บทที่ 109 ลงสนามและพูดตอบ
อีกฝากฝั่งหนึ่งนั้น เจียงฮ่าวกําลังจ้องมองไปยังป้ายคะแนนที่ในตอนนี้แสดงคะแนนอยู่ที่ 6 : 45 โดยฝั่งของหลิวเบียวทําได้เพียง 6 คะแนน และฝั่งโรงเรียนเทียนเหอที่หนึ่งนั้นทําได้ 45 คะแนน
เมื่อเจียงฮ่าวเห็นแต้มคะแนนนี้ทําให้เขารู้ได้ในทันทีว่าทําไมหลิวเปียวถึงได้ร้อนรนนัก
ด้วยแต้มขนาดนี้ เอาจริงๆไม่จะเป็นต้องเล่นต่อก็ได้ด้วยซ้ํา
ในตอนนี้เอง หลิวเปียวก็ได้ชี้ไปที่คนที่ใส่เสื้อกีฬาหมายเลขแปดที่ในตอนนี้ถูกรายล้อมด้วยคนอื่นๆที่ตอนนี้กําลังมองมาที่พวกตนและกระซิบกระซาบกันอยู่
“ท่านอาจารย์ ไอ้หมายเลขแปดนั่นแหล่ะที่เป็นคนนอก พวกมันดึงตัวมาแข่งโดยเฉพาะ”
เจียงฮ่าวได้มองไปตามทิศที่นิ้วชี้ไปก็เห็นหมายเลขแปดที่กําลังนั่งพักอยู่ตรงกลางท่ามกลางนักกีฬาคนอื่น
คนๆนั้นใส่เสื้อยืดและตัวค่อนข้างสูง ใบหน้าของมันนั้นเต็มไปด้วยตุ้มเจาะ และที่แขนของมันเต็มไปด้วยรอยสัก แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีแต่อย่างใด
เป็นตอนนี้ที่หลิวเปียวได้พูดต่อ
“ผมได้ยินมาว่าไอ้หมอนั่นเป็นคนจากสมาคมบาสเก็ตบอลของเมืองนี้ และพวกเรา เองก็โดนมันเล่นตุกติกอย่างตั้งใจหลายครั้ง ท่านอาจารย์โปรดล้างแค้นให้ด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงฮ่าวที่มองไปยังหมายเลขแปดอยู่ก็ประหลาดใจขึ้นมาในทันที เจ้าหมายเลขแปดคนนี้ไม่ว่าดูยังไงก็ยังอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกเขา เขาไม่คิดว่าคนๆนี้มาจากสมาคมนักกีฬาของเมืองเทียนเหอ
หลิวเปียวเองที่เห็นเจียงฮ่าวมองไปที่หมายเลขแปดด้วยความประหลาดใจนั้น ก็เกิดความเข้าใจ ด้วยการที่เขานั้นก็อยากจะให้อาจารย์ของเขาคนนี้มองเขาแบบนี้บ้างเหมือนกัน ก็เลยลองทําท่าทางตามดูบ้าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิวเปียวได้ทําตามไปแล้วนั้น ท่าทางของเขานั้นกลับดูเป็นสถุลมากกว่าดูเท่ห์แบบฝั่งตรงข้ามไปโดยปริยาย
เมื่อเจียงฮ่าวได้เห็นหลิวเบียวก็ถึงกับพูดไม่ออก เขาได้ใช้มือของตนวางพาดไปที่หน้าของหลิวเปียวก่อนที่จะผลักออกไป และได้ทําการเดินลงไปในสนามทันที
นี่เองทําให้หลิวเบียวในตอนนี้สายตาเต็มไปด้วยความน้อยใจ ก่อนที่จะแตรียมที่จะเดินลงไป เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม เป็นตอนนี้ที่เสียงของเจียงฮ่าวได้ดังขึ้นมา
“รีบๆไปบอกกรรมการสิว่าทีมของเราจะเปลี่ยนตัวน่ะ”
หลิวเปียวที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจแต่ก็อดที่จะถามออกมาใช้แน่ใจไม่ได้
“อาจารย์ ท่านจะลงจริงๆเหรอ”
เจียงฮ่าวได้หินมาและจ้องมองไปที่หลิวเชียว
“ถ้านายจะให้ฉันลงก็รีบๆไปจัดการซะ หยุดหายใจทิ้งถ่วงเวลาไปเฉยๆได้แล้ว”
“หรือนายคิดว่าฉันไม่ควร”
หลิวเปียวตัวสั่นระริกในทันที แต่นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขากําลังโกรธ แต่เป็นเพราะเขานั้นมีความสุขแบบสุดๆและได้รีบวิ่งไปหากรรมการในทันที
ไม่นาน หลิวเปียวก็วิ่งกลับมา และเป็นตอนนั้นที่กรรมการได้เปานกหวีด
การประกาศศักดาจึงได้เริ่มขึ้นนับจากนี้
ในสนาม เจียงฮ่าวได้เปลี่ยนตัวกับหมายเลขหกของทีมนักกีฬาโรงเรียนของพวกเขา
และในทันทีที่เสียงสัญญาณนกหวีดดังขึ้น เจียงฮ่าวและหลิวเปิยวก็ได้ก้าวลงสนาม
เมื่อหลิวเปียวได้เห็นเจียงฮ่าวที่ในตอนนี้ใส่เสื้อหมายเลขหกอยู่ข้างเขาก็บังเกิดความรู้สึกมั่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“หลิวเปียว ตอนแรกก็เล่นไปตามแผนที่เล่นไปก่อนหน้านี้นะ ส่วนฉันจะลองไปทดสอบหมายเลขแปดนั่นสักหน่อย ส่วนคนที่เหลือก็ตามประกบตามแผนไป”
หลิวเปิยวรีบรับคําสั่งในทันที
ในตอนนี้ หลิวชวนเว่ยที่เห็นเจียงฮ่าวที่ในตอนนี้กําลังยืนอยู่ข้างหลิวเปียวนั้นก็อดที่จะประหลาดใจและกล่าวเยาะเย้ยถากถางไม่ได้
“หลิวเปียว แกคงเสียสติไปแล้วจริงๆสินะ แกถึงคิดว่าจะพลิกเกมได้เพียงเพราะไอ้หัวกะทิแบบนี้”
“ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ การที่ไอ้หัวกะทิแบบแกมาลงสนามแบบนี้ ฉันเองก็ไม่อยากจะ พูดหรอกนะแต่ที่นี่ไม่ใช่สนามสอบนะโว้ยยยย ต่อให้แกเรียกคนออกข้อสอบมาก็อย่าได้หวังจะได้ ทําคะแนนได้เลยสักแต้ม”
เมื่อหลิวเปียวได้ยินแบบนั้นก็เตรียมจะพูดตอบโต้ออกไป
แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะโดนเจียงฮ่าวดึงและเป็นคนที่พูดออกมาแทน
“กับไอ้ปากหมาแบบนี้สวนอะไรไปก็เท่านั้นล่ะน่า นายเก็บแรงไว้แข่งดีกว่าจะมาปะทะคารมแบบนี้”
คําพูดของเจียงฮ่าวนั้นทําให้หยางชวนเว่ยถึงกับพูดไม่ออกในทันที
ในตอนนี้ หมายเลขแปดที่ยืนอยู่ในสนามข้างๆหยางชวนเว่ยแล้วนั้นเมื่อได้เห็นเจียงฮ่าวแล้วก็ได้มีท่าที่ประหลาดใจออกมา
มันมองเจียงฮ่าวด้วยท่าที่แสดงออกราวกับคลับคล้ายคลับคลาอะไรบางอย่าง แต่ไม่ว่านึกยังไงก็นึกไม่ออก
และในตอนนี้ เมื่อผู้เล่นได้ลงสนามกันหมดแล้ว กรรมการก็ได้เปานักหวีดให้สัญญาณเริ่มเกมการแข่งต่อในทันที
เมื่อผู้ชมในสนามได้เห็นเจียงฮ่าวนั้นก็มีทั้งคนที่ดีใจจนกรื้อกร้าดและกังวล
“ฉิบหาย ทําไมเจียงฮ่าวถึงพึ่งมาลงเอาปานนี้ล่ะ แล้วเขาจะตีตื้นได้เหรอ”
“นั่นสิ ไอ้หมายเลขแปดนั่นเก่งมากเลยนะ เจียงฮ่าวจะไหวเหรอ”
“…”