ตอนที่ 541 กลายเป็นวาสนาของสตรีในพริบตา
หลังอาหารเช้าของวันรุ่งขึ้น
ฉินหลิวซีมาที่บ้านของของฮูหลินลิ่นผู้เฒ่าเพื่อทำการฝังเข็มรักษาตามที่ตกลงไว้ ทันทีที่เข้าประตูมา ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
“มาแล้ว มาแล้ว” ลิ่นชิงถังจะไปพยุงนาง แต่ก็รู้สึกว่าเสียมารยาทเล็กน้อยจึงคำนับแทน จากนั้นก็แนะนำสตรีที่อยู่ด้านข้าง “ท่านเจ้าอาวาสน้อย เมื่อคืนนี้ค่อนข้างยุ่ง ยังไม่ทันได้แนะนำอย่างเป็นทางการ นี่คือท่านแม่ของข้า พี่สะใภ้ใหญ่ และพี่สะใภ้รอง”
ฉินหลิวซีพยักหน้า ยกมือขึ้นคารวะ “ขอสวรรค์จงประทานพร”
นางเป็นนักพรตหญิง ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็รับรู้ จึงยิ่งเป็นอิสระมากขึ้น หลังจากคำนับซึ่งกันและกัน ฮูหยินลิ่นก็พาฉินหลิวซีเข้าไปในห้องนอนของฮูหยินผู้เฒ่า
หลังจากการพักฟื้นหนึ่งคืน สีหน้าของฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าดูดีขึ้นไม่น้อย มีชีวิตชีวามากขึ้น ฉินหลิวซีจับชีพจรให้นางก่อน จากนั้นจึงฝังเข็มเพื่อเปิดหลอดเลือดในสมองเพื่อให้แน่ใจว่าการไหลเวียนของเลือดราบรื่น
คราวนี้ได้ฝังเข็มที่ช่องท้องของนางอีกด้วย เอ่ยอธิบายว่า “ร่างกายของท่านมีความเย็นสะสมมานานหลายปี ข้าจะฝังเข็มไล่ความหนาวเย็นให้ท่าน ในช่วงฤดูหนาวท่านก็จะรู้สึกดีขึ้น”
“รบกวนนักพรตน้อยแล้ว”
“เป็นหน้าที่ของข้า” ฉินหลิวซีปล่อยเข็มทิ้งไว้ คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเขียนใบสั่งยาอีกใบ จากนั้นก็ค้นกล่องยาของตัวเอง หยิบขวดแก้วออกมา ข้างในบรรจุเม็ดยาขนาดเท่าถั่วเหลือง มอบให้ฮูหยินลิ่นพร้อมกับใบสั่งยา
“ใบสั่งยาพื้นฐานนี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากินวันเว้นวันก็พอ ส่วนขวดนี้คือเม็ดชาสมุนไพรเอ้อจื่อ ช่วยบำรุงร่างกายยืดอายุขัย ส่วนผสมหลักคือเก๋ากี้กับผลไม้ห้ารส แล้วยังมีผลของโสมและสมุนไพรเสริมอื่นๆ ประกอบด้วย สามารถชงใส่น้ำอุ่นดื่มเป็นชาเพียงวันละหนึ่งเม็ด จะช่วยรักษาสุขภาพและเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงได้”
ลิ่นฮูหยินมองไปยังขวดในมือ เอ่ย“ไม่ทราบว่าหนึ่งเม็ดต้องใช้น้ำชงดื่มเท่าใดหรือ”
ฉินหลิวซีชี้ไปยังกาน้ำชาบนโต๊ะในห้อง “ใช้น้ำหนึ่งกาน้ำชาชงก็พอแล้ว”
ฮูหยินลิ่นถามอีกว่า “ข้ารู้มาว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยจะไม่อยู่ในเมืองหลวงนาน หากดื่มชานี้หมดแล้ว ไม่ทราบว่าจะหาซื้อที่ไหนได้อีก”
นางดูปริมาณของขวดนี้ เกรงว่าจะไม่เพียงพอสำหรับสองเดือน
“การกลั่นเม็ดชาสมุนไพรนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ผลไม้ห้ารสกับเก๋ากี้ล้วนหาได้ง่าย การต้มสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ดื่มเป็นชาในฤดูร้อนสามารถช่วยบำรุงร่างกายได้ สิ่งที่แพงในเม็ดชาสมุนไพรนี้ก็คือผลโสม ซึ่งหาได้ยาก” ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่มาปรุงให้ท่านอาจารย์ข้าดื่ม มีจำนวนไม่มาก หากดื่มหมดแล้วก็ต้องรอฤดูออกผลครั้งถัดไป เป็นเพราะมีวาสนาต่อฮูหยินผู้เฒ่า ข้าจึงมอบยาขวดนี้ให้ ช่วงนี้ฮูหยินผู้เฒ่าดื่มยา ก็ไม่จำเป็นต้องดื่มชานี้ รอเมื่อถึงฤดูร้อนค่อยเริ่มดื่มก็ได้”
ฮูหยินลิ่นได้ฟังดังนั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าขวดลวกมือขึ้นมาทันที กล่าวว่า “แม้แต่ที่จะหาซื้อก็ไม่มี หากท่านต้องการผลโสม พวกเราพอหามาได้บ้าง สามารถกลั่นยาอีกได้หรือไม่”
ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย “กล่าวตามตรง ผลโสมที่ใช้ทำเม็ดชาสมุนไพรของข้าได้มาจากโสมพันปี”
ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ
“โสมพันปี ท่านแน่ใจหรือ” ลิ่นชิงถังเบิกตาโต เอ่ยต่อด้วยความตกใจว่า “โดยทั่วไปแล้วโสมพันปีมักจะใช้ทั้งหัวของมันมาปรุงยาไม่ใช่หรือ จะยังเกิดผลได้อย่างไร”
“เป็นอย่างที่ท่านกล่าว โสมที่มีอายุหลายพันปีได้ถูกขุดขึ้นมาเพื่อใช้ทั้งหัวมาทำเป็นยา แต่ต้นนี้ยังสามารถเจริญงอกงามในดินจนออกผลได้ ท่านว่าหายากหรือไม่”
ทำไมจะไม่ใช่ของหายาก แม้แต่โสมร้อยปีก็หายากแล้ว โสมพันปี ก็ใช่ว่าจะไม่มี ตระกูลขุนนางบางตระกูลที่มีรากฐานตระกูลมายาวนานย่อมซ่อนสมบัติล้ำค่าดังกล่าวไว้ แต่สมบัติเหล่านั้นล้วนถูกขุดขึ้นมาหมดแล้ว โสมพันปีที่ยังมีชีวิตอยู่ ซ้ำยังเกิดผลได้นั้นเป็นเรื่องยากมากจริงๆ อย่าว่าแต่เห็นเลย ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ
ปีศาจโสมน้อย ‘ทุกคน มาทำความรู้จักกันสักหน่อย ข้าคือปีศาจโสมอันล้ำค่าเพียงหนึ่งเดียวที่ฝึกบำเพ็ญจนมีจิตวิญญาณได้!’
แม้ว่าฮูหยินลิ่นจะยังไม่รู้ว่าผลของเม็ดชาสมุนไพรนี้เป็นอย่างไร แต่รู้สึกว่ามีคุณค่ามากขึ้นเรื่อยๆ จู่ๆ ก็เริ่มรู้สึกอิจฉาอาจารย์ของฉินหลิวซีขึ้นมาเล็กน้อย
นางถือขวดพลางยิ้มอย่างขมขื่น เอ่ย “มันล้ำค่าจนทำใจดื่มไม่ได้ หากดื่มหมดก็ไม่มีอีกแล้ว”
“ผลไม้ห้ารสกับเก๋ากี้ล้วนสามารถนำมาต้มดื่มเป็นชาได้ เพียงแค่ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าผลโสมพันปี” ฉินหลิวซียิ้ม เมื่อเห็นว่าปล่อยเข็มทิ้งไว้จนได้เวลาแล้ว ก็เดินไปตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่า เอ่ย “ข้าจะเอาเข็มออกให้ท่าน”
ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าพยักหน้า
ฉินหลิวซีดึงเข็มออก นวดที่จุดฝังเข็มให้นางหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณศีรษะ ฝีมือช่ำชองเป็นอย่างมาก
หลังจากนวดเสร็จแล้ว นางก็รับผ้าเช็ดหน้าที่สาวใช้ยื่นให้มาเช็ดมือ ก้มหน้ากล่าวกับฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าว่า “ดั่งที่กล่าวไว้ ท่านต้องรักษาอารมณ์ให้เป็นสุข อย่าได้ดีใจหรือเสียใจมากเกินไป ปฏิบัติต่อทุกสิ่งด้วยใจที่สงบ”
“เข้าใจแล้ว ขอบใจเจ้ามาก” ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าเหลือบมองแม่นมเฒ่า แม่นมเฒ่าหยิบกล่องมาแล้วยื่นให้ฉินหลิวซี
ฉินหลิวซี “นี่คือ?”
“นี่คือสิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่ามอบให้นักพรตน้อย เป็นการขอบคุณที่ท่านช่วยชีวิตนางเจ้าค่ะ” แม่นมเฒ่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉินหลิวซีไม่รับ เอ่ยตอบว่า “เรื่องค่ารักษาท่านเสนาบดีได้รับปากไว้แล้ว สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องให้แล้ว”
ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่ายิ้มพลางเอ่ย “นี่เป็นของที่ข้ามอบให้เป็นการส่วนตัว เด็กดี เจ้ารับไว้เถิด”
“ไม่เป็นไร” ฉินหลิวซียิ้มพลางส่ายหน้า “ท่านเสนาบดีให้มามากพอแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจิตใจดี ไม่สู้ทำความดีในนามอารามชิงผิงที่เมืองหลีของพวกเราก็พอ สะสมโชคลาภสะสมบุญ”
เมื่อฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าเห็นว่านางเอ่ยเช่นนี้ จึงทำได้เพียงยอมแพ้ แต่ในใจกลับมองนางสูงขึ้นกว่าเดิม
ฉินหลิวซีกล่าวกำชับสองสามประโยค แล้วเดินออกไปท่ามกลางการห้อมล้อมของฮูหยินลิ่นและคนอื่นๆ ท่าทางเหมือนอยากจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป
“ฮูหยินมีอะไรเชิญกล่าวมาได้เลย”
ฮูหยินลิ่นรีบดึงลูกสะใภ้ทั้งสองคนเข้ามา เอ่ยว่า “จวนเสนาบดีของพวกเราใหญ่โต แต่มีคนในตระกูลน้อย ลูกสะใภ้ทั้งสองล้วนมีบุตรเพียงคนเดียว ข้าอยากจะขอให้เจ้าอาวาสน้อยช่วยจับชีพจรจัดยาบำรุงร่างกายสักหน่อย”
ตระกูลลิ่นมีจำนวนคนน้อย ฮูหยินลิ่นผู้เฒ่าเป็นหม้ายตั้งแต่อายุยังน้อย ให้กำเนิดบุตรเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ตอนนี้บุตรชายคนโตก็คือเสนาบดีลิ่นที่ดูแลอยู่ข้างกายนาง ส่วนบุตรสาวได้แต่งงานไปอยู่ที่ตระกูลใหญ่ในเจียงหนาน
เสนาบดีลิ่นมาจากครอบครัวที่ยากจน หลังจากแต่งงาน เขาได้อุทิศตนให้กับกิจของราชสำนัก รักเดียวใจเดียว มีบุตรกับฮูหยินลิ่นเป็นชายสองหญิงหนึ่ง ส่วนเรือนหลังนั้น นอกจากฮูหยินแล้ว ยังมีอนุหลิวซึ่งคอยอยู่เคียงข้างรับใช้ในชีวิตประจำวันที่ติดตามมาตั้งแต่ตอนที่ไปทำงานอยู่นอกเมืองหลวง อนุผู้นี้เป็นฮูหยินลิ่นที่ส่งเสริมด้วยตัวเอง เป็นสตรีกำพร้าที่มาจากครอบครัวที่ดี ให้กำเนิดบุตรเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง บุตรสาวอนุคนโตได้แต่งออกไปนานแล้ว ส่วนบุตรชายอนุคนรองนามว่าสิงเอ้อร์ เกิดมาตอนที่ไปทำงานอยู่นอกเมืองหลวง เป็นไข้ทรพิษรักษาไม่หาย หลายปีมานี้อนุหลิวจึงทานมังสวิรัตและสวดมนต์เป็นส่วนใหญ่ ไม่ยุ่งเรื่องในจวน
ตอนนี้คุณชายทั้งสองของตระกูลลิ่นต่างก็แต่งงานมีบุตรแล้ว บุตรชายคนโตลิ่นชิงฝานแต่งงานกับสะใภ้เหยียน ให้กำเนิดบุตรหนึ่งคน บุตรชายคนรองแต่งงานกับสะใภ้เฝิง หลังจากแต่งเข้าจวนมาสองปีก็มีบุตรสาวเพียงคนเดียว ส่วนลิ่นชิงถังบุตรสาวที่ได้มาตอนอายุมากแล้วของเสนาบดีลิ่นยังไม่ได้ออกเรือน
ดังนั้นกล่าวได้ว่าตระกูลลิ่นนั้นมีคนทั้งสี่รุ่นในจวน แต่มีสมาชิกจำนวนน้อย รุ่นที่สี่ก็มีเหลนเพียงสองคนเท่านั้น
ตอนนี้มีหมอหญิงที่มีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยมมาถึงจวน นับได้ว่าเป็นวาสนาของสตรี ย่อมต้องคว้าโอกาสนี้ไว้
ลูกสะใภ้สาวทั้งสองคนต่างเขินเล็กน้อย สายตามีความคาดหวังอยู่บ้าง
ฉินหลิวซีมองใบหน้าของพวกนาง ชี้ไปที่สะใภ้เฝิงก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องดูแล้ว”
สะใภ้เฝิงตกใจ หรือว่านางไม่มีวาสนาแล้ว
“ตำแหน่งบุตรของเจ้าอวบอิ่ม ดูผุดผ่อง มีชีวิตชีวา สดใส เจ้าตั้งครรภ์แล้ว ปลายปีก็จะมีเด็กเพิ่มมาในจวนอีกหนึ่งคน” ฉินหลิวซีทำนายด้วยรอยยิ้ม
อะไรนะ ตั้งครรภ์แล้วหรือ