คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 534 ไปเยี่ยมที่จวนเพื่อพาคนออกมา

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 534 ไปเยี่ยมที่จวนเพื่อพาคนออกมา

สยงเอ้อร์กับจิ่งเสี่ยวซื่อถูกนายท่านใหญ่ตระกูลลิ่นรั้งไว้กินอาหารเป็นเพื่อน ทั้งสองคนล้วนมองไปที่ประตูอยู่บ่อยครั้ง ค่อนข้างใจลอยเล็กน้อย

เมื่อลิ่นชิงฝานเห็นว่าทั้งสองคนท่าทางราวกับนั่งอยู่บนพรมเข็ม ก็อดเม้มริมฝีปากไม่ได้ บุตรชายคนโตตระกูลสยงเป็นขุนนางอยู่นอกเมือง และประสบความสำเร็จมากมาย ในขณะที่บุตรชายคนรองตระกูลสยง ซึ่งก็คือสยงเอ้อร์ เป็นจอมเสเพลไร้สมองที่ไม่มีอะไรนอกจากพละกำลังอันดุร้าย ตอนนี้ดูแล้วนับว่ามีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์มากกว่าจอมเสเพลตระกูลอื่น เป็นคนซื่อสัตย์

ส่วนจิ่งซื่อ วันนี้เขาพึ่งได้ยินมาว่าเกิดความวุ่นวายที่จวนฉังอันโหวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าน้องชายผู้นั้นของเขาจะไม่ค่อยดีนัก แต่เขากับสยงเอ้อร์กลับมีนิสัยที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน

ลูกพี่ลูกน้องคู่นี้นับว่าไม่เลวเลย

“มาแล้ว” สยงเอ้อร์ลุกขึ้นยืนในทันที

ลิ่นชิงฝานหันไปมอง เห็นว่าท่านพ่อเดินมากับฉินหลิวซี ดูท่าทางสงบนิ่ง จึงอดลุกขึ้นยืนด้วยไม่ได้ มองสำรวจฉินหลิวซีอย่างละเอียด

เป็นนางที่ช่วยชีวิตท่านย่าไว้ ได้ยินมาว่าเป็นนักพรตหญิง

ลิ่นชิงฝานเพียงแค่เหลือบมองจากนั้นก็ละสายตาไปทางอื่น เดินมาอยู่ตรงหน้าเสนาบดีลิ่นแล้วโค้งคารวะ “ท่านพ่อ”

สยงเอ้อร์คารวะอย่างลวกๆ มองไปยังฉินหลิวซี เมื่อเห็นว่านางมีท่าทางผ่อนคลาย หัวใจที่ตึงเครียดของเขาก็ผ่อนคลายลง

“เปลี่ยนอาหารบนโต๊ะ ข้าจะดื่มกับท่านเจ้าอาวาสน้อยสักสองจอก” เมื่อเสนาบดีลิ่นเห็นว่าอาหารถูกกินไปแล้วจึงได้กำชับให้บุตรชายคนโตไปจัดเตรียม

ลิ่นชิงฝานยิ่งประหลาดใจมากขึ้น ท่านพ่อให้ความสำคัญกับนักพรตหญิงผู้นี้เป็นอย่างมาก เขาเดินไปที่หน้าประตูแล้วกำชับบ่าวรับใช้

ผู้ดูแลเดินเข้ามารายงานว่า “ท่านเสนาบดี ใต้เท้าสยงแห่งกรมกลาโหมมาแล้วขอรับ”

“อ้อ?” เสนาบดีลิ่นยิ้ม “มาได้เวลาพอดี เปลี่ยนอาหารบนโต๊ะใหม่แล้วจะได้ดื่มด้วยกันสักสองจอก ไปเชิญเขาเข้ามาเถิด”

สยงเอ้อร์ “?”

ท่านพ่อมาที่นี่ แย่แล้ว!

ตอนที่ใต้เท้าสยงรู้ว่าสยงเอ้อร์กลับมาแล้ว เขากำลังหวีเคราที่สวยงามของเขาด้วยหวีขนาดเล็ก แต่ในเวลาต่อมาก็ได้ยินว่าเจ้าเด็กคนนั้นพาเสี่ยวซื่อไปสร้างปัญหาใหญ่ให้กับเขาเสียแล้ว ทำเอาตกใจจนดึงเคราสวยๆ หลุดมาสองสามเส้น แต่กลับไม่มีเวลามาสนใจแล้ว รีบให้ฮูหยินเตรียมของขวัญไปเยี่ยมที่จวนเพื่อพาคนออกมา

เขาตื่นตระหนกตลอดทางที่มา กลัวว่าหากมีสิ่งผิดพลาดกับฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลลิ่นขึ้นมา ตระกูลสยงของพวกเขารับผิดชอบไม่ไหวจริงๆ

เจ้าเด็กดื้อสยงเอ้อร์ผู้นี้ กลับไปจะต้องถูกกักขังอย่างแน่นอน

พาเสี่ยวซื่อหนีไปใกล้จะหนึ่งปีแล้ว ตรุษจีนก็ยังไม่กลับมา เที่ยวเล่นร่าเริงอยู่ข้างนอก สุดท้ายเมื่อกลับมาก็สร้างปัญหาใหญ่ให้เขา

ลูกทรพี

ใต้เท้าสยงเดินตามผู้ดูแลไปที่ฃโถงบุปผาด้านหน้าอย่างสั่นเทา เมื่อเห็นสยงเอ้อร์ที่อยู่ข้างหลังห่างจากเสนาบดีลิ่นหนึ่งก้าว ก็ก้าวพุ่งเข้าไปหาทันที คว้าหูของเขา ทุบตีไม่หยุด

“เจ้าลูกไม่รักดี ไปเที่ยวเล่นข้างนอกไม่สนใจครอบครัวก็ไม่เป็นไร แต่พอกลับมาก็มาสร้างปัญหา ข้าจะตีเจ้าให้ตาย” ใต้เท้าสยงตีไปด่าไป “เจ้ายังกล้าไปขวางรถของฮูหยินผู้เฒ่าจวนเสนาบดีไม่ยอมให้ไป กระทั่งพูดจาโอหัง คนโง่อย่างเจ้าเก่งขนาดนี้เหตุใดไม่ขึ้นสวรรค์ไปเสียเลย”

สยงเอ้อร์ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด “ท่านพ่อ ท่านพ่อเบามือหน่อย ท่านตีข้าจนเจ็บไปหมดแล้ว กลับไปท่านแม่ก็จะตีท่านไม่ยอมให้ท่านเข้าห้อง ข้าว่าท่านได้มีน้ำตาแน่”

ทุกคน “…”

นี่คือเรื่องนินทาที่พวกเขาได้ยินมาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน เป็นเรื่องสุดยอดมาก?

ใต้เท้าสยงโมโหมาก ลงมือหนักขึ้นเรื่อยๆ “เจ้าพูดอีกรอบ เจ้าลองดื้อดึงกับข้าสิ”

สยงเอ้อร์ส่งเสียงร้อง

เมื่อเสนาบดีลิ่นรู้สึกสนุกพอแล้ว ก็กระแอมแล้วจึงเอ่ย “เอาล่ะ ใต้เท้าสยงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ บุตรชายมีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์นั้นเป็นเรื่องดี เขาเป็นเด็กดี”

ใต้เท้าสยงคิดในใจ ‘ในที่สุดท่านก็เอ่ยปาก มิเช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะหาทางลงอย่างไรแล้ว’

เจ้าเด็กบ้าไม่มีสมอง แต่เกิดมาพร้อมร่างกายสูงใหญ่ คนแก่ตัวเล็กอย่างเขาทุบตีจนเหนื่อยไปหมด

ใต้เท้าสยงอาศัยสถานการณ์ปล่อยมือจากเขา ก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยพลางยกมือขึ้นคารวะ “เสนาบดีลิ่น เป็นข้าที่ไม่ได้สั่งสอนบุตรชายให้ดี ทำให้เขากระทำการอุกอาจ เสนาบดีลิ่นจะตีหรือจะลงโทษอย่างไรก็ตามแต่ท่าน ข้าจะไม่กล่าวอะไรสักคำ เจ้าลูกทรพี ยังไม่รีบคุกเข่าลงอีก แล้วก็จิ่งเหลียนด้วย ยังไม่คุกเข่าลงอีก โขกศีรษะสำนึกผิดกับท่านเสนาบดี”

เสนาบดีลิ่นรีบกล่าวว่า “ไม่ได้ๆ ความจริงแล้ว หากไม่ใช่เพราะบุตรชายของเจ้ากับหลานชายขวางไว้ และได้แนะนำหมอที่มีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยมท่านหนึ่งให้ ท่านแม่ของข้าคงตกอยู่ในอันตราย เป็นข้าที่ควรจะกล่าวขอบคุณพวกเจ้าจึงจะถูก”

เขาเอ่ยพลางยกมือคารวะใต้เท้าสยง ลิ่นชิงฝานที่ยืนอยู่ข้างเขาเห็นดังนั้นก็โค้งคารวะขอบคุณด้วยเช่นกัน

ใต้เท้าฉยงตกใจจนหลบออกไปเล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านเสนาบดีท่านกำลังทำให้ข้าลำบากใจ มิบังอาจ มิบังอาจ”

เสนาบดีลิ่นยืดตัวตรง กล่าวว่า “นี่เป็นสิ่งที่สมควรทำ ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ไม่สู้มานั่งดื่มด้วยกันสักสองจอกเถิด”

ใต้เท้าสยงกล่าวด้วยความเกรงใจ จากนั้นจึงได้เดินตามเข้าไป ซ้ำยังจ้องสยงเอ้อร์อย่างดุเดือด จากนั้นก็มองไปยังฉินหลิวซีที่กำลังกอดอกดูความครึกครื้น

นี่คือชายหนุ่มที่มีวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมหรือ

เอาเถิด ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาบิดหูลูกไม่รักดีเพื่อสอบสวนสถานการณ์ ใต้เท้าสยงละสายตา เดินตามอยู่ข้างเสนาบดีลิ่นด้วยท่าทางประจบประแจง เอาแต่ถามว่าฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายสถานการณ์มั่นคงแล้ว ใจที่เต้นรัวก็กลับเข้าที่เช่นเดิม

ชีวิตของเจ้าเด็กไม่รักดีทั้งสองรอดแล้ว

เมื่อฉินหลิวซีเห็นท่าทางของใต้เท้าสยงผู้นี้ก็เข้าใจแล้วว่าสยงเอ้อร์เหมือนใคร

เสนาบดีลิ่นอยู่ต้อนรับด้วยตัวเอง บรรยากาศบนโต๊ะก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานทั้งแขกและเจ้าภาพ พวกเขาคุยเรื่องการเลี้ยงบุตร ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องการเมือง บรรยากาศกลมเกลียว

จิ่งเสี่ยวซื่อกลับเงียบไปเล็กน้อย

ฉังอันโหวไม่ได้มา

เป็นเพราะไม่ได้สนใจว่าบุตรชายคนโตอย่างเขาผู้นี้จะเป็นหรือตาย หรือเป็นเพราะติดเรื่องของน้องชายไม่เอาไหนผู้นั้น หากเขารู้ว่าถูกสตรีผู้นั้นนอกใจ จะมีการตอบสนองอย่างไร

จิ่งเสี่ยวซื่อยกจอกสุราขึ้นมาจิบ ปิดบังรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก

ขณะนี้จวนฉังอันโหวยังตกอยู่ในความวุ่นวาย ประการแรกคือคุณชายน้อยเป็นลมหมดสติไปกะทันหัน หมอหลวงเข้าๆ ออกๆ แต่ก็ไม่ได้เห็นผลว่าจะดีขึ้น ต่อมาก็ได้มีนักพรตเต๋าอารามจินหัวมา สุดท้ายนักพรตเต๋าผู้นั้นไม่รู้ว่าทำอะไร ตอนมายังผมดำ ไม่ถึงสองชั่วยาม ทั้งศีรษะกลายเป็นสีขาว สีหน้าเหม่อลอย น่าตกใจเป็นอย่างมาก

ตามที่ฮูหยินฉังอันโหวกล่าว มีคนอยู่เบื้องหลังทำให้บุตรชายของนางถูกผีอำ เป็นเพราะนักพรตเต๋าต้องการจะแก้ไขเรื่องนี้จึงได้เป็นเช่นนี้ น่าเสียดายที่แข็งแกร่งไม่พอ เขาต้องกลับไปที่อารามขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่

ฉังอันโหวจึงทำได้เพียงเชิญบรรดาหมอในเมืองหลวงมาอีกครั้ง น่าเสียดายที่ทุกคนทำอะไรไม่ได้

เมื่อได้รับข่าวจากจวนเสนาบดีลิ่น ฉังอันโหวก็ตกตะลึง จิ่งเหลียนเอาแต่ใจ แม้กระทั่งตรุษจีนก็ยังไม่กลับมา ทำให้เขาโมโหเป็นอย่างมาก แต่เขามีท่านแม่คอยปกป้อง ปล่อยให้เขาสนุกสนานได้ตามอำเภอใจ ฉังอันโหวจึงปล่อยไป

ตอนนี้กลับมาแล้ว แต่กลับไปสร้างปัญหาอยู่ที่จวนเสนาบดีลิ่นงั้นหรือ

ลูกทรพี

ฉังอันโหวโกรธมาก และไม่ได้อยากไปตามตัวที่จวนเสนาบดี หลังจากที่สะใภ้หนิวได้ยินเรื่องที่สยงเอ้อร์กับจิ่งเสี่ยวซื่อไปก่อเรื่องอยู่ที่หน้าประตูเมือง จึงกล่าวเกลี้ยกล่อมว่า “ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นบุตรชายคนโตของท่านพี่ ตอนนี้เสี่ยวซื่อก็เป็นเช่นนี้ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาอีกจะทำอย่างไร”

หากไม่พาคนกลับมา นางจะรู้ได้อย่างไรว่าทางด้านจิ่งเหลียนสถานการณ์เป็นอย่างไร

เมื่อฉังอันโหวได้ยินดังนั้นก็ลังเลเล็กน้อย กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะไปสักหน่อย”

เมื่อเขาออกมาจากจวน สะใภ้หนิวโยนถ้วยชาไข่มุกมัจฉาคู่สองถ้วยด้วยสีหน้ามืดครึ้ม เอ่ยด้วยความโกรธว่า “ซ่อนเก่งจริงๆ ทั้งๆ ที่อยู่ภายใต้สายตาเช่นนี้แล้ว ลูกเลี้ยงของข้าผู้นี้เจ้าเล่ห์จริงๆ”

ไม่ใช่สิ สายลับคนก่อนบอกว่าเขาอยู่ที่เมืองหลีไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงได้กลับมาเร็วเช่นนี้

ในเวลานี้ฉินหลิวซีเอ่ยกับจิ่งเสี่ยวซื่อว่า “เจ้าว่าหากท่านพ่อของเจ้าจะขอให้ข้ารักษาน้องชายไม่เอาไหนของเจ้าผู้นั้น ข้าจะรักษาหรือไม่รักษาดี”

เรื่องราวเริ่มน่าสนใจมากขึ้นแล้ว

จิ่งเสี่ยวซื่อตกตะลึง ก่อนที่เขาจะตอบ ก็ได้ยินผู้ดูแลจวนเสนาบดีมารายงานอีกครั้งว่าฉังอันโหวมาเยี่ยมแล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท