ตอนที่ 546 นางปากหวานแต่มีพิษ
ในเมืองหลวงมีบุคคลสูงศักดิ์มากมายราวกับดอกเห็ด แม้ว่าจะมีเถิงเทียนฮั่นเป็นเส้นสายให้ แต่ฉินหลิวซีก็เต็มใจรับด้วยตัวเอง และไม่ใช่ว่าบอกจะไปก็ไปในทันที เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นหัวหน้าของเถิงเทียนฮั่น เป็นคนในตระกูลของอันเจี้ยนถงเสนาบดีศาลต้าหลี่ และผู้ที่เกิดเรื่องคืออันอี้ บุตรชายคนเล็กของใต้เท้าอัน
ดังนั้นเถิงเทียนฮั่นจึงต้องส่งข้อความไปบอกตระกูลอันก่อน เดิมทีคิดว่าจะพาฉินหลิวซีไปในวันพรุ่งนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าจวนอันจะใจร้อนมากกว่าเขา ถึงขั้นมารับด้วยตัวเอง
เพื่อเป็นการให้เกียรติ ผู้ที่มาคืออันฮ่าว บุตรชายคนโตของจวนอัน เป็นคนที่มีอายุสามสิบกว่าปี ไว้หนวดสวยงาม แต่งกายเป็นสุภาพบุรุษ ดูเหมือนจะใส่แป้งหอมมาด้วย มีกลิ่นหอมที่อบอวลเป็นอย่างมาก
เรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเสนาบดีลิ่นถูกหมอตัวน้อยช่วยไว้ จวนอันก็ได้ยินมาบ้างเช่นกัน เถิงเทียนฮั่นยังกล่าวอีกว่าฉินหลิวซีก็คือท่านหมอน้อยผู้นั้น เป็นนักพรตที่แท้จริง เก่งในการขับไล่วิญญาณชั่วร้าย
เนื่องจากอันฮ่าวก็พอจะรู้มาบ้าง แต่เมื่อได้เจอฉินหลิวซีจริงๆ ก็ยังรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก อายุน้อยจริงๆ ด้วย อายุน้อยขนาดนี้ยังมีลูกศิษย์แล้ว ซ้ำยังเป็นบุตรชายตระกูลของใต้เท้าเถิง
หลังจากขึ้นรถม้าแล้ว อันฮ่าวก็อดถามเถิงเทียนฮั่นไม่ได้ว่าเขาทำใจให้บุตรชายคนโตเข้าสู่ลัทธิเต๋าได้อย่างไร
เถิงเทียนฮั่น ‘อย่าถาม คำตอบก็คือถูกหลอกโดยคำพูดอันชาญฉลาดของใครบางคน’
ฉินหลิวซีพาเถิงเจาขึ้นรถม้าของจวนอัน ตอนที่ปิดประตูรถม้าก็เหลือบเห็นฝุ่นลมกระโชกหมุนวนอยู่หัวมุมถนน
เสียงกีบม้าดังขึ้น มีคนนั่งบนหลังม้า ควบม้าวิ่งมาอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่เหลือบมองอย่างไม่ตั้งใจ แต่รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย
ราวกับบุตรชายผู้สูงศักดิ์ที่เคยรู้จักมาก่อน กำลังวิ่งมุ่งหน้ามาทางนี้
มู่ซีรีบเร่งมาแต่ไม่เจออะไร
เขาเตะม้าด้วยความโกรธ ‘วิ่งช้าขนาดนี้ยังบอกว่าเป็นม้าหายาก ถุย จะมีไปทำไม’
ม้าหายาก ‘เกิดเป็นม้าช่างลำบาก’
ฉีเชียนก็มาแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นน้องเขยในอนาคตก็ขมวดคิ้ว
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” มู่ซีโมโห เลิกคิ้วเมื่อเห็นฉีเชียน
ฉีเชียนกระโดดลงจากหลังม้า “มาหาคน”
“หาใคร”
ฉีเชียนไม่ตอบแต่ถามกลับว่า “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้”
“เจ้าไม่ต้องยุ่ง!” มู่ซีเชิดหน้าขึ้นกวาดสายตามอง สายตาไปตกอยู่ที่ร้านสุราที่อยู่เยื้องฝั่งตรงข้ามกับโรงประมูลจิ่วเสียน จากนั้นก็พาคนเดินไป
เขาเข้าไปในโรงประมูลจิ่วเสียนไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้าอาละวาด เขารออยู่ในร้านสุราแห่งนี้ คงจะได้เจอเจ้านักต้มตุ๋นน้อยกลับมาจนได้กระมัง
ฉีเชียนขมวดคิ้วพลางมองดูจอมอันธพาลน้อยผู้นั้นเข้าไปในร้านสุรา จากนั้นก็ให้อิงเป่ยไปเคาะประตู
ใครจะไปคิด ทันทีที่คนเฝ้าประตูเปิดประตู ไม่ทันรอให้อิงเป่ยกล่าวอะไร ก็กล่าวขึ้นมาว่า “มาหาท่านเจ้าอาวาสน้อยปู้ฉิวหรือ นางไม่อยู่ เชิญกลับไปเถิด”
อิงเป่ย “…”
ฉีเชียนมองไปที่ร้านขายสุราอย่างครุ่นคิด
ที่เรือนด้านหลังในโรงประมูล เฟิงซิวสบถอย่างหงุดหงิด พอเขาไม่อยู่ นายท่านน้อยผู้นั้นก็ดึงดูดแมลงวันมาไม่รู้กี่ตัว ไม่ใช่สิ แมลงวันพวกนั้นชอบกลิ่นเหม็น ดึงดูดผึ้งและผีเสื้อต่างหาก
…
จวนอัน
ใต้เท้าอันเสนาบดีศาลต้าหลี่ไม่ได้ออกไปข้างนอก เมื่อเห็นเถิงเทียนฮั่นก็ใบหน้ายิ้มแย้ม เรียกนามแฝงของเขา “รบกวนอวิ๋นหยาช่วยเป็นธุระให้แล้ว”
เถิงเทียนฮั่นยกมือขึ้นคำนับ ในใจคิดว่าถุงหอมของใต้เท้ากลิ่นแรงเกินไปหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ
“บังเอิญอาจารย์ของบุตรชายข้ามาเมืองหลวงพอดี มิเช่นนั้นข้าก็ไม่สามารถเป็นเส้นสายให้ได้ เพียงแต่พวกเราไม่ได้รู้เรื่องภายใน ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้หรือไม่”
กล่าวเรื่องที่ไม่น่าฟังไว้ก่อน หากฉินหลิวซีจัดการไม่ได้ ก็จะได้มีทางออก
ดวงตาของใต้เท้าอันมีความกังวลและเหนื่อยล้าเล็กน้อย ฝืนยิ้มพลางเอ่ย “ไม่เป็นไร เจ้าใส่ใจแล้ว”
เขามองไปยังเด็กคู่หนึ่งที่อยู่ข้างหลังใต้เท้าเถิง มุมปากที่ถูกบดบังด้วยหนวดเครากระตุกเล็กน้อย อายุน้อยเกินไปแล้ว หลานชายคนโตตระกูลเขายังโตกว่าเสียอีก
เถิงเทียนฮั่นหลบออกไปเล็กน้อย เมื่อเห็นฉินหลิวซีกำลังมองไปรอบๆ ก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
แม้ว่านางจะเป็นนักพรตหญิงที่เติบโตมาในอารามเต๋า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีมารยาท การมองไปรอบๆ เช่นนี้ กำลังดูความมั่งคั่งของจวนอันหรือเป็นสิ่งอื่น
ใต้เท้าอันเป็นขุนนางนักปราชญ์ที่มาจากการสอบราชสำนัก แต่งงานกับซูฮุ่ยจวิ้นจู่ซึ่งเกิดในราชวงศ์ แม้แต่จวนอันในตอนนี้ก็เป็นจวนจวิ้นจู่ และตอนที่จวิ้นจู่ผู้นี้แต่งงาน เรียกได้ว่าเลื่องลือกันไปทั้งเมือง ตัวนางเองก็เก่งในเรื่องการจัดการกิจการ ตั้งแต่แต่งงานมาจนถึงตอนนี้ ได้ทำให้สินสอดแต่งงานของตัวเองเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าแล้ว
เดิมทีก็เกิดมาจากตระกูลสูงศักดิ์ มีความสุขกับเกียรติยศและความมั่งคั่ง ซ้ำยังมีเงิน ซูฮู่ยจวิ้นจู่ก็ไม่มีทางปฏิบัติไม่ดีต่อคนของตัวเอง ดังนั้นแผนผังในจวนอันจึงวิจิตรงดงามและยิ่งใหญ่ สวนบอนไซและสนามหญ้าก็ได้รับการจัดแต่งอย่างสวยงาม
ดังนั้นเถิงเทียนฮั่นจึงกล้ากล่าวว่า งานนี้มีค่าตอบแทนอย่างงาม เนื่องจากว่าพวกเขาไม่ขาดแคลนเงิน และอันอี้ก็เป็นบุตรชายคนเล็กของจวิ้นจู่กับใต้เท้าอัน แม้ว่าจะเป็นจอมเสเพลที่ไม่เอาถ่าน แต่ก็ได้รับความรัก หากแก้ไขเรื่องนี้ได้ ย่อมมีผลประโยชน์มากมายอย่างแน่นอน
เถิงเทียนฮั่นกระแอม กล่าวแนะนำว่า “เจ้าอาวาสน้อย ท่านนี้คือใต้เท้าอันเสนาบดีศาลต้าหลี่”
ฉินหลิวซีละสายตาจากที่แห่งหนึ่งในจวนอัน มองไปยังใต้เท้าอัน คำนับพลางเอ่ย “ขอสวรรค์จงประทานพร” เมื่อรู้ว่าเขากำลังหยั่งเชิงจึงไม่กล่าวเหลวไหลไปทั่ว ชี้ไปยังตำแหน่งมุมทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ “ด้านนั้นก็คือเรือนของคุณชายน้อยจวนท่าน?”
ใต้เท้าอันกับอันฮ่าวมองไปตามนิ้วของนาง ใจสั่นเล็กน้อย ชายชราไม่ได้กล่าวอะไร แต่อันฮ่าวกลับอดกล่าวไม่ได้ว่า “ท่านรู้ได้อย่างไร”
แม้ว่าเถิงเทียนฮั่นจะเคยมาเป็นแขกที่จวน แต่ก็ไม่รู้ว่าเรือนของอันอี้อยู่ที่ไหน ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะเป็นคนบอก
“เนื่องจากใต้เท้าเถิงบอกว่าเกิดเรื่องประหลาดขึ้นกับคุณชายน้อยจวนของท่าน ข้าเดินจากข้างนอกมาถึงตรงนี้ เห็นรูปแบบฮวงจุ้ยของจวนท่านมีลักษณะที่ดี มีเพียงด้านบนของสถานที่แห่งนั้นที่มีพลังงานสีเทาดำ นั่นจึงเป็นที่อยู่ของคุณชายน้อยอันไม่ใช่หรือ” ฉินหลิวซียืนเอามือไขว้หลัง กล่าวว่า “ไปกันเถิด ดูว่ามีวิญญาณร้ายอะไรกำลังก่อกวน”
อันฮ่าวกับบิดาของเขามองหน้ากัน แล้วกลืนน้ำลาย เขาเดินนำทางอยู่ข้างหน้า ถามอย่างสบายๆ ว่า “เจ้าอาวาสน้อยดูพลังงานได้ด้วยหรือ พลังงานสีเทาดำหมายถึงสิ่งไม่ดีหรือ”
ใต้เท้าอันถอยหลังไปหนึ่งก้าว เดินอยู่ข้างเถิงเทียนฮั่น ดูเหมือนไม่ได้สนใจ แต่กลับเงี่ยหูฟังผู้ที่กล่าวอยู่ด้านหน้า
ฉินหลิวซีตอบว่า “สีเทาและสีดำเป็นตัวแทนของความโศกเศร้า ซึ่งเป็นความโชคร้าย วิญญาณร้าย หรือแม้กระทั่งพลังหยิน แน่นอนว่าไม่ดี เช่นเดียวกับบรรดาพวกท่านบนตัวเต็มไปด้วยพลังงานสีแดงมงคล ประการแรกเป็นเพราะตำแหน่งหน้าที่การงานมีความเจริญรุ่งเรือง เมื่อเป็นขุนนาง ทำผลงานประสบความสำเร็จ แสวงหาผลประโยชน์ให้กับราษฎรในแผ่นดิน เป็นมงคลและมีบุญกุศล ย่อมเป็นสิริมงคล”
ฟังสิ นี่ไม่ได้กำลังชมว่าพวกเขาเป็นขุนนางที่ดีหรอกหรือ
ตายจริง คำยกยอปอปั้นนี้ ฟังแล้วรู้สึกสบายใจจริงๆ
ใต้เท้าอันและคนอื่นๆ ต่างพากันยืดหลังตรง ในเมื่อเป็นขุนนาง แน่นอนว่าต้องทำประโยชน์และรับใช้ราษฎร นี่คือความหมายว่าทำไมพวกเขาจึงได้ศึกษาเล่าเรียน
“ส่วนคุณชายน้อยอัน ไม่ใช่ว่าข้าใจร้าย เพียงแต่มีแค่เรือนนั้นที่มีโชคร้าย กล่าวได้ว่าหากไม่ใช่เพราะเขาไปทำบาปมา ก็เป็นเพราะเขารนหาที่ตายหาเรื่องใส่ตัว” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อไปว่า “อีกอย่างก็คือไม่ว่าเขาไปทำอะไรมา สิ่งนั้นยังนับว่ามีเหตุผล รู้ว่าต้องไปแก้แค้นใคร หากไปเจอที่ไร้เหตุผล ความโชคร้ายก็จะลามไปทั่วทั้งจวน พวกท่านที่อาศัยอยู่ที่นี่ อย่าคิดว่าจะรอด”
ทุกคน ‘ใจร้ายหรือไม่ค่อยว่ากัน ปากหวานแต่มีพิษ!’
ฉินหลิวซีกล่าวพลางก้าวไปข้างหน้า ไม่นานก็มาถึงที่เรือนแห่งนั้น ทันทีที่อันฮ่าวผลักประตู ฉินหลิวซีเป็นคนแรกที่ถูกโจมตี เอามืออังจมูกแล้วถอยหลังไปหลายก้าว ท่าทางจะอาเจียน
สวรรค์ เรือนนี้เทมูลสัตว์ไว้หรือ เหม็นมาก!