บทที่ 112 ไข่กระทบหินก็เหมือนคนที่มั่นใจตัวเองเกินไป
พวกเขาจะสู้ด้วยได้ยังไง
หมายเลขแปดในตอนนี้รู้สึกได้ราวกับเขาพ่ายแพ้ในเกมนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน เจียงฮ่าวเองก็เลี้ยงบอลผ่านหมายเลขแปดไปแล้ว
และเมื่อได้เห็นร่างอันผอมบางของเจียงฮ่าวแล้ว ประกายอํามหิตได้ฉายออกมาในสายตาของหมายเลขแปดในทันที เขาได้เริ่มวางแผนร้ายในจิตใจของตน
แคร๊ง
นี่คือเสียงที่เจียงฮ่าวทําแต้มได้อีกครั้ง
ในทันที หมายเลขแปด ได้วิ่งกลับมาเพื่อที่จะรับลูกบอล เขาได้ลอบมองเจียงฮ่าวไปเล็กน้อยและได้พุ่งเข้าไปหาเจียงฮ่าวพร้อมลูกบอล
ในตอนนี้ เจียงฮ่าวได้เผชิญหน้ากับหมายเลขแปด หมายเลขแปดที่กําลังครองบอลอยู่นั้นก็ได้พุ่งชนเจียงฮ่าวที่กําลังหันหลังให้ในทันที
ในตอนนี้เองเช่นเดียวกันที่เจียงฮ่าวหัวใจเต้นแรง เขาได้รีบหันกลับมาก็เห็นหมายเลขแปดพุ่งเข้ามาหา
แต่ไม่เพียงเจียงฮ่าวจะไม่หลบ เขานั้นกับแสดงรอยยิ้มออกมา
แต่เดิมแล้ว ใบหน้าของหมายเลขแปดที่กําลังพุ่งใส่เจียงฮ่าวนั้นเต็มไปด้วความรู้สึกสะใจราวกับแผนการร้ายได้สําเร็จลงแล้ว
แต่เพียงชั่วพริบตา เมื่อเขาได้เห็นรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเจียงฮ่าวนั้น เขากลับรู้สึกถึงรางร้ายในทันที
“ตูมมมมม”
หมายเลขแปดลอยกระเด็นหมุนคว้างในทันที
เขารู้สึกได้ราวกับว่าเขานั้นได้วิ่งเข้าไปชนกับก้อนหินก้อนใหญ่ยักษ์
หมายเลขแปดที่ในตอนนี้กําลังลอยหมุนคว้างอยู่นั้น ได้จ้องมองไปยังเจียงฮ่าวที่ในตอนนี้ยืนอยู่นิ่งๆไม่ไหวติง นี่ทําให้สายตาของหมายเลขแปดนั้นปรากฏร่องรอยราวกับว่าได้เห็นสิ่งน่าพิศวงออกมา
นี่ไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้เลยแม้แต่น้อย
“ตุบ”
“แกร๊ก”
“อ๊าคคคค”
หมายเลขแปดที่ส่งตัวเองลอยขึ้นฟ้าและหมุนคว้างไปนั้น ในทันทีล่วงหล่นสู้พื้นก็ได้บังเกิดเสียงขึ้นมาชุดหนึ่ง
เสียงร่างกระทบพื้น เสียงกระดูกหักที่ดังออกมาเบาๆ ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนอันดังลั่น
แต่ก็มีเพียงหมายเลขแปดเท่านั้นที่ร้องโหยหวนออกมา เจียงฮ่าวในตอนนี้ได้ยืนยิ่งไม่ไหวตึงต่อให้ร่างกายของเขานั้นจะผอมแห้งเมื่อเทียบกับร่างกายนักกีฬา แต่ร่างกายของเขานั้นกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่คนทั่วไปยากจะเทียบได้
ในตอนนี้ หมายเลขแปดที่นอนครวญครางอยู่กับพื้นพร้อมแขนที่พับผิดรูปได้ร้องออกมาดังลั่นอย่างเต็มหัวใจ พร้อมเหงื่อที่ชุ่มโชกเต็มหน้าผาก
และนี่เองก็มีเสียงหนึ่งที่ร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก
“ซุนโจว ซุนโจวโว้ย เป็นอะไรวะ”
นักกีฬาของโรงเรียนที่หนึ่งรีบเร่งเข้าไปช่วยพยุงหมายเลขแปดให้ลุกขึ้นยืน
ถึงแม้ว่าหยางชวนเว่ยจะรู้สึกได้ว่าซุนโจวนั้นดูไม่ค่อยมีแรงไปก็ตามเมื่อพบกับเจียงฮ่าว แต่การที่ได้เห็นซุนโจวล้มไปนอนกับพื้นที่ทําให้เขาเป็นกังวลอย่างแท้จริง
“ซุนโจว เป็นอะไรรึเปล่า”
“เจียงฮ่าว นี่หมายความว่ายังไง”
ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้เดินเข้าหาเจียงฮ่าวที่ในตอนนี้ และเข้าไปคว้าคอเสื้อไว้พร้อมกล่าวโทษในทันที
ข้างๆเจียงฮ่าวนั้น หลิวเปียวได้บังเกิดอารมณ์โกรธขึ้นสูงในทันทีเมื่อได้ยิน
“ไอ้ระยําหวังชวนเว่ย นี่แกตาบอดรึไง แค่มองก็เห็นว่าคนของแกตั้งชนแล้วกระเด็นไปเอง นี่แกไม่เห็นจริงๆเหรอ”
หลิวเปียวเองในตอนนี้ได้ก้าวเข้ามายืนอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจียงฮ่าวพร้อมใบหน้าที่โกรธแค้นพร้อมเผชิญหน้ากับหยางชวนเว่ยได้ทุกเมื่อ
“ใช่แล้ว” “เป็นอย่างนั้น”
ข้างหลังหลิวเปียว เพื่อนร่วมทีมก็ได้ก้าวเข้ามาและมองไปยังหยางชวนเว่ยที่เต็มได้ด้วยอารมณ์โกรธและพร้อมเผชิญหน้าเช่นเดียวกัน
ที่ด้านนอกนั้น เหล่าผู้ชมเองก็ชี้ไปที่การปะทะกัน
“ไม่ว่ามองยังไงไอ้หมายเลขแปดนั่นเป็นคนครองบอลแล้วก็ตั้งใจชนจากด้านหลังชัดๆ”
“จริง ฉันไม่คิดเลยว่าคนจากโรงเรียนที่หนึ่งจะกลัวแพ้จนทําได้ทุกอย่างแบบนี้”
เสียงนินทามากมายได้รอยเข้าหูของหยางชวนเว่ย นี่ทําให้เขารู้สึกอับอายและรําคาญไปพร้อมๆกัน และในขณะเดียวกันเขานั้นก็รู้สึกยอมรับไม่ได้ขึ้นมาที่ซุนโจวทําพลาดได้ถึงขนาดนี้
ความทจริงแล้วเขาเองก็ไม่พอใจในตัวซุนโจวมากยิ่งขึ้นตามลําดับ แต่ก็ไม่อาจทําอะไรซุนโจวได้เช่นกัน
เจียงฮ่าวในตอนนี้จ้องมองไปยังซุนโจวที่ในตอนนี้กําลังมีแขนผิดรูป ก่อนที่จะหันไปมองหยางชวนเว่ยและพูดว่า
“เราก็รู้กันดีอยู่ว่าเรื่องเมื่อกี้ใครถูกใครผิดล่ะนะ”
“แล้วเอายังไงต่อ จะต่อหรือยอมแพ้ไป”
เมื่อหยางชวนเว่ยได้ยินดังนั้น เขามองไปยางซุนโจวที่ในตอนนี้แขนบิดเบี้ยวผิดรูป และหันไปมองหลิวเปียวและพวกในทันที
และนี่เองเขาก็เริ่มแสดงท่าที่โหดร้ายออกมา