คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 540 ฉังอันโหวได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 540 ฉังอันโหวได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์

เมื่อเห็นว่าฉังอันโหวกำลังจะบุกอาราม ฉินหลิวซีได้ติดยันต์ล่องหนไว้กับตัวเอง ลงมาจากต้นไม้พร้อมกับเฟิงซิวแล้วเดินเข้าไป

“ทำไมข้าไม่มียันต์ล่ะ” เฟิงซิวถามพลางดึงแขนเสื้อฉินหลิวซี

ฉินหลิวซีสะบัดเขาออก “ยันต์ไม่ต้องใช้เงินหรืออย่างไร เป็นถึงปีศาจจิ้งจอกพันปีแม้แต่วิชาล่องหนก็ทำไม่ได้ ก็รีบกลับรังไปฝึกฝนซะ”

เฟิงซิวกัดฟัน ดูทำตัวขี้เหนียวเข้า ยันต์แผ่นเดียวก็ตัดใจให้ไม่ได้

ทางด้านปรมาจารย์ไท่เฉิงเห็นว่าฉังอันโหวกำลังจะบุกเข้ามาจริงๆ โดยไม่สนใจอะไรเลย อดโมโหไม่ได้ “ท่านโหว ที่นี่คืออารามเต๋า ลานเต๋าด้านหลังก็มีผู้ศรัทธาไม่น้อยกำลังศึกษาปฏิบัติเต๋าอยู่ หากเจ้าไปรบกวนเข้า จะรับผิดชอบไหวหรือ”

เขาเอ่ยพลางมองไปยังชาวลัทธิเต๋าที่อยู่ข้างๆ กล่าวว่า “ไปดูแลทางด้านฮูหยินติ้งกั๋วกงผู้เฒ่า หากมีบ่าวรับใช้จวนกั๋วกงเอ่ยถาม ให้อธิบายไปคร่าวๆ อย่าทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจ”

“ขอรับ”

ฉังอันโหวยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่มีในดวงตา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวว่า “เจ้าอาวาสพยายามใช้คนของจวนกั๋วกงมากดดันข้าหรือ ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหากปีศาจเต๋าอารามของท่านทำร้ายคน ยังจะมีใครมาจุดธูปบูชาเทพเจ้าที่นี่อีก”

ปรมาจารย์ไท่เฉิงหน้าชา

“ข้าได้ให้โอกาสแก่เจ้าอาวาสไปแล้ว ขอเพียงแค่มอบตัวไท่หยางผู้นั้นมา ทุกคนก็จะปลอดภัย แต่เจ้าอาวาสกลับปกป้องผู้ที่ทำความผิด เช่นนั้นข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจัดการอย่างยุติธรรม ไปเอาตัวมา” ฉังอันโหวก้าวไปข้างหน้า

ปรมาจารย์ไท่เฉิงสะบัดแส้หางม้า เอ่ยเสียงดังว่า “ฉังอันโหว พวกเจ้าทำตามอำเภอใจ รบกวนเทพเจ้า เช่นนั้นก็อย่าเสียใจภายหลัง”

หลังจากที่เหล่าทหารได้ยินคำขู่นี้ เมื่อเห็นรูปปั้นทองคำของเทพเจ้าในตำหนักใหญ่ด้านหน้า ก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

“อ้อ ข้ามาที่นี่เพื่อจับปีศาจเต๋าที่ลอบทำร้ายบุตรชายของข้าเท่านั้น หากเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นเพราะเหตุนี้ ก็เป็นเพราะวิชาเต๋าอารามของท่านไม่ชอบธรรม ปกป้องผู้ที่ทำชั่วไม่ใช่หรือ อารามเต๋าเป็นเช่นนี้ คาดว่าก็คงไม่มีผู้ศรัทธาแล้วกระมัง” ฉังอันโหวยืนเอามือไขว้หลังพลางแสยะยิ้ม

เมื่อเฟิงซิวเห็นเช่นนี้จึงเอ่ยกับฉินหลิวซี “ดูแล้วฉังอันโหวผู้นี้ก็ไม่ได้โง่ รู้จักใช้ลัทธิปีศาจเต๋ามากล่าวโทษอารามจินหัว พอมีความฉลาดอยู่บ้าง เหตุใดจึงได้ช่วยคนอื่นเลี้ยงบุตรที่ไม่เอาไหนมาตั้งสิบปีโดยไม่รู้ตัว”

ฉินหลิวซีกล่าวว่า “เมื่อถูกสวมเขาคงทำให้เขาตาสว่างขึ้นแล้วกระมัง”

เฟิงซิว ‘เจ้าชนะแล้ว!’

ในที่สุดฉังอันโหวและคนอื่นๆ ก็เข้าไปในอารามเต๋า มาที่วิหารหลักเป็นอันดับแรก เมื่อพวกเขาเห็นรูปปั้นเจ้าลัทธิเต๋าที่ความสูงเกือบหกฉื่อ[1] สัมผัสได้ถึงสายตาที่สงบแต่ทรงพลังคู่นั้น พวกเขาก็ก้าวเท้าเบาลงโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้วิ่งกรูกันเข้าไป

แม้ว่าคนโบราณจะไม่เชื่อเรื่องเทพเจ้าอย่างหมดจด แต่อย่างน้อยก็มีความรู้สึกยำเกรงอยู่บ้าง

เมื่อฉังอันโหวค้นพบสิ่งที่เกิดขึ้นกับจิ่งซื่อ แล้วมองดูสิ่งลึกลับเหล่านี้ ในใจก็รู้สึกรังเกียจ แต่ก็มีความกลัวอยู่เล็กน้อย เพียงแค่ไม่ได้ปรากฏบนใบหน้าก็เท่านั้น

“ไปหามา” ฉังอันโหวกำชับทหารคนสนิท “ระวังคนที่น่าสงสัย จับกุมตัวในฐานะสายลับปีศาจเต๋าทั้งหมด”

ปรมาจารย์ไท่เฉิงโมโห “ฉังอันโหว เจ้าอย่ารังแกกันมากเกินไป”

ฉังอันโหวก้าวไปข้างหน้า โน้มตัวลงมาเล็กน้อย จ้องตาเขาก่อนเปิดปาก “ศาสนาพุทธและลัทธิเต๋าต่างพูดถึงเหตุและผล ดังนั้นผู้ที่รังแกผู้อื่นเป็นศิษย์น้องของเจ้าอาวาสไม่ใช่หรือ หากวันนี้เจ้าไม่มอบตัวเขาออกมา เช่นนั้นในภายภาคหน้าเขาก็อย่าคิดว่าจะได้เจอบุตรชายของเขาอีก จริงสิ ดูเหมือนว่าเด็กนั่นใกล้จะตายแล้ว”

ปรมาจารย์ไท่เฉิงสีหน้านิ่ง

ฉังอันโหวก็ไม่ได้มองเขา เพียงแต่เอามือไขว้หลังเงยหน้าขึ้นมองรูปปั้นเจ้าลัทธิเต๋า ก้าวเข้าไปหยิบธูปสามดอกมาจุดด้วยตัวเอง เอ่ย “เมื่อครู่เจ้าอาวาสพึ่งจะบอกว่าอารามของท่านเที่ยงธรรม สืบทอดคุณธรรม ไม่ทราบว่าเจ้ากล้ากล่าวอีกครั้งต่อหน้าเจ้าลัทธิเต๋าของเจ้าหรือไม่ว่าไม่ได้ลำเอียงเข้าข้างใคร”

ปรมาจารย์ไท่เฉิงตัวแข็งทื่อเล็กน้อย มีความรู้สึกไม่กล้าสบตาเจ้าลัทธิเต๋า

ฉังอันโหวยกธูปขึ้นมาไว้ตรงหน้าอกแล้วคำนับสามครั้ง นำธูปปักลงในกระถางธูปพลางเอ่ย “อารามแห่งนี้มีลูกศิษย์ที่กล้าใช้มนต์ดำทำร้ายผู้อื่น หากท่านมีเมตตา คงไม่ตำหนิที่ข้าบุกเข้ามาในอารามหรอกกระมัง อย่างไรเสียข้าก็กำลังเก็บกวาดให้กับอารามของท่าน”

ฉินหลิวซีแอบยกนิ้วโป้งให้เขา

การเผชิญหน้าครั้งนี้ ฉังอันโหวได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์

“ฉลาดขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ไปทำอะไรอยู่” เฟิงซิวบ่นพึมพำ ทันใดนั้นก็รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ราวกับมีแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้ามาหาเขา ทำให้วิชาลวงตาของเขาผันผวนเล็กน้อย

เมื่อเกิดความเคลื่อนไหว ดูเหมือนปรมาจารย์ไท่เฉิงจะรับรู้ได้ หันมองมาทางเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันที

ฉินหลิวซีรีบแปะยันต์หนึ่งแผ่นบนตัวเฟิงซิว มือทั้งสองข้างร่ายคาถา ทั้งสองหลบออกมานอกวิหารอย่างเงียบๆ

เมื่อปรมาจารย์ไท่เฉิงเปิดดวงตาสวรรค์ เห็นว่าในวิหารไม่มีสิ่งอื่นใดก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เมื่อครู่รู้สึกว่ามีวิญญาณอื่นๆ อยู่ด้วย เป็นเพราะความโกรธที่มีต่อฉังอันโหวจึงทำให้มองผิดไป หรือว่าได้หนีไปแล้ว

ด้านนอกอาราม เฟิงซิวกล่าวว่า “อารามจินหัวไม่ธรรมดาเลย เจ้าลัทธิเต๋าส่องแสงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ด้วย”

“พวกเขามาจากสำนักที่ชอบธรรม ไม่มีทางที่จะไม่มีความศักดิ์สิทธิ์อะไรเลย การฝึกบำเพ็ญของเจ้าอาวาสอารามจินหัวนั้นถึงขั้นสร้างรากฐานแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ย

เฟิงซิวไม่คิดเช่นนั้น “สร้างรากฐานแล้วอย่างไร ก็ยังเทียบท่านไม่ได้อยู่ดี หากไม่ใช่เพราะเจ้าลัทธิเต๋าของพวกเขาแสดงแสงศักดิ์สิทธิ์ คาดว่าคงไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นว่าพวกเราแอบเข้าไป จริงสิ ท่านว่าฉังอันโหวผู้นี้จะได้ตัวไท่หยางมาหรือไม่”

ฉินหลิวซีส่ายหน้า “หากได้ตัวมา หน้าของปรมาจารย์ไท่เฉิงผู้นี้ก็คงถูกตบเสียงดังมาก”

“เช่นนั้นฉังอันโหวจะปล่อยไปหรือ”

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จริงอยู่ที่เขาไม่มีวิชาเต๋ามาต่อกรกับปรมาจารย์ไท่เฉิง แต่เขามีอำนาจ เจ้าว่าเขาเพียงแค่ตั้งด่านอยู่ที่เชิงเขานี้ ปิดกั้นผู้ศรัทธาไม่ให้ขึ้นมาจุดธูปบูชาโดยอ้างว่าเพื่อจับปีศาจเต๋าที่ทำร้ายคุณชายจวนโหว ชื่อเสียงของอารามจินหัวจะเป็นอย่างไร” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อว่า “หากข่าวลือแพร่สะพัดในเมืองสักสองสามวัน ชื่อเสียงที่ดีงามของอารามจินหัวก็จะเละเป็นโคลนตม”

เฟิงซิว “เจ้าอาวาสผู้นี้เสียสติไปแล้ว ทำลายอนาคตของตัวเอง”

“ก็ไม่ใช่เช่นนั้น ปกป้องผู้ทำความผิดก็ไม่ผิด แต่เขาผิดที่อ้างว่าตัวเองมีคุณธรรม แต่ศิษย์น้องในอารามของเขาดันฝึกมนต์ดำ ถือเป็นการตบหน้าตัวเอง ที่เขาไม่กล้าทำอะไรก็เพราะรู้สึกผิด ส่วนฉังอันโหวกลับมีเหตุผลทุกอย่าง” ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ไยคุณชายน้อยตระกูลเขาผู้นั้นจึงได้ป่วยหนัก ต้องรู้ว่าทั้งสองฝ่ายล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ ดังนั้นการที่เขากล้าเอ่ยเช่นนั้นต่อหน้าเจ้าแห่งลัทธิเต๋า เป็นเพราะสิ่งที่เขากล่าวนั้นเป็นความจริง”

เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้ว ปรมาจารย์ไท่เฉิงจึงไม่กล้าทำอะไร เพราะขาดเหตุผล เมื่อฟังคำพูดเหน็บแนมของฉังอันโหวแล้ว ปรมาจารย์ไท่เฉิงจะกล้าสาบานต่อเจ้าลัทธิเต๋าของเขาว่านักพรตไท่หยางไม่ได้ใช้อาคมต้องห้ามหรือ

เขาไม่กล้า!

เมื่อเขาไม่กล้า ก็เหมือนกับมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับเขาไว้แล้ว ทำได้เพียงทนรับความอัปยศอดสูนี้โดยเปล่าประโยชน์

“หากหัวใจเต๋าไม่แข็งแกร่ง การฝึกบำเพ็ญของปรมาจารย์ไท่เฉิงก็ไม่สามารถก้าวไปอีกขั้นได้” น้ำเสียงของฉินหลิวซีแฝงไว้ด้วยความเสียดายเล็กน้อย เพราะเขาถูกนักพรตไท่หยางผู้นั้นทำให้เดือดร้อนไปด้วย

ตามที่คาดไว้ ฉังอันโหวกลับไปด้วยความผิดหวัง แต่เขากลับไม่ได้หงุดหงิดแม้แต่น้อย กล่าวกับปรมาจารย์ไท่เฉิงว่า “หากเขาไม่ออกมา ข้ารอได้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าอาวาสจะรอได้หรือไม่ หรือบางทีเจ้าอาจจะไม่รู้สึกละอายใจต่อเจ้าลัทธิเต๋าผู้เที่ยงธรรมของเจ้า”

เขาออกไปจากอารามพร้อมกับเสียงหัวเราะ ให้คนเฝ้าประตูเขาเพื่อค้นหาตัวปีศาจเต๋า ไม่อนุญาตให้ผู้ศรัทธามาจุดธูปบูชา

ส่วนปรมาจารย์ไท่เฉิงถูกคำพูดของเขาทำให้ตกใจจนนิ้วสั่นระริก หยิบธูปหลายดอกมาจุดบูชาเจ้าลัทธิเต๋า

ทันทีที่ปักลงไป ธูปก็ดับลงพร้อมกันทั้งหมด

ดับธูปไม่รับ เป็นเพราะเจ้าลัทธิเต๋าไม่พอใจเขา

ในที่สุดใบหน้าที่แสร้งทำเป็นสงบนิ่งของปรมาจารย์ไท่เฉิงก็ซีดลง ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง คุกเขาลงบนเบาะ

[1] ฉื่อ 1 ฉื่อ ประมาณ 33.3 เซนติเมตร

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท