คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 555 ช่วยผีด้วย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 555 ช่วยผีด้วย

ฉินหลิวซีสัปหงก หลับอยู่ในรถ ทันใดนั้นก็ถูกเถิงเจาผลักจนลืมตาขึ้น

“ถึงแล้วหรือ”

เถิงเจาส่ายหน้า ลงจากรถม้า กล่าวว่า “ท่านดูสิ”

ฉินหลิวซีไม่เข้าใจ ชะโงกหน้าออกมามอง ทันใดนั้นก็หรี่ตาลง กระโดดลงจากรถ มองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่อยู่เหนือจวนที่อยู่ตรงหน้านี้ เอ่ยว่า “หรือว่านี่เป็นบ้านผีสิง”

พลังหยินที่รุนแรงเช่นนี้ซ้ำยังมีความชั่วร้าย นี่มันเกิดอะไรขึ้น

คนขับรถม้ามาหยุดอยู่ที่ตรอกนี้ นั่งอยู่บนเพลารถม้าลูบแขนทั้งสองข้างไม่หยุด หนาวมาก ใกล้จะเดือนสี่แล้ว แม้แต่ฤดูใบไม้ผลิก็ยังหนาวขนาดนี้ ทรมานจริงๆ แต่อาจารย์และลูกศิษย์คู่นี้ดันให้หยุดอยู่ตรงนี้

ฉินหลิวซีเดินอ้อมไปทางด้านคนขับรถ ชี้ไปยังจวนที่อยู่ตรงนั้นพลางเอ่ย “ที่นี่คือที่ไหน เป็นบ้านใคร”

คนขับรถเหลือบมอง ตอบว่า “นี่คือจวนฉังชวนปั๋วขอรับ”

ฉินหลิวซี “อ้อ” อย่างไรเสียนางก็ไม่รู้จัก จึงกำลังจะขึ้นรถ

ทันใดนั้นเถิงเจาก็คว้าแขนของนางไว้ นางมองไปตามสายตาของเขา เห็นเงาโผล่ออกมาจากกำแพง เงานั่นอ่อนแรงจนใกล้จะหายไปแล้ว มันวิ่งอาละวาด ดูเหมือนมีผีร้ายอะไรบางอย่างไล่ตามอยู่ข้างหลัง เมื่อโผล่ออกมานอกกำแพงก็ลอยมาหาฉินหลิวซีและคนอื่นๆ

ฉินหลิวซีไม่ได้ทำอะไร เงาผีตนนั้นลอยมาทางด้านพวกเขา จากนั้นก็ลอยถอยหลังกลับไป

“อาจารย์ เป็นท่านหรือ”

เอ๋ เป็นผีที่คุ้นเคยหรือ

ฉินหลิวซีมองไปยังเงาผีที่อ่อนแรง รู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเสกยันต์รักษาวิญญาณไป

ทันใดนั้นเงาผีตนนั้นก็เริ่มก่อตัวขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง

เป็นผีที่คุ้นเคยจริงๆ ด้วย ฉินหลิวซีขมวดคิ้วพลางถามว่า “อี้ชิว เจ้าไปเกิดแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงได้มีสภาพเช่นนี้”

ผีที่อยู่ตรงหน้าเป็นสหายร่วมงานที่ติงหย่งเหลียงแนะนำมา ซึ่งก็คือผีสาวอี้ชิวที่เหอโซ่วผู้นั้นไปยั่วยุ หลังจากที่นางได้รับการปล่อยตัวก็มาที่เมืองหลวงเพื่อแก้แค้นสตรีที่ทำร้ายนางผู้นั้น แต่ตอนนี้ดูแล้ว ดวงวิญญาณแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ น่าสังเวชเป็นอย่างมาก หากไม่ได้ฉินหลิวซีเสกยันต์รักษาวิญญาณไป นางถึงขั้นรวบรวมจิตวิญญาณไม่ได้จนแตกสลายไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้นางไปเจออะไรมา

“ท่านอาจารย์ ช่วยข้าด้วย” จิตวิญญาณของอี้ชิวสั่นไปหมด ราวกับได้รับความหวาดกลัวอย่างมาก มองกลับไปด้านหลังอยู่เรื่อยๆ

ฉินหลิวซีหยิบขวดหยกขึ้นมา เปิดจุกออกแล้วกล่าวว่า “เจ้าเข้ามาก่อน”

อี้ชิวรีบหายเข้าไปในขวดหยกโดยไม่ต้องคิด

ฉินหลิวซีตบขวดหยกเบาๆ “เจ้ารักษาวิญญาณอยู่ในนี้ก่อน”

ขวดหยกถูกเคาะ แสดงว่าเข้าใจแล้ว

กึกๆๆ

ฉินหลิวซีได้ยินเสียงฟันกระทบกันจึงหันกลับไป เห็นคนขับรถจ้องมองด้วยใบหน้าซีดขาว ปากสั่นไม่หยุด

นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว คนขับรถก็ถอยหลังทันที “ท่าน ท่านอย่าเข้ามา” เมื่อนึกถึงสถานะของนางก็สีหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม โค้งคำนับขอโทษ “ท่านอา อาจารย์ ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจ เพียง เพียงแค่…”

“ไม่เป็นไร ไปกันเถิด” ฉินหลิวซีมอบยันต์ให้เขาหนึ่งแผ่น “เก็บไว้เถิด”

คนขับรถรู้สึกเหมือนได้รับการอภัยครั้งใหญ่ บีบยันต์แคล้วคลาดไว้ในมือ รู้สึกว่าร่างกายเริ่มกลับมาอุ่นขึ้น ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบเอายันต์แคล้วคลาดใส่ไว้ในคอเสื้อตรงหน้าอก แล้วขึ้นรถด้วยความสั่นเทา

สวรรค์รู้ดีว่าเขาตื่นตระหนกแค่ไหนเมื่อเห็นฉินหลิวซีคุยกับอากาศเมื่อครู่นี้

ฉินหลิวซีมองจวนฉังชวนปั๋ว สายตาแฝงไว้ด้วยความรังเกียจ เมืองหลวงนี้มีผีและสัตว์ประหลาดมากมายจริงๆ

ในจวนฉังชวนปั๋ว ชายร่างผอมบาง หน้าซีดขาว ริมฝีปากแดงดั่งเลือด ลูบไล้แจกันสาวงามในหนังสือด้วยความเสน่ห์หา ราวกับกำลังกอดคนรัก ใช้ใบหน้าถูแจกัน สูดหายใจเข้าลึกๆ สีหน้ามัวเมา

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากในลาน

ชายผู้นั้นวางแจกันสาวงามลง มองผู้ที่วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เจ้าจะตื่นตระหนกทำไม”

“มีผีหนีไปแล้วหนึ่งตน” ผู้ที่มาคือนักพรตเต๋าหน้าขาวไร้เครา เขามองไปรอบๆ ขมวดคิ้วแน่น

ชายผู้นั้นกล่าวว่า “สามารถรอดจากน้ำมือเจ้าไปได้ เป็นใครกัน”

“เป็นผีตนนั้นที่เคยบังเอิญบุกเข้ามาในจวนเมื่อก่อนหน้านี้” นักพรตเฒ่ากล่าวว่า “ผีตนนี้ถูกหล่อหลอมจนจะสำเร็จแล้ว แต่ยังหนีไปได้ ข้าประเมินนางต่ำไปจริงๆ”

“คงไม่มีปัญหาหรอกกระมัง”

“คงจะไม่มี สามจิตเจ็ดวิญญาณของนางใกล้จะแตกสลายแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้าประมาทไปชั่วครู่ ก็ไม่มีทางปล่อยให้นางหนีไปได้” นักพรตเฒ่าเอ่ยว่าไม่มีทาง แต่ในใจกลับไม่มั่นใจอยู่เล็กน้อย กระทั่งแอบมีความกังวล

ชายผู้นั้นเอ่ยว่า “ระวังหน่อย สองวันมานี้ชื่อเสียงไม่ดีของอารามจินหัวค่อนข้างโด่งดัง นักพรตไท่หยางผู้นั้นถูกฉังอันโหวกดดันจนต้องหลบๆ ซ่อนๆ แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่กล้าโผล่หน้าออกมา”

“วางใจเถิด ข้าเองก็หวงแหนตบะเช่นกัน” นักพรตเฒ่ากล่าวอีกสองสามประโยคว่า “แต่ว่าผีของข้าหนีไปหนึ่งตน กลองผีนี้ก็ไม่สามารถหล่อหลอมได้สำเร็จ เจ้าว่า…”

มีร่องรอยความรังเกียจแวบขึ้นมาในสายตาของชายผู้นั้น กล่าวว่า “ข้าจะไปหามาอีก”

นักพรตเฒ่ายิ้มสดใสในทันที เอ่ย “เช่นนั้นข้าจะรอ” ราวกับสัมผัสได้ถึงความรำคาญของชายผู้นั้น เขาเอ่ยต่อไปว่า “เจ้าอย่าคิดว่าข้ากำลังเอาเปรียบ พวกเราล้วนได้สิ่งที่ต้องการไม่ใช่หรือ มิเช่นนั้นเจ้าคงโดนผีสาวเหล่านั้นทำร้ายไปตั้งนานแล้ว”

เขาเหลือบมองแจกันสาวงามใบนั้น หันหลังจากไป สายตาแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน แสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษทำไมกัน ทุกคนล้วนเป็นพวกเดียวกันทั้งนั้น

ชายผู้นั้นจ้องไปที่แผ่นหลังของนักพรตเฒ่า ใบหน้าที่ซีดเซียวดูน่ากลัวเล็กน้อย

รถม้าตระกูลอันจอดอยู่ที่ประตูด้านหลังโรงประมูล ฉินหลิวซีกับเถิงเจาลงจากรถ เฟิงซิวนั่งอยู่บนหลังคาพลางเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “คิดว่าท่านจะค้างคืนอยู่ข้างนอกเสียอีก”

ฉินหลิวซีให้คนขับรถกลับไป เมื่อคนขับรถได้รับคำสั่งก็จากไปอย่างไร้ร่องรอยทันที

เฟิงซิวกระโดดลงมา จ้องมองไปยังรถม้าที่วิ่งไปเร็วมาก กล่าวว่า “ท่านทำอะไรกับคนขับรถผู้นั้นเสียแล้ว”

“เห็นว่าข้าเห็นผี คงตกใจกลัวกระมัง” ฉินหลิวซีหาว เดินเข้าไปข้างใน

เฟิงซิวเดินตามอยู่ข้างหลังนาง กล่าวว่า “ปู่ทวดหวงเซียนและคนอื่นๆ มาคำนับที่นี่แล้ว หากรู้ว่าเป็นปีศาจตัวน้อยในเผ่าของพวกมันที่ก่อเรื่องตั้งแต่แรก ก็ไม่จำเป็นต้องให้ท่านไปแล้ว ให้คนนำข่าวไปส่งที่เผ่าหวงเซียนเสียก็สิ้นเรื่อง ทำงานโดยเสียเปล่า”

“เสียเปล่าตรงไหน งานนี้ผ่อนคลายที่สุดแล้ว หากคราวหน้ามีเช่นนี้อีกก็ยิ่งดี ตระกูลอันให้ค่าตอบแทนเป็นทองคำทั้งหมดหนึ่งหมื่นตำลึง พวกเขาใจกว้างมากจริงๆ คนในเมืองหลวงนี้ทั้งมีเงินทั้งใจกว้าง ข้าชอบมาก” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

หาค่าน้ำมันตะเกียงได้อย่างมหาศาลโดยไม่ต้องพยายาม เรื่องดีๆ เช่นนี้จะหาได้จากไหนอีก

เฟิงซิว “…”

ดูสิว่าคนยากจนผู้นี้ช่างน่าสงสารขนาดไหน นิสัยหลงใหลในเงินทองเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าไปได้จากใครมา

ฉินหลิวซี “แต่ทำไมชนเผ่าหวงเซียนจึงได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ ส่วนใหญ่พวกมันไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือหรือ”

“อย่างไรเสียการอยู่ใต้ฝ่าพระบาทของฮ่องเต้ มีพลังมังกร เมื่อฝึกบำเพ็ญก็จะสามารถดูดซับโชคดีบางส่วนได้ และยังสามารถแลกมาซึ่งพรอันยิ่งใหญ่อีกด้วย” เฟิงซิวเอ่ย “นอกจากนี้ ชนเผ่าหนึ่งก็ไม่สามารถคงอยู่ในที่แห่งเดียวไปตลอดชั่วลูกชั่วหลานได้ มิเช่นนั้นหากเกิดอะไรขึ้นมาจะไม่สูญพันธุ์หมดหรือ”

“ที่เจ้าเอ่ยมาก็มีเหตุผล” ฉินหลิวซีคิดอะไรได้บางอย่าง กล่าวว่า “แต่ภายใต้ฝ่าพระบาทของฮ่องเต้ ก็มีปีศาจและสัตว์ประหลาดอยู่ไม่น้อย สกปรกเป็นอย่างมาก”

นางหยิบขวดหยกขึ้นมา ปล่อยอี้ชิวออกมา ก่อนจะเอ่ย “ที่นี่ปลอดภัยแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่ หรือว่าถูกศัตรูของเจ้าผู้นั้นไปขอให้นักพรตมาจัดการเจ้า? ดูเหมือนว่าจวนนั้นจะไม่ใช่ของตระกูลโหลว”

อี้ชิวตัวสั่น “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์น้อย ท่านเป็นคนดี ช่วยผีด้วยเถิด!”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท