คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 557 พิชิตใจคนด้วยคุณธรรม? คุณธรรมที่ผิดศีลธรรม

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 557 พิชิตใจคนด้วยคุณธรรม? คุณธรรมที่ผิดศีลธรรม

ไม่ว่าบรรดาผีน้อยจะกลัวแค่ไหน ก็ต้องพาฉินหลิวซีตามหาผีร้ายที่นางต้องการ นั่นคือผีเก่าแก่ที่ตายไปห้าสิบปีแล้ว ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านในหุบเขา เป็นเพราะความอาลัยอาวรณ์ในความรุ่งเรืองของโลกมนุษย์จึงไม่ได้ไปเกิดใหม่ ยึดหลุมศพเก่าเป็นถ้ำอาศัยอยู่ของตัวเอง แต่งงานมีอนุภรรยาสิบกว่าคน ทำตัวเจ้าชู้ เนื่องจากกลืนกินดวงวิญญาณมากมายจึงทำให้จิตวิญญาณแข็งแกร่ง เก่งกาจเป็นอย่างมาก จึงมีฉายาว่าแม่ทัพผี

ตอนที่ฉินหลิวซีไปหา ผีแม่ทัพตนนี้เห็นว่านางเป็นเพียงแค่เด็กน้อยจึงไม่ได้ใส่ใจ อีกทั้งนางหน้าตาดี ยิ่งใช้คำพูดที่หยอกล้อและกำเริบเสิบสาน

ต่อมา ก็ไม่มีต่อมาแล้ว

เพราะว่าเขาถูกฉินหลิวซีอัดจนดวงวิญญาณแทบจะแตกสลาย น่าสงสารมาก สายตาที่มองฉินหลิวซียิ่งมีความยำเกรงราวกับเห็นจอมมาร

เฟิงซิวส่ายหน้าอย่างเวทนา ‘หากรู้เช่นนี้ ไม่สู้รีบไปเกิดใหม่เสียแต่แรก เหตุใดต้องมาทุกข์ทรมานเช่นนี้’

เมื่อหันไปมองใครบางคนที่ทำท่าทางราวกับว่าข้าเป็นราชาแห่งขุนเขา และหมู่บ้านนี้ก็เป็นของข้า ก็อดมองไปทางอื่นไม่ได้

ขยาดลูกกะตา

ในใจแม่ทัพผีรู้สึกขมขื่น เขาเป็นผีมาแล้วหลายสิบปี ทุกอย่างล้วนเป็นไปอย่างราบรื่น ปรมาจารย์ทั่วไปก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ดันตกไปอยู่ในมือของเด็กน้อยที่เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาผู้นี้

เฮ้อ ถูกอัดครั้งนี้เจ็บเหลือเกิน เหมือนได้รับบาดเจ็บตอนที่ยังมีชีวิตอยู่

แต่นั่นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคืออะไรรู้หรือไม่ จอมมารผู้นี้จะให้เขาไปยั่วยุปรมาจารย์อารามจินหัวผู้นั้น ใครบ้างไม่รู้ว่าตบะของปรมาจารย์ไท่เฉิงได้ก้าวไปอีกขั้นแล้ว ไปยั่วยุเขา รังเกียจที่ชีวิตผียาวนานและน่าเบื่อหรือ

ปรมาจารย์ผู้นี้ต้องการให้เขาไปเป็นหน่วยกล้าตาย จิตใจโหดเหี้ยมจริงๆ

“ข้า ข้ามอบเงินทองเครื่องประดับทั้งหมดเหล่านี้ให้ท่านไม่ได้หรือ” แม่ทัพผีมองฉินหลิวซีพลางกล่าวอย่างน่าสงสาร เขาให้คนแบกหีบออกมาสองใบ

ฉินหลิวซีมองไปยังของไร้ค่าในหีบสองใบนั่น สบถพลางกล่าวว่า “ถือว่านี่เป็นการขอโทษข้า แต่เจ้ายังต้องช่วยข้าทำเรื่องนี้”

แม่ทัพผีกล่าวว่า “ใต้เท้า ข้าน้อยไม่ได้เก่งขนาดนั้นจริงๆ ไม่ขอปิดบังท่าน ข้าน้อยก็เป็นผีมานานแล้ว เตรียมจะไปเกิดใหม่แล้ว”

ดังนั้น ปล่อยผีไปเถิด

“ทำงานให้ข้าก่อนไปเกิด” ฉินหลิวซีไม่สะทกสะท้าน เหลือบมองเขาพลางเอ่ย “เจ้ามีบาปเต็มตัว ยังไม่ถึงคราวที่เจ้าจะได้กลับชาติไปเกิดเร็วขนาดนั้น ยังต้องถูกลงโทษ เจ้าช่วยข้าหลอกล่อปรมาจารย์ไท่เฉิงไปที่จวนฉังชวนปั๋ว เมื่อถึงเวลาที่เจ้าถูกลงโทษข้าจะให้ผีที่ยมโลกช่วยหยวนให้เจ้าเล็กน้อย”

แม่ทัพผีคุกเข่าลง “ท่านดูสิ ข้าถูกท่านอัดจนอนาถเช่นนี้แล้ว ไหนเลยจะมีพลังผีไปหลอกล่อเขามาได้ เกรงว่าทันทีที่ข้าปรากฏตัว ก็ถูกเขาจับทำลายเสียแล้ว”

ฉินหลิวซีตบหน้าเขา “อย่าแสร้งทำเป็นโง่ เมื่อครู่เจ้าถูกข้าอัดจนแทบไม่เหลือชิ้นดี แต่ตอนหนีขากลับเร็วราวล้อกังหันลม อีกอย่างเดิมทีก็แค่ให้เจ้าไปหลอกล่อเขา ไม่ได้ให้ไปต่อสู้กับเขาจริงๆ เสียหน่อย ยั่วยุสักหน่อยแล้วค่อยหนีไป”

แม่ทัพผี ‘ท่านกำลังทำให้ผีลำบาก!’

“จะทำไม่ทำ หากไม่ทำข้าก็จะอัดเจ้าต่อ” ฉินหลิวซีลูบกำปั้นเป็นการขู่ “เจ้าอย่าบังคับข้า จริงๆ แล้วข้าไม่ใช่คนชอบใช้กำลัง ปกติข้าชอบใช้คุณธรรมพิชิตใจคนเสมอ”

แม่ทัพผี ‘คุณธรรมที่ผิดศีลธรรมอันใหญ่หลวงกระมัง’

ฉินหลิวซียกกำปั้นขึ้น เขารีบตะโกนเสียงดังทันทีว่า “ทำๆๆ ข้าทำแล้วพอใจหรือยัง แต่หากเขาไม่ตามข้ามาจะทำอย่างไร ตอนนี้ก็ห้ามเดินทางตอนกลางคืน เขาจะยังเข้าเมืองไปกับข้าหรือ เขาไม่ได้โง่เสียหน่อย”

ฉินหลิวซีคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ย “เช่นนั้นเจ้าก็ไปขโมยของในอารามจินหัว เขาต้องตามอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นก็ไปวางไว้ในจวนฉังชวนปั๋ว”

แม่ทัพผีแทบล้มลง ท่านบอกมาตามตรง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านทำเรื่องใส่ร้ายผู้อื่นใช่หรือไม่ เหตุใดจึงได้ดูชำนาญเช่นนี้

กลุ่มคนไปที่อารามจินหัว

เฟิงซิวเอ่ยอยู่ข้างหูฉินหลิวซีว่า “กล่าวตามตรง ท่านรู้สึกไม่พอใจใช่หรือไม่ เกลียดที่ไท่หยางสอดแนมและพยายามรอบทำร้ายท่านก่อนหน้านี้ ดังนั้นท่านจึงคิดจะจัดการกับปรมาจารย์ไท่เฉิงผู้นี้ใช่หรือไม่”

“ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น” ฉินหลิวซีกล่าวอธิบายด้วยสีหน้าชอบธรรม “ข้ากำลังช่วยเขาพิสูจน์ตัวเอง ก่อนหน้านี้พวกเขาออกประกาศว่ายึดหลักปราบสิ่งชั่วร้ายปกป้องเต๋าเป็นอันดับแรกไม่ใช่หรือ”

เหอะๆ ข้าเชื่อเจ้าให้โง่

เจ้าคนทึ่มผู้นี้เหตุใดไม่คิดสักหน่อยว่าหากปรมาจารย์ไท่เฉิงไม่เล่นตามบทล่ะ

อารามจินหัวยังคงปิดอารามอยู่ เงียบสงบ

คืนนี้ปรมาจารย์ไท่เฉิงรู้สึกจิตใจไม่สงบ เมื่อนับนิ้วคำนวณก็ขมวดคิ้ว

การทำนายบอกว่าเขาถูกกำหนดให้รุกรานผู้ร้าย

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

ปรมาจารย์ไท่เฉิงนวดขมับ ยิ่งรู้สึกโมโหไท่หยางที่ไม่ได้เรื่องผู้นั้น หากไม่ใช่เพราะเขา ทุกอย่างก็คงไม่วุ่นวายจนไม่ราบรื่น ตอนนี้ยังไม่ถึงเทศกาลใหญ่ก็ใช้เงินค่าน้ำมันตะเกียงจำนวนมากเพื่อทำการกุศลแล้ว แต่ชื่อเสียงก็ยังดึงกลับมาไม่ได้ ขาดทุนเป็นอย่างมาก

เขาต้องทำอะไรบางอย่าง มิฉะนั้นศักดิ์ศรีของอารามจินหัวจะถูกทำลายจนไม่เหลือแล้ว

แล้วไหนจะไท่หยางผู้นั้นอีก ตอนนี้ก็ยังคงวุ่นวายอยู่หลังภูเขา อยากจะไปเจอแม่ลูกคู่นั้น ไม่รู้จักสำนึกผิดเลยจริงๆ

ยิ่งปรมาจารย์ไท่เฉิงคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งหงุดหงิด ตบน้ำในอ่างอาบน้ำอย่างแรง

ทันใดนั้นหางตาของเขาก็มองเห็นบางอย่าง สายตาจับจ้อง มือร่ายคาถาโจมตี “ปีศาจร้ายที่ไหน บังอาจบุกเข้ามาในอารามจินหัวของข้า!”

สิ่งนั้นถูกคำสาปโจมตี ดูเหมือนจะหมดแรงไปชั่วขณะ ปรากฏขึ้นเป็นเงา จากนั้นก็หยิบกางเกงที่ปรมาจารย์ไท่เฉิงแขวนไว้บนฉากกั้นแล้ววิ่งหนีไป

เมื่อปรมาจารย์ไท่เฉิงเห็นกางเกงตัวนั้นอย่างชัดเจนก็โมโหมาก “เจ้าผีเหิมเกริม กล้าดีอย่างไรมาดูหมิ่นข้า!”

เขาลุกขึ้นตัวเปล่า เอาเสื้อคลุมเต๋าที่แขวนอยู่บนฉากกั้นมาคลุมตัว หยิบกระบี่เหรียญทองแดงบนกำแพงแล้วไล่ตามออกไปอย่างรวดเร็ว

ในอารามจินหัว มีลูกศิษย์กำลังถือหม้อตะเกียงน้ำมัน พึ่งจะเติมตะเกียงน้ำมันเสร็จแล้วเดินออกมา อ้าปากหาวแล้วเงยหน้าขึ้น เสียงดังเพล้ง หม้อน้ำมันตกลงพื้น

“เจ้าหาเรื่องใส่ตัวหรือ” ลูกศิษย์อีกคนหนึ่งตบไหล่เขา รีบหยิบหม้อน้ำมันขึ้นมา

ลูกศิษย์ผู้นั้นจ้องมองอย่างเหม่อลอย ชี้ไปยังแผ่นสีแดงที่ลอยอยู่บนศีรษะ กล่าวว่า “ศิษย์พี่ ท่านดูสิ มีกางเกงซับในตัวหนึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้า”

ศิษย์พี่ผู้นั้นเงยหน้าขึ้น ยังไม่ทันเห็นอย่างชัดเจน เจ้าอาวาสอารามของตัวเองก็ถือกระบี่ไล่ตามผ้าสีแดงนั้นไปอย่างรวดเร็ว “เจ้าผีเหิมเกริม หยุดเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

แม่ทัพผี ‘ข้าตายไปตั้งนานแล้ว มิฉะนั้นก็คงไม่ต้องโชคร้ายมาทำงานนี้’

หนี รีบหนี

เขาก้มศีรษะมองดูกางเกงซับในสีแดงแล้วคร่ำครวญ เหตุใดจึงได้เอาสิ่งนี้มา สวรรค์ เจ้าอาวาสอารามจินหัวผู้สง่างามช่างน่าสนใจจริงๆ ที่ด้านหลังของก้นกางเกงซับในยังปักดอกเบญจมาศอยู่ด้วย แต่ลวดลายเหล่านี้คืออะไร ดูเหมือนจะเป็นอักขระ?

แม่ทัพผีรู้สึกว่าวิญญาณสั่นสะท้าน เกือบจะตกลงมากลางอากาศ แต่เขาจำคำพูดของฉินหลิวซีได้ เมื่อเห็นปรมาจารย์ไท่เฉิงตามมาจริงๆ คิดว่ากางเกงตัวนี้สำคัญกับเขามากอย่างแน่นอน หายไปไม่ได้

แม่ทัพผีรีบไปยังจวนฉังชวนปั๋วในเมือง ปรมาจารย์ไท่เฉิงโกรธจนตัวสั่น เจ้าผีร้าย หากข้าจับเจ้าได้เมื่อไหร่ จะสังหารให้วิญญาณแตกสลายอย่างแน่นอน

นั่นคือกางเกงปลุกเสกของเขา

เมื่อเฟิงซิวเห็นปรมาจารย์ไท่เฉิงที่ห่อเพียงเสื้อคลุมเต๋าแล้ววิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว ลมพัดเสื้อคลุมเผยให้เห็นขาที่เปลือยเปล่าทั้งสองข้างก็อดไม่ได้ที่จะรีบปิดตาฉินหลิวซีในทันที

บาปกรรมจริงๆ

ฉินหลิวซีดึงมือเข้าออก เงียบไปนานก่อนจะกล่าวเบาๆ ว่า “หากข้ามองไม่ผิด ที่แม่ทัพผีถืออยู่นั้นคือกางเกงซับในกระมัง เจ้านี่ท่าทางลามก ทำอะไรก็ลามกกว่าคนอื่น!”

ดันไปขโมยกางเกงซับในของไท่เฉิงเจินเหหรินเสียได้ อี๋

เฟิงซิวสีหน้าซังกะตาย ‘พวกเขาช่างบาปหนาจริงๆ จึงได้มาเจอคนอย่างท่าน!’

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท