ตอนที่ 538 สิ่งดีที่ไม่เกิด สิ่งที่เกิดไม่ดี
ด้วยการกลับมาของบุตรชายคนโตอย่างจิ่งเสี่ยวซื่อ จวนฉังอันโหวเริ่มกระสับกระส่ายมากขึ้น ทันทีที่จิ่งเสี่ยวซื่อเข้าไปในจวน ก็ไปอาศัยอยู่ที่เรือนของฮูหยินจิ่งผู้เฒ่า ส่วนน้องชายไม่เอาไหนผู้นั้น เขาไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ และไม่สนใจว่าฉังอันโหวจะทำอะไร
จิ่งเฉามีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เมื่อฉังอันโหวยืนยันได้ว่าเขาไม่ใช่บุตรชายของตัวเองก็ยิ่งไม่สามารถอยู่ในจวนได้อีกต่อไป ปรากฏว่าความวุ่นวายดำเนินไปจนถึงกลางดึก สะใภ้หนิวและบุตรชายถูกส่งไป ‘พักฟื้น’ ที่หมู่บ้านในช่วงข้ามคืน
ในเวลานั้นที่อารามจินหัวนอกเมือง เนื่องจากปรมาจารย์ไท่เฉิงฝึกบำเพ็ญจนมั่นคงยิ่งขึ้นภายในเกือบครึ่งปี ในฤดูใบไม้ผลินี้จึงรู้สึกภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เมื่อเห็นนักพรตไท่หยางซึ่งเป็นศิษย์น้องผมเปลี่ยนเป็นสีขาว ผิวหนังเหี่ยวย่นเป็นคนชรา อารมณ์ที่ดีของเขาพลันหายไปในทันที มองศิษย์น้องผู้นี้ด้วยสีหน้าตกใจ
“เจ้าถูกอาคมสะท้อนกลับหรือ ใคร เจ้าไปต่อสู้อาคมกับใครมา เกิดเรื่องใดขึ้น” ปรมาจารย์ไท่เฉิงโกรธมาก มีคนกล้าลงมือกับคนของอารามจินหัวอย่างพวกเขา นี่เป็นการไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
นักพรตไท่หยางกุมหน้าอกด้วยความรู้สึกเจ็บปวดพลางไอสองสามครั้ง กล่าวว่า “เป็นเด็กเมื่อวานซืนกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์หนึ่งตัว ข้าตกหลุมพรางโดยไม่ทันระวัง แต่ตอนนี้นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ศิษย์พี่ช่วยข้าด้วย”
“เจ้าถูกสะท้อนกลับขนาดนี้แล้ว นี่ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกหรือ” ปรมาจารย์ไท่เฉิงขมวดคิ้ว รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “วิชาเต๋าของเจ้าอยู่ที่ระดับเก้าแล้ว แต่ยังถูกสะท้อนกลับ วิชาเต๋าของฝ่ายตรงข้ามนั้นเก่งกาจกว่าเจ้า เป็นเด็กเมื่อวานซืนจริงๆ หรือ”
นักพรตไท่หยางเอ่ยด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “หากไม่ใช่เพราะอาคมของข้าถูกทำลายแล้วสะท้อนกลับ มีหรือที่เขาจะโจมตีข้าได้”
“อาคมอะไร”
นักพรตไท่หยางเม้มริมฝีปาก หลบสายตาเล็กน้อย
ปรมาจารย์ไท่เฉิงเริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ หรี่ตามองเขา ทันใดนั้นก็นึกบางอย่างขึ้นได้ กล่าวด้วยความตกใจว่า “หรือว่าเจ้าฝึกฝนอาคมต้องห้ามเหล่านั้น”
นักพรตไท่หยางก้มหน้าลง
“เจ้าบ้าไปแล้ว!” เมื่อปรมาจารย์ไท่เฉิงเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้ยังจะมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก กล่าวด้วยความโกรธ “พวกเรามาจากเส้นทางคุณธรรม เป็นลูกศิษย์ในทางคุณธรรมอย่างแท้จริง เจ้าฝ่าฝืนคำสั่งของสำนัก ฝึกฝนอาคมต้องห้ามเป็นการส่วนตัวได้อย่างไร”
นักพรตไท่หยางกล่าวโต้แย้งว่า “ศิษย์พี่ ข้าแค่อยากจะฝึกฝนเพื่อเป็นอมตะ และอยากฝึกฝนให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อส่งเสริมชื่อเสียงอารามจินหัวของพวกเรา”
“หุบปาก!” ปรมาจารย์ไท่เฉิงดุด้วยความโมโห “การฝึกฝนความเป็นอมตะ คือความเป็นอมตะอย่างชอบธรรม ไม่ใช่อาคมชั่วร้ายที่ใต้หล้าไม่สามารถยอมรับได้ เจ้าจำอดีตของอารามชิงผิงได้หรือไม่ นักพรตนามว่าชื่อเจินจื่อผู้นั้นมีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเต๋ามากกว่าใครๆ แต่เขาเต็มใจเข้าสู่ลัทธิมารเพื่อฝึกฝนสิ่งที่เรียกว่าเส้นทางสู่สวรรค์ ฝึกฝนอาคมต้องห้ามเหล่านั้น เสวียนเหมินที่อยู่ฝ่ายคุณธรรมในใต้หล้าต่างดูหมิ่น ไม่ได้รับการยอมรับจากสำนัก ถูกประหารในหุบเขาเทียนเจวี๋ย วิญญาณแตกสลาย”
นักพรตไท่หยางแสยะยิ้ม “ข้าย่อมจำได้อยู่แล้ว ว่ากันว่าชื่อเจินจื่อผู้นั้นถูกประหารชีวิต ใครจะไปรู้ว่าเขาตายจริงหรือไม่ ข้าไม่เชื่อว่าเขาไม่มีอาคมปกป้องชีวิตแม้แต่นิด ไม่แน่อาจจะใช้อาคมต้องห้ามบางอย่างแกล้งทำเป็นว่าตายแล้วให้ศิษย์พี่ของเขาผู้นั้นคิดว่าเขาวิญญาณแตกสลายไปแล้ว”
ปรมาจารย์ไท่เฉิงเซถอยหลังด้วยความโกรธ แสยะยิ้มพลางเอ่ย “เจ้ากล่าวเช่นนี้ เพราะอยากจะเป็นเหมือนเขาหรือ”
“ศิษย์พี่ ข้าแค่อยากให้อารามจินหัวของพวกเราแข็งแกร่งกว่าก็เท่านั้น ข้าผิดด้วยหรือ” นักพรตไท่หยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถือสาเอาความเรื่องนี้ ศิษย์พี่ต้องช่วยข้า มีเพียงท่านคนเดียวที่ช่วยข้าได้แล้ว”
“เจ้าใช้อาคมต้องห้ามอะไรกันแน่”
“ขโมยชีวิต”
อะไรนะ
ปรมาจารย์ไท่เฉิงดวงตามืดมน ชี้ไปที่เขาด้วยมือที่สั่นเทา “เจ้าๆๆ เจ้าไม่กลัวถูกสวรรค์ลงโทษหรือ”
ไม่สิ เขาถูกลงโทษแล้ว ดูผลของการสะท้อนกลับนี้สิ อายุไขสั้นลงไปยี่สิบสามสิบปีได้กระมัง
“ตบะของเจ้าก็ถดถอยด้วยหรือ” ปรมาจารย์ไท่เฉิงถามด้วยความตกใจ
นักพรตไท่หยางพยักหน้าด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ หากไม่ใช่เช่นนั้นเขาก็คงไม่คิดขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่
ปรมาจารย์ไท่เฉิงเซอีกครั้ง อยากจะถูกฟ้าฝ่าให้สลบไปเลยจริงๆ
นี่เป็นการโจมตีที่รุนแรงมาก
“เจ้าเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ โง่หรืออย่างไร” ปรมาจารย์ไท่เฉิงโกรธจนควันออกหู กล่าวต่อว่าเขา “อาคมต้องห้ามเช่นนี้เดิมทีใต้หล้าก็ไม่ยอมรับ เมื่ออาคมสำเร็จเจ้าจะต้องรับห้าโทษสามวิบัติ เมื่ออาคมถูกทำลายเจ้าก็จะทรมานจากการสะท้อนกลับ เรื่องที่มีแต่ผลเสียเช่นนี้เจ้าทำได้อย่างไร เจ้าบ้าไปแล้วหรือ อีกฝ่ายสัญญาว่าจะให้ประโยชน์อะไรแก่เจ้า”
ใช่แล้ว มีช่วงหนึ่งที่ดวงตาทั้งสองข้างของไท่หยางไม่สามารถมองเห็นได้ กักตัวอยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือน ก็เพื่อที่จะทำอาคมต้องห้ามเช่นนี้ให้แก่คนผู้นั้นหรือ
“ศิษย์พี่ ข้าไม่มีทางเลือก นั่นคือบุตรชายคนเดียวของข้า หากข้าไม่ช่วยเขา เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ศิษย์พี่ ข้ามีบุตรชายผู้นี้คนเดียว”
ปรมาจารย์ไท่เฉิงสับสนไปหมด เขาไม่มีแม้แต่คู่ในลัทธิเต๋าด้วยซ้ำ ไปมีบุตรชายตั้งแต่เมื่อใดกัน
นักพรตไท่หยางอธิบายว่า “เมื่อสิบปีก่อน ตอนที่ข้าเดินอยู่ในทางโลก เคยอยู่กินกับสตรีนางหนึ่ง…”
ปรมาจารย์ไท่เฉิงสีหน้าแย่ เจ้าหยุดพูดได้แล้ว ข้ายิ่งฟังก็ยิ่งหวั่นใจ
และเมื่อเขาเปิดเผยตัวตนของเด็กคนนั้น ปรมาจารย์ไท่เฉิงก็ดีดตัวขึ้นมาทันที จ้องเขาด้วยใบหน้าซีดขาวพลางกล่าวว่า “หมายความว่าเจ้าทำให้ฉังอันโหวกลายเป็นคนโง่อย่างนั้นหรือ”
ศิษย์น้อง เจ้าเก่งมาก ถึงขั้นไปเป็นชู้กับคนรักของท่านโหว รู้จักรนหาที่ตายจริงๆ
ฉังอันโหว ‘กระบี่ล่ะ กระบี่ข้าอยู่ไหน’
นักพรตไท่หยางเอ่ย “ข้ามีบุตรแค่ครั้งนั้น ศิษย์พี่ ท่านอย่าลืมว่าเมื่อระดับการบำเพ็ญของเราสูงขึ้นเท่าใด ก็จะมีการควบคุมและถ่วงดุลของสวรรค์ หากต้องการมีทายาทก็จะยิ่งเป็นเรื่องยาก ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะมีคู่บำเพ็ญลัทธิเต๋า เพียงแค่อยากบำเพ็ญเต๋า ดังนั้นข้าจึงต้องปกป้องเด็กคนนี้”
“สิ่งใดก็ตามที่ไม่สมเหตุสมผลย่อมไม่สำเร็จ ใครจะรู้ว่าเจ้ากับสตรีผู้นั้นประพฤติตัวดีหรือไม่ เพราะสวรรค์ทนไม่ได้ จึงได้ทำให้เด็กคนนั้นเกิดมาอ่อนแอ… ไม่สิ อาคมถูกทำลาย เจ้ารับผลสะท้อนกลับแล้ว เด็กคนนั้นก็หนีไม่พ้น” ปรมาจารย์ไท่เฉิงมองดูใบหน้าของไท่หยางอย่างละเอียด นับข้อนิ้วทำนาย สีหน้าเริ่มซีดมากขึ้นเรื่อยๆ มีเหงื่อไหลออกมาบนหน้าผาก ลำคอรู้สึกตีบตันเล็กน้อย
การทำนายดวงชะตา หากทำนายนักพรตเต๋าด้วยกัน จะยากกว่าการทำนายดวงคนทั่วไป เมื่อลงมือทำนาย ลมปราณของปรมาจารย์ไท่เฉิงก็จะยุ่งเหยิงเล็กน้อย
ปรมาจารย์ไท่เฉิงเคลื่อนย้ายจุลจักรวาลเพื่อปรับลมปราณ ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ศิษย์น้อง ในเมื่อเจ้าต้องการฝึกบำเพ็ญเป็นอมตะ เหตุใดต้องหมกมุ่นอยู่กับทายาทสืบทอด เจ้าฝึกฝนความเป็นอมตะ แต่กลับอาวรณ์ลูกหลานล้มหายตายจากไปก่อนเจ้าทีละคนเช่นนั้นจะมีความหมายอะไร อย่างไรเสียเด็กคนนั้นกับเจ้าก็มีบุญสัมพันธ์น้อย เจ้าอย่าได้ทำผิดเพราะเหตุนี้อีก จะเป็นการทำลายตบะของเจ้า”
นักพรตไท่หยางสีหน้ามืดครึ้ม “ศิษย์พี่ ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“เด็กคนนั้นมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน” ปรมาจารย์ไท่เฉิงเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “นี่คือผลกรรมที่พวกเจ้าสร้างขึ้นมาเอง มันเป็นชะตาชีวิต”
“ศิษย์พี่!” ใบหน้าของนักพรตไท่หยางเริ่มบูดบึ้งเล็กน้อย เขาไม่เชื่อเรื่องชะตาชีวิต กัดฟันพลางกล่าวว่า “ศิษย์พี่จะมองดูศิษย์หลานของท่านตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นหรือ”
ปรมาจารย์ไท่เฉิงขมวดคิ้ว “ศิษย์น้อง อย่าได้งมงายจนไร้สติ เมื่อไม่สามารถปิดบังชาติกำเนิดของเด็กคนนี้ได้แล้ว ฉังอันโหวไม่มีทางปล่อยไปอย่างแน่นอน”
นักพรตไท่หยางหัวเราะในลำคอ “ข้าจะรอดูว่าเขาจะกล้าทำอะไรกับนักพรตอย่างข้า”
เมื่อปรมาจารย์ไท่เฉิงเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วแน่น ในใจสัมผัสได้ถึงลางร้าย รู้สึกว่าศิษย์น้องที่หาเรื่องใส่ตัวผู้นี้จะนำปัญหาใหญ่มาสู่อารามเต๋า จึงกล่าวว่า “ศิษย์น้อง…”
“แย่แล้ว แย่แล้ว” มีเด็กเต๋าวิ่งล้มลุกคลุกคลานพุ่งเข้ามาจนหมวกเต๋าสีเขียวหล่นลงพื้น เงยหน้าขึ้นกล่าวกับปรมาจารย์ไท่เฉิงว่า “ท่านเจ้าอาวาส แย่แล้วขอรับ มีกลุ่มทหารของทางการมาล้อมอารามเต๋าของพวกเรา บอกว่า บอกว่าจะมาจับปีศาจเต๋า!”
ปรมาจารย์ไท่เฉิง ‘สิ่งที่ดีไม่เกิด สิ่งที่เกิดไม่ดี เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ’