คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 543 อย่าทำให้นายท่านน้อยผู้โหดเหี้ยมขุ่นเคือง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 543 อย่าทำให้นายท่านน้อยผู้โหดเหี้ยมขุ่นเคือง

ปรมาจารย์ไท่เฉิงออกประกาศประนามนักพรตเต๋านามว่าไท่หยางแห่งอารามเต๋าจินหัวหลังจากสอบสวนพบว่าเขาฝึกอาคมต้องห้ามเป็นการส่วนตัว ฝ่าฝืนกฎของสำนัก เนื่องจากธรรมเนียมของสำนัก ตอนนี้จึงได้ไล่นักพรตไท่หยางออกจากสำนัก การกระทำทั้งหมดของเขาไม่เกี่ยวข้องกับอารามจินหัว

เพื่อแสดงความเที่ยงธรรมของสำนักต่อราษฎร อารามจินหัวได้ปิดสำนักสามวันเพื่อสำนึกตน และบำเพ็ญการกุศลเป็นเวลาสามวัน นอกจากนี้ในเทศกาลเชงเม้งยังจัดพิธีสวดส่งวิญญาณ ขอเชิญให้บรรดาผู้ศรัทธามาเข้าร่วมพิธี

ประกาศนี้ไม่เพียงแค่ประกาศออกไปก็จบเรื่อง นักพรตไท่หยางที่เอาแต่กล่าวสาปแช่งไม่หยุดถูกปรมาจารย์ไท่เฉิงคุมตัวออกจากประตูเขาด้วยตัวเอง หลังจากถูกทหารองครักษ์ที่ฉังอันโหวส่งมาเฝ้าประตูเขาล้อมไว้ ก็โชคดีหนีรอดไปได้อย่างไร้ร่องรอย

วิชาการหลบหนีของนักพรตไท่หยางประหลาดเล็กน้อย จู่ๆ คนก็หายตัวไป ยิ่งเป็นการยืนยันตัวตนของเขาในฐานะปีศาจเต๋าที่ฝึกมนต์ดำ ข่าวถูกแพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง

แต่ดูเหมือนอารามจินหัวจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ บำเพ็ญการกุศลต่อไป เพียงแต่ไม่กล่าวถึงนักพรตไท่หยางแม้แต่คำเดียว ราวกับว่าละอายใจที่ต้องเกี่ยวข้องกับเขา

“ยังไม่ถึงหนึ่งวันก็ยอมแพ้แล้ว ไม่สู้เจ้าอาวาสอารามจินหัวมอบตัวเขาให้ตั้งแต่ตอนที่ท่านพ่อของเจ้าไปถึงอารามเสียแต่แรก” สยงเอ้อร์เอ่ยกับจิ่งเสี่ยวซื่อว่า “หลังจากที่พ่อของเจ้าก่อความวุ่นวาย ชื่อเสียงของอารามเต๋าก็กลายเป็นเพียงเรื่องเหลวไหล เขาจึงได้ใช้วิธีนี้เพื่อตัดขาดความสัมพันธ์ ดูอย่างไรก็ปลอม เจ้าอาวาสผู้นี้ช่างไร้สมองจริงๆ ไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไหร่”

จิ่งเสี่ยวซื่อเอ่ย “ใครบอกกัน เจ้าจะไม่อนุญาตให้พวกเขาได้แสดงละครสักหน่อยหรือ เปลี่ยนจากที่สว่างไปสู่ความมืด”

“นี่มัน…” สยงเอ้อร์ลูบท้ายทอยของเขา มองไปยังฉินหลิวซี ถามว่า “ท่านเจ้าอาวาสน้อย เจ้าคิดอย่างไร”

ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ ล้วนเป็นวิธีการรับมือ ได้ผลก็พอ หากเป็นเรื่องจริง หยุดการสูญเสียได้ทันเวลา ย่อมเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง หากเป็นเท็จก็ไม่มีอะไรเสียหาย เป็นดั่งที่จิ่งซื่อกล่าว แค่เปลี่ยนจากที่สว่างไปอยู่ในที่มืดก็เท่านั้น แต่หากเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็จะเดือดร้อนกว่าเดิม อย่างไรเสียพวกเจ้าก็ถือว่าได้ทำให้เขาขุ่นเคืองแล้ว หากเขาต้องการแก้แค้น ก็แค่ทำมนต์ดำบางอย่างในจวนของเจ้า หรือไม่ก็แตะต้องหลุมศพบรรพบุรุษของเจ้า หึๆ”

ความหนาวเย็นไหลลงมาตามกระดูกสันหลังของจิ่งเสี่ยวซื่อ

สยงเอ้อร์ก็สีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน เอ่ย “ก็หมายความว่าพวกเราอยู่ในที่แจ้ง ส่วนเขาอยู่ในที่มืดอย่างนั้นหรือ นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน”

“ดังนั้นการรับมือนี้ก็ไม่นับว่าสูญเสีย” ฉินหลิวซีมองจิ่งเสี่ยวซื่อด้วยท่าทางยินดีบนความทุกข์ของผู้อื่นพลางกล่าวว่า “หากน้องชายไม่เอาไหนของเจ้าผู้นั้นตายไปจริงๆ นักพรตไท่หยางจะต้องจดจำแค้นนี้ ชนิดที่ว่าอาฆาตแค้นและต้องเอาคืน จวนโหวของพวกเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว”

จิ่งเสี่ยวซื่อสีหน้ามืดมน ดูราวกับว่ากำลังกลืนอาจม ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าน่าขยะแขยงแค่ไหน

ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นเหยื่อแท้ๆ ตอนนี้ตัวเองโชคดีไม่เป็นอะไร ส่วนอีกฝ่ายก่ออาชญากรรมชั่วร้ายจนสูญเสียครั้งใหญ่ แต่กลับโยนความผิดให้เป็นของตัวเอง นี่มันตรรกะอะไรกัน งี่เง่าเกินไปแล้ว

สิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดคือ อีกฝ่ายซ่อนตัวอยู่ในความมืดราวกับหนู หากเขาร่ายมนต์ดำขึ้นมาอีกจริงๆ จะป้องกันได้หรือ

จิ่งเสี่ยวซื่อเริ่มนั่งไม่ติด มองฉินหลิวซีด้วยท่าทางน่าสงสาร ท่านอาจารย์ช่วยข้าด้วย

สยงเอ้อร์กล่าวว่า “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ท่านต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างจริงจัง นักพรตถ่อยผู้นี้กำลังท้าทายอำนาจของท่าน ท่านเป็นคนช่วยเสี่ยวซื่อ เขาเล่นงานเสี่ยวซื่อก็เท่ากับเล่นงานท่านไม่ใช่หรือ”

ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา จะขอความช่วยเหลือก็ขอดีๆ อย่ามาพูดจามั่วซั่ว

สยงเอ้อร์ยิ้มประจบประแจง

“ไม่จำเป็นต้องกลัวเขา หากในจวนมีอะไรผิดปกติ ให้รีบไปหานักพรตช่วยแก้ไข ที่นี่มีเจ้าอาวาสอารามจินหัวอยู่ไม่ใช่หรือ เขาฝึกบำเพ็ญวิชาเต๋าได้ไม่เลวเลย ไปหาเขาให้ช่วยแก้ไขได้” ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย “แต่การทำอาคม เมื่อถูกทำลายจะต้องรับผลสะท้อนกลับ ก่อนหน้านี้เขาได้รับผลสะท้อนกลับไปสองครั้งแล้ว หากได้รับอีกสองสามครั้ง เกรงว่าจะไม่มีชีวิตรอดแล้ว ดังนั้นหากเขากล้าทำก็จะทำลายตบะของเขา เมื่อถึงเวลานั้นก็จะกลายเป็นเหยื่อของพวกเจ้าไม่ใช่หรือ และหากเจ้าอาวาสอารามจินหัวไม่ยอมช่วย เช่นนั้นก็อาละวาด บอกว่าเขาปกป้องคนผิด สรุปแล้วหากมีอะไรผิดปกติก็โยนว่าเป็นฝีมือของไท่หยางลูกเดียว เขาเป็นปีศาจเต๋าไม่ใช่หรือ แม้แต่อารามจินหัวก็ประกาศเองว่าเขาฝึกอาคมต้องห้าม ดังนั้นย่อมเป็นฝีมือของเขาแน่นอน”

สยงเอ้อร์กับจิ่งเสี่ยวซื่อ ‘ทำไมจิตใจที่โหดเหี้ยมของท่านจึงแสดงออกมาได้อย่างไหลลื่นเช่นนี้’

ปรมาจารย์ไท่เฉิงกับนักพรตไท่หยาง ‘กล่าวได้ว่าคนโหดเหี้ยมผู้นี้ขาดคุณธรรมอันยิ่งใหญ่กระมัง’

หลังจากได้ฟังคำพูดของฉินหลิวซี จิ่งเสี่ยวซื่อก็สงบลงบ้างแล้ว รู้สึกว่าสิ่งที่นางกล่าวนั้นเป็นไปได้ นักพรตเต๋าในใต้หล้านี้ไม่ได้มีเพียงอารามจินหัวของพวกเขา แม้แต่ตัวเองก็ยังมีนักพรตผู้มีความสามารถให้พึ่งพา จะไปกลัวเขาทำไม หากกล้าทำก็ทำให้เขาต้องสูญเสียจนไม่เหลืออะไร

แต่เพื่อเป็นการป้องกันสิ่งไม่คาดคิด ยังต้องจัดการให้คนแอบไปจับตาดูหลุมศพของบรรพบุรุษไว้เพื่อไม่ให้ตกหลุมพรางขึ้นมาจริงๆ

“ก่อนหน้านี้เห็นว่าอารามจินหัวก็ได้รับความนิยมมาก เป็นถึงอารามที่ยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้ดูแล้วก็เพียงแค่นี้ ทันทีที่เกิดเรื่องนี้เจ้าอาวาสผู้นั้นก็ตัดขาดความสัมพันธ์อย่างชอบธรรม ส่งมอบตัวนักพรตไท่หยางออกมา ไม่แน่อาจดึงดูดจำนวนผู้ศรัทธาได้เป็นจำนวนมาก ผลักดันชื่อเสียงของอารามเต๋าให้สูงขึ้นไปอีกขั้น คิดไม่ถึงเลยจริงๆ” จิ่งเสี่ยวซื่อส่ายหน้า รู้สึกเสียดายเล็กน้อย

ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ขึ้นอยู่กับทางเลือก การรับมือในตอนนี้ก็ใช่ว่าจะมีแต่เสียหาย อย่างน้อยก็สามารถรักษานักพรตที่มีความสามารถไว้ได้ ส่วนชื่อเสียงด้านความเคารพศรัทธา ตราบใดที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง หลังจากเรื่องนี้จบลง อารามจินหัวก็รับงานใหญ่อีกหลายงาน บำเพ็ญการกุศลหลายๆ อย่าง ชื่อเสียงก็จะกลับมา อย่างไรเสียผู้คนก็สนใจแต่ผลประโยชน์ในความเป็นจริงเท่านั้น ผู้คนที่ได้รับความเมตตาที่ขอความช่วยเหลือจากอารามเต๋าให้ช่วยขับไล่วิญญาณหรือรักษาโรค กระทั่งทำพิธีดูฮวงจุ้ย หรือการปรับเปลี่ยนโชคลาภขโมยอายุขัย ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ สามารถช่วยตัวเองได้ ใครจะไปสนว่าเป็นอารามเถื่อนลัทธิมารหรือไม่ สุดท้ายแล้วก็ต้องทอดถอนใจกับความเห็นแก่ตัวของคน”

สิ่งที่กล่าวนั้นเป็นความจริง แต่ดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ ราวกับกำลังสนับสนุนความคิดชั่วร้าย

แต่ฉินหลิวซีเอ่ยนั้นไม่ผิดเลย ในโลกนี้จะไม่มีคนที่มีความต้องการเช่นนี้จริงๆ หรือ

ดูอย่างน้องชายไม่เอาไหนของจิ่งซื่อผู้นั้น ก็เพราะต้องการขโมยชีวิตที่ยืนยาวจึงได้ทำเช่นนี้ไม่ใช่หรือ แล้วผู้ที่มีอำนาจเหล่านั้น หรือกระทั่งฮ่องเต้ล่ะ

“ในกลุ่มคนชั้นสูงนั้นสกปรกจริงๆ” สยงเอ้อร์พึมพำ

ฉินหลิวซี “การที่ไม่ไปล่วงเกินนักพรตเต๋านั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง มีวิชาอาคมแปลกๆ บางอย่างที่ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างลับๆ ที่พวกเจ้าไม่อาจต้านทานได้ อย่างเช่นไท่หยางผู้นี้ หากได้พบ ทำได้เพียงเผชิญอย่างซึ่งๆ หน้า ใช้อำนาจทำให้เสมอกัน”

สยงเอ้อร์อยากรู้เป็นอย่างมาก “หากท่านเป็นเจ้าอาวาสอารามจินหัว จะทำอย่างไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉังอันโหว”

เฟิงซิวเดินเข้ามาจากด้านนอก สบถอย่างเย็นชาพลางเอ่ย “นางทำแล้ว ตราบใดที่นางไม่ต้องการ จะปล่อยให้คนธรรมดาอย่างพวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางเป็นคนทำ”

สยงเอ้อร์เกาจมูก

ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “หากเป็นข้า ฉังอันโหวไม่มีทางพาคนมากดดันข้าได้”

อีกฝ่ายมาหาเรื่อง คุยเรื่องเหตุผลต่างๆ นานา ขอโทษที ข้าไม่คุยด้วย พวกเราเน้นลงมือของจริง เจ้ามีทหารจริง ข้าก็จะเรียกแม่ทัพผีจากยมโลก มาสู้กันอย่างคนจริง อย่างไรเสียโลกใบนี้ก็มีพลังหยินอยู่เสมอ

สยงเอ้อร์รู้สึกหวาดกลัวกับน้ำเสียงของนักเลงน้อยอย่างฉินหลิวซี เอาเถิด ล่วงเกินไม่ได้ แต่หลบซ่อนได้

เขามองไปยังจิ่งเสี่ยวซื่อ ดูตาเฒ่าผู้นั้นของจวนเจ้าไว้ให้ดี อย่าให้เขามารนหาที่ตายตรงหน้านายท่านน้อยผู้นี้

เขายังไม่ลืมที่ฉินหลิวซีได้เปิดเผยต่อหน้าทุกคนว่าฉังอันโหวถูกสวมเขา ด้วยความรักศักดิ์ศรีเท่าชีวิตของฉังอันโหวมีหรือจะไม่โกรธฉินหลิวซี เกรงว่ากำลังคิดแอบทำเรื่องสกปรกอยู่

จิ่งเสี่ยวซื่อกลับไม่สนใจแม้แต่นิด หากตาเฒ่าอยากรนหาที่ตาย เขาก็จะเอามือล้วงกระเป๋ารอชมละครอย่างแน่นอน จะได้ให้เขารู้ว่าอะไรคือแผ่นเหล็ก ซ้ำยังเป็นเหล็กกล้าเสียด้วย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท