น ประคองนางแบบนี้ไม่ต้องรอให้กลับถึงจวนหรอกตอนนี้หมอก็ไม่จำเป็นแล้ว”
ทุกคนหน้าถอดสี
คนคุ้มกันจ่อกระบี่ที่คอของฉินหลิวซี สายตาคมกล้า “น้องชายใจกล้ายิ่งนัก”
สยงเอ้อร์กับจิ่งเสี่ยวซื่อตกใจชะงักไป อดไม่ได้อยากจะเข้าไปขวางที่ตรงหน้าฉินหลิวซี “มีอะไรค่อยๆ คุยกันอาวุธไม่มีตา อย่าได้ขยับกระบี่ มืออย่าได้สั่นเป็นอันขาด”
ฉินหลิวซีที่ถูกกระบี่จ่อคอสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด มองคนคุ้มกันตาขวาง นางใช้นิ้วมือปัดกระบี่บางๆ เล่มนั้น ขยับมันออกโดยไม่ต้องใช้แรง “เจ้าไร้มารยาทต่อข้าเช่นนี้ ค่าตรวจรักษาต้องคิดแพงหน่อยแล้ว”
คนคุ้มกันหน้าถอดสี ไม่ใช่เพราะคำพูดของฉินหลิวซี แต่เพราะนางออกแรงเพียงนิดก็สามารถปัดกระบี่ของเขาออกไปได้
ภายในรถม้า เด็กสาวสีหน้าขาวซีดคนหนึ่งได้ฟังคำพูดของซิ่วกู นางกัดริมฝีปาก “พี่เซียว ปล่อยนาง” เด็กสาวมองไปยังฉินหลิวซีพลางกล่าว “ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร หากท่านสามารถช่วยท่านย่าได้ พวกเราตระกูลลิ่นจะต้องซาบซึ้งในบุญคุณ แต่หากท่านถ่วงเวลาการรักษาท่านย่าของข้า พวกเราตระกูลลิ่นก็จะไม่ปล่อยท่านไว้เหมือนกัน”
“คุณหนู” เซียวอวี๋ย่นคิ้ว เขาไม่เชื่อสายตา
สยงเอ้อร์กล่าว “แม่นางลิ่น ท่านนี้คือท่านเจ้าอาวาสน้อยแห่งอารามชิงผิงผู้โด่งดังในเมืองหลี แต่งกายอย่างเสวียนเหมินก็เพราะออกบวช ไม่มีทางเอาชีวิตคนมาล้อเล่น”
อะไรนะ เป็นนักบวช? สีหน้าทุกคนในที่นั้นเปลี่ยนไปอีกครั้ง
เซียวอวี๋แทบจะขับรถม้าออกไปด้วยตัวเอง เขาเชื่อไม่ลง
ฉินหลิวซีเอ่ย “พอเถอะอย่าเถียงกันไปเถียงกันมาเลย เดี๋ยวจะยิ่งไม่ได้การ”
รถม้านั่นมีขนาดใหญ่ ฉินหลิวซีต้องกระโดดขึ้นไป นางนั่งลงข้างๆ ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าจับข้อมือขึ้นมาตรวจดูชีพจร เป็นอย่างที่คิดไว้ นางปลดผ้าคาดเอวออกหยิบถุงใส่เข็มออกมากาง หยิบเข็มทองออกมาหมุนดูประกายเข็มทองวาววับ
แม่นมเฒ่าอดไม่ไหวเอ่ยออกมา ”ท่าน…”
ฉินหลิวซีไม่แม้แต่จะเงยหน้า “ข้ามีนามเต๋าว่าปู้ฉิว พวกสยงเอ้อร์ให้เกียรติเรียกข้าว่าเจ้าอาวาสน้อย”
“ท่านเจ้าอาวาสน้อย ฮูหยินผู้เฒ่าของบ้านเราเจ็บป่วยครั้งนี้ยังมีโอกาสหรือไม่ แม่นมเฒ่าเห็นใบหน้านางสงบนิ่ง รู้สึกวางใจขึ้นมาก “เมื่อสักครู่ก่อนที่ม้าจะตกใจ ฮูหยินผู้เฒ่ากุมศีรษะบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย เมื่อม้าตื่น แม้รถม้ายังมั่นคง แต่อยู่ๆ นางก็สลบไป”
“นางมีอาการหยางของตับแกร่งขึ้นสู่ส่วนบน เส้นโลหิตในทรวงอกเกิดการอุดตันทำให้ระบบไหลเวียนเลือดส่วนศีรษะไม่ดี เลือดถูกลำเลียงไปอย่างติดขัด ผลสุดท้ายจึงสลบไปอย่างนี้ หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจะต้องให้คนป่วยนอนราบ ห้ามเคลื่อนย้ายโดยพลการ พยายามให้เลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนศีรษะให้มากที่สุด แน่นอนว่ายังมีเวลารักษาได้ทัน ไม่อย่างนั้น…” ฉินหลิวซีหยิบเข็มสีทองขึ้นมาพลางเอ่ย “หากมียาอันกง หยิบออกมาเม็ดหนึ่ง”
แม่นมเฒ่าชะงัก รีบให้เซียวอวี๋ส่งคนกลับเข้าเมืองไปนำมา
“ไม่ทันการ” ฉินหลิวซีเอ่ยกับเถิงเจาที่ยืนอยู่ข้างรถม้า “ไปหยิบกล่องยาของข้ามา”
สยงเอ้อร์ “ข้าไปเอง” เขาหายวับไปราวกับควัน พุ่งเข้าไปข้างในรถม้านำกล่องยาของฉินหลิวซีกลับมา
ฉินหลิวซีหยิบเข็มขึ้นมาก่อน กดหาจุดสำหรับปักเข็ม ในขณะที่กำลังจะลงเข็ม แขนของนางถูกแม่นางลิ่นจับไว้
ฉินหลิวซีหันหน้าไปมอง ใบหน้าของแม่นางน้อยซีดขาวยิ่งนัก สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางมองตาไม่กะพริบ กัดริมฝีปากจนห้อเลือด “ท่านมีความสามารถจริงๆ ใช่หรือไม่”
ไม่โทษที่นางยังไม่เชื่อ แม้มีพวกจิ่งเสี่ยวซื่อรับรอง แต่ฉินหลิวซีเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบกันมาก่อน ที่สำคัญคือ ดูแล้วฉินหลิวซีอายุไม่เท่าไหร่ นางไว้ใจให้ตรวจรักษาเป็นความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวงนัก ถ้าหากฉินหลิวซีไม่มียานั่น แล้วยังถ่วงเวลาการรักษาท่านย่าจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ นางจะกลายเป็นคนบาป คนอกตัญญู จนไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้อีกแล้ว
ดังนั้นการตัดสินใจของนางตอนนี้จึงมีชีวิตเป็นเดิมพัน
ฉินหลิวซีเห็นนางเหงื่อออกเต็มหน้าผาก จึงยิ้มให้พลางเอ่ย “ข้าไม่ทำเรื่องที่ไม่มีโอกาสเป็นไปได้” นอกเสียจากว่าจำเป็นต้องทำ
ในขณะที่กำลังพูด เข็มในมือปักลงไปที่จุดจี๋เฉวียน เน่ยกวน และชวีฉือ หมุนเข็มลงช้าๆ
นั่นทำให้หมอหญิงซิ่วกูมองตาไม่กะพริบ เมื่อฝังเข็มแล้ว ร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าค่อยๆ ขยับขึ้นมา ทำเอาคนรอบข้างส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ รีบเอามืออุดปากตัวเองไว้
“เส้นเลือดสมองอุดตันกะทันหัน ต้องกระตุ้นให้แขนขาผู้ป่วยเกิดการสั่นสะเทือน” ฉินหลิวซีอธิบายพลางฝังเข็มลงไปที่จุดซานหยินเจียวที่อยู่บริเวณข้อเท้าด้านใน “เมื่อแขนขาเกิดการสั่นสะเทือน จะทำให้กล้ามเนื้อของคนป่วยผ่อนคลายลง ไม่หดเกร็งจนทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้อย่างราบรื่น”
ขณะที่พูด นางยังฝังเข็มลงบนจุดอิ้นถังที่บนใบหน้า “เส้นเลือดสมองอุดตัน ต้องทำจิตใจผ่อนคลาย ปลุกสมองให้ตื่น ถึงจะทำให้มีสติรู้ตัวกลับมาได้ แล้วรีบรักษาในขั้นต่อไป” นางฝังอีกเข็มลงไปที่กลางกระหม่อมในขณะที่ดวงตาของหมอหญิงไหวระริก
ภายในรถม้า บรรยากาศอึดอัดกดดันจนแทบทนไม่ไหว
อยู่ๆ ฉินหลิวซีท่องบทสวดขับไล่สิ่งชั่วร้าย รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้หายดีออกมาเป็นทำนอง เสียงสวดมนต์เบาๆ ลอยออกมาจากตู้รถม้า ราวกับสายน้ำเย็นหลั่งไหลเข้าไปแทนที่ ทำให้จิตใจร้อนรนของคนผ่อนคลายและสงบลง
แม่นางลิ่นมองดูท่านย่า หลังจากฝังเข็มแล้ว สีหน้าซีดราวกับแผ่นกระดาษเมื่อสักครู่ค่อยๆ คลี่คลายไป สีหน้านางจึงสงบเย็นลง อดดีใจไม่ได้
นางหันไปมองฉินหลิวซีโดยไม่รู้ตัว หลังจากที่ฉินหลิวซีเข้ามาในตู้รถม้า ตั้งแต่ต้นจนจบนางสงบนิ่ง ไม่มีท่าทางเร่งรีบหรือร้อนรน อดทึ่งในความสามารถและเกิดความเลื่อมใสไม่ได้
ในขณะที่ค้างเข็มเอาไว้ ฉินหลิวซีรับเอากล่องยามาเปิดออก ค้นหาในกล่องได้ขวดมาขวดหนึ่ง
แม่นมเฒ่ามองไป ขวดนั้นเป็นขวดแก้วธรรมดา ข้างในขวดมียาที่เคลือบด้วยขี้ผึ้งอยู่สองสามเม็ด
ฉินหลิวซีเทออกมาเม็ดหนึ่ง แล้วเก็บขวดลงในกล่องยาอย่างไม่ใส่ใจ ใช้นิ้วเขี่ยขี้ผึ้งออก แล้วเอ่ยว่า “ฟื้นแล้วพอดีกินยาได้”
หลายคนในที่ในที่นั้นต่างตะลึงงั้น มองไปอย่างไม่รู้ตัว เป็นดังที่กล่าว ฮูหยินผู้เฒ่าค่อยๆ ลืมตาขึ้น