คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 530 ท่านกล้ามากที่พูดออกมา!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 530 ท่านกล้ามากที่พูดออกมา!

ดวงตาของฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าค่อยๆ มองเห็นชัดขึ้น ภาพที่ปรากฏในม่านตาคือดวงตาใสกระจ่างคู่หนึ่ง สวยงามและเฉียบคมอย่างยิ่ง

“เจ้า…” เสียงของนางแหบแห้งดังขึ้นแล้วหายไป คิ้วขมวดขึ้น และรู้สึกปวดศีรษะอย่างมาก

ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านอย่าเพิ่งพูด บนใบหน้ายังมีเข็มคาไว้อยู่ ท่านเกิดอาการเส้นเลือดในสมองอุดตันเฉียบพลันจึงเป็นลมหมดสติไป ข้าฝังเข็มให้ท่านแล้ว จากนี้ต้องค่อยๆ บำรุงรักษาร่างกาย อย่าให้มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ”

ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่ากะพริบตา

ครบระยะเวลาที่คาเข็มไว้ ฉินหลิวซีถอนเข็มที่ใบหน้าออกก่อน ให้หมอหญิงพยุงนางลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน ส่วนตัวเองใช้นิ้วเขี่ยเอาขี้ผึ้งออกจากเม็ดยา ป้อนเม็ดยาอันกงใส่ปากให้นาง

แม่นมเฒ่ายื่นน้ำอุ่นให้นางดื่มพลางเอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ยานี้คือ?”

“ยาอันกงอย่างไรเล่า” ฉินหลิวซีตอบ

แม่นมเฒ่าร้องออกมาคำหนึ่ง ใช้ขวดแบบนั้นเก็บยาลวกๆ ยานั่นน่าจะมาจากร้านยาอื่น อันที่จริงยาอังกงไม่เพียงเป็นยาหายากที่ราคาแพงกว่ายาทั่วไปมาก เพียงแต่ขี้ผึ้งนั่นรู้สึกคุ้นตายิ่งนัก

เมื่อกินยาเข้าไปแล้ว ฉินหลิวซีให้ซิ่วกูประคองฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าลงนอนราบ

แม่นางลิ่นเห็นท่านย่ากินยาเข้าไปแล้วยิ่งรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม เอ่ยด้วยรอยยิ้มเกลื่อนไปทั่วใบหน้า “ท่านย่า ท่านทำให้ข้าตกใจเกือบตาย”

ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าส่งสายตาปลอบโยนให้ แล้วมองไปยังฉินหลิวซี ดวงตาเต็มไปด้วยความอยากรู้

แม่นมเฒ่าจึงเล่าที่มาของฉินหลิวซีให้ฟังโดยย่อ

ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าตกใจยิ่งนัก ความสามารถของหมอที่เป็นนักพรตเต๋าร้ายกาจถึงเพียงนี้?

แม่นางลิ่นถาม “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ท่านย่าของข้าตอนนี้หายแล้วใช่หรือไม่”

ฉินหลิวซีหุบยิ้ม “จะเป็นไปได้อย่างไร นางมีอาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน หากช่วยไม่ทัน จะต้องเสียชีวิต ตอนนี้ข้าเพียงช่วยให้นางพ้นวิกฤตความตายเท่านั้น หลังจากนี้จะต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง ก่อนอื่นจะต้องรักษาให้เส้นเลือดในศีรษะไม่เกิดการอุดตัน หากความดันสมองขึ้นมาอีก ก็จะทำให้เกิดอาการอย่างเมื่อสักครู่ ยิ่งอันตรายกว่าเดิม”

ซิ่วกูถาม “ความดันสมองคือ?”

“อ้อ ก็คืออาการหยางของตับแกร่งขึ้นสู่ส่วนบน ความดันของเลือดจึงสูงขึ้น ที่ศีรษะก็ไม่เว้น ธรรมดามักเกิดอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ สุดท้ายหมดสติไป” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อว่า “ดังนั้นคนสูงอายุทางที่ดีอย่าให้อารมณ์เหวี่ยงขึ้นลงมาก รักษาใจให้สงบ เครื่องดื่มก็จะต้องให้จืดหน่อย อย่ากินเนื้อที่มีไขมันมาก อีกทั้งฮูหยินผู้เฒ่าคะเนว่าสมัยยังสาวตรากตรำทำงานหนัก กระดูกในร่างกายสะสมโรคเก่ามาเป็นเวลานาน ยังดีที่มีหมอที่มีชื่อเสียงคอยรักษา ร่างกายจึงยังไม่ถึงกับเสื่อมสภาพไปมาก ไม่เช่นนั้นแล้วไม่แน่ว่าท่านจะผ่านด่านนี้ไปได้”

ซิ่วกูมองฉินหลิวซีด้วยสายตาแรงกล้า “ถ้าอย่างนั้นโรคนี้สามารถรักษาได้หรือไม่”

ฉินหลิวซีนิ่งไปครู่หนึ่ง ทุกคนรอคอยใจจดใจจ่อ

กลับเป็นฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าที่ส่งสายตาอบอุ่นอ่อนโยนมาให้ตลอด ราวกับไม่ได้พูดถึงโรคภัยไข้เจ็บของตัวเอง เป็นหรือตายเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว

ฉินหลิวซีมองสายตาอันอ่อนโยนนี้ “ฮูหยินผู้เฒ่าอายุไม่น้อยแล้ว แม้จะได้รับการบำรุงร่างกายมาโดยตลอด แต่ร่างกายเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ไม่สามารถเกิดใหม่ได้ ได้แต่รักษาความอบอุ่นเอาไว้ไม่ให้มันเสื่อมไปจนใช้การไม่ได้ โรคนี้รักษาได้หรือไม่ จะว่ารักษาได้ก็ได้ แต่กระบวนการรักษาแต่ละขั้นตอนมีความละเอียดอ่อน ยาก็ต้องกินเป็นประจำ ยิ่งอายุมาก เป็นโรคนี้ท่านอย่าหาว่าข้าพูดจาไม่น่าฟัง นี่ก็เท่ากับเข้าแถวรอพบพญายมแล้ว ได้แต่ประคับประคองอย่างระมัดระวังให้มากกว่าเดิม”

เสียงของนางไพเราะน่าฟัง แต่ไม่มีใครฟังแล้วรู้สึกว่าไพเราะ จิ่งเสี่ยวซื่อที่ยืนอยู่ข้างรถม้าใช้หลังมือปาดเหงื่อ มองไปยังสีหน้าดำคล้ำของคนคุ้มกันและคนรับใช้หญิง อยากจะส่งรอยยิ้มให้ แต่ทำอย่างไรก็ยิ้มไม่ออก

ท่านกล้ามากที่เอ่ยออกมา ตรงไปตรงมาไม่มีอ้อมค้อม!

ภายในรถม้า แม่นางลิ่นสองตาแดงก่ำ น้ำตาไหลออกมาจากดวงตา แต่ไม่กล้าร้องไห้ออกมา กลัวจะเป็นลางไม่ดี

ซิ่วกูเม้มปากแน่น ตำราแพทย์แผนจีนนางเองผ่านตามาแล้ว รู้ดีว่าคำพูดของฉินหลิวซีแม้ไม่น่าฟัง แต่ทั้งหมดที่เอ่ยมาล้วนเป็นความจริง

ทว่าฮูหยินลิ่นผู้เฒ่า เพียงแค่ยกมุมปากขึ้นเท่านั้น นางเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง “ไม่เป็นไร ข้าอยู่มานานมากพอแล้ว”

“ท่านเป็นผู้มีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม แต่ยังไม่อาจเรียกได้ว่าเพียงพอ ถึงอย่างไรสมัยที่ท่านยังสาวก็ใช้ความสามารถไม่น้อยแลกมาซึ่งสถานะที่มีเกียรติสูงส่งในวันนี้ สี่ชั่วคนเสพสุขความมั่งคั่งอย่างมากมายมหาศาล ดังนั้นขณะเดียวกันแม้ไม่กลัวความตาย แต่พยายามรักษาสุขภาพร่างกายให้ดี รักษาสุขภาพจิตใจให้ผ่องใส ไม่แปรปรวนไปตามสุขทุกข์ให้มากเกินไปนัก อยู่ดีอีกวันก็นับว่าท่านกำไรแล้ว” ฉินหลิวซียิ้มพลางช่วยนางดึงเข็มออก บีบนวดอยู่ครู่หนึ่ง เสร็จแล้วถึงได้ตรวจชีพจรให้อีกครั้ง

ที่จริงพื้นฐานร่างกายฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าอ่อนแอสุขภาพไม่ดี สมัยยังสาวทำงานหนัก นางสามารถมีชีวิตยืนยาวมาจนป่านนี้ได้เพราะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีที่สุด และยังได้รับการตรวจชีพจรจากหมอหลวงผู้มีความรู้ทางการแพทย์อันลึกล้ำมาช่วยจัดยาผิงอันฟังให้อยู่บ่อยๆ ของบำรุงร่างกายไม่เคยขาด ถึงได้มีอายุยืนยาวเช่นนี้ หากไม่เป็นดังนี้ ร่างกายนางคงทรุดโทรมเสื่อมสภาพไปนานแล้วเพราะความลำบากตรากตรำ

อย่างที่ได้พูดไปก่อนหน้านี้แล้ว ความเสื่อมสภาพ ไม่ว่าจะรักษาอย่างไรก็ไม่มีทางทำให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอายุเท่านี้ ได้แต่ประคับประคอง ดังนั้นสมรรถภาพของอวัยวะภายในทั้งห้าและอารมณ์ทั้งหกจึงค่อยๆ อ่อนแอลงเพราะพื้นฐานร่างกายแข็งแรงไม่พอ

ฉินหลิวซีรู้ว่าวิชาการแพทย์ของนางใช้ได้ แต่ก็ไม่เก่งกาจจนสามารถนำความเยาว์วัยย้อนคืนมาให้เหมือนกับแม่นางคนนี้ได้

หลังจากฉินหลิวซีตรวจชีพจร จึงให้ซิ่วกูนำกระดาษและพู่กันมา “กลับไปแล้ว หลังจากให้หมอหลวงมาตรวจเรียบร้อย จัดยาตามใบสั่งดื่มสี่เทียบ แล้วก็ขอให้ท่านหมอหลวงช่วยฝังเข็มอังความร้อนให้ จะช่วยปรับสมดุลหยินหยางและการไหลเวียนของเลือด ช่วงนี้อย่าเพิ่งให้ฮูหยินผู้เฒ่าเดินไปไหนมาไหน พักผ่อนอยู่บนเตียง หากอากาศเป็นใจ ก่อนยามเฉินครึ่งชั่วโมงให้ฮูหยินผู้เฒ่ารับแสงแดดยามเช้าได้ แต่อย่าให้นานเกินไปไม่เช่นนั้นจะเวียนศีรษะ

แต่ละอย่างที่กำชับให้ทำ นับว่าละเอียดรอบคอบมาก

แม่นางลิ่นเห็นฉินหลิวซีเก็บเข็มเรียบร้อย ท่าทางนางยังไม่ยอมวางมือ นางมองไปยังท่านย่าของนาง พลางเอ่ย “เจ้าอาวาสน้อย ท่านไม่สามารถรักษาท่านย่าของข้าได้แล้วหรือ”

“ข้าช่วยนางให้พ้นภาวะอันตรายแล้ว ต่อไปเรื่องที่ต้องรักษาร่างกายให้อบอุ่น ท่านหมอจากสำนักหมอหลวงไม่ด้อยในเรื่องนี้ น่าจะใช้ได้” ฉินหลิวซีเอ่ยยิ้มๆ

แม่นางลิ่นได้ฟังแล้วรู้สึกร้อนใจ ฉินหลิวซียังอายุน้อย แต่กลับมีความสามารถยื้อชีวิตท่านย่ากลับมาจากประตูผีได้ เห็นได้ชัดว่านางมีความสามารถสูง ลางสังหรณ์บอกให้นางเหนี่ยวรั้งฉินหลิวซีเอาไว้

ฉินหลิวซีเหมือนว่าอ่านความคิดนางออก จึงเอ่ย “ข้าพักอยู่เมืองเซิ่งจิงไม่นาน จึงไม่สามารถตรวจรักษา ให้ยาผิงอันฟังกับฮูหยินผู้เฒ่าได้ตลอด ท่านคงต้องพึ่งหมอจากสำนักหมอหลวง”

แม่นมเฒ่ากล่าว “อย่างนั้นสั่งยาผิงอันฟังบำรุงร่างกายให้สักหน่อยคงไม่มีปัญหาหรือไม่”

ฉินหลิวซีหัวเราะเบาๆ “กลับกลายเป็นว่าพวกท่านเชื่อถือข้าเสียแล้ว ดูการฟื้นตัวของฮูหยินผู้เฒ่าไปพลางๆ ก่อนเถิด ยาที่สั่งยังไม่ทันได้กินลงไป? ถ้าหากว่าข้าเป็นพวกต้มตุ๋นเล่า”

หากท่านเป็นพวกต้มตุ๋น ข้าก็คือหมอฝึกหัดไก่อ่อนตัวหนึ่ง ซิ่วกูคิดในใจ

ก็จริง นางคลำชีพจรฮูหยินผู้เฒ่า ตอนนี้เต้นแรงกว่าเมื่อสักครู่มาก แล้วฉินหลิวซีทำอะไร นางฝังเข็มอังความร้อนและให้ยาอันกง ยาอันกงเรียกได้ว่าเป็นยาดีอยู่แล้ว แต่การฝังเข็มต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบ และระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะหาจุดฝังเข็มให้ถูกต้อง ต้องฝังให้ตรงจุด

ฉินหลิวซีกลับทำได้เรียบร้อย

“ท่านทำได้เองโดยไม่ต้องมีใครมาช่วย อีกทั้งท่านเจ้าอาวาสน้อยผู้นี้ทุ่มเทดูแลท่านย่าอย่างดี” ทันใดนั้นเอง ที่ด้านนอกรถม้าพลันได้ยินเสียงที่อ่อนโยนดังก้องเข้ามา

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท