คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 559 แพะรับบาป

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 559 แพะรับบาป

เมื่อถูกคนลามกอย่างนักพรตซวีกงเยาะเย้ย ปรมาจารย์ไท่เฉิงที่เดิมทีใช้ตบะเพียงหกส่วนก็โมโหจนใช้ถึงสิบส่วน กระบี่เหรียญทองแดงแยกร่างราวกับดอกไม้บาน พุ่งโจมตีฝ่ายตรงข้าม

ที่บอกว่านักพรตซวีกงเป็นนักพรตอิสระนั้นไม่ผิด แต่ก็มีตบะเช่นกัน มิเช่นนั้นคงไม่สามารถหล่อหลอมเครื่องรางชั่วร้ายอย่างกลองผีนี้ออกมาได้ เดิมทีเขาก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายคุณธรรมอยู่แล้ว เมื่อต่อสู้กับปรมาจารย์ไท่เฉิงก็ใช้แต่คาถามาร โจมตีแต่ส่วนล่าง หยาบคายเป็นอย่างมาก ทำให้ปรมาจารย์ไท่เฉิงที่เดิมทีตอนออกมาก็เร่งรีบจนไม่ได้พกเครื่องรางอะไรมาด้วยยุ่งเหยิงอยู่พักหนึ่ง

แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นนักพรตที่มีตบะขั้นสร้างรากฐานแล้ว ไม่มียันต์ เขาก็ร่ายคาถาได้ เรียกสายฟ้า

ผ่านักพรตมารลามกผู้นี้ให้ตายไปเลย!

จากนั้นท้องฟ้าที่เดิมทียังคงเย็นสบาย ทันใดนั้นฟ้าก็ร้องดังขึ้น ผ่าลงมาที่ลานเล็กในจวนฉังชวนปั๋วที่ถือว่าเป็นพื้นที่ต้องห้าม

นักพรตซวีกงกัดฟันโกรธ หยิบยันต์ออกมาแล้วขว้างไปที่ปรมาจารย์ไท่เฉิง

ในขณะที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กัน ฉินหลิวซีกับเฟิงซิวได้เข้าไปในเรือนเล็กอย่างเงียบๆ และได้ปล่อยอี้ชิวออกมานำทาง

อี้ชิวก็คิดไม่ถึงว่าฉินหลิวซีที่บอกว่าจะไม่ช่วย ในชั่วพริบตาก็ออกกลอุบายเช่นนี้ พาทั้งสองเข้าไปในห้องชำระอย่างตื่นเต้น ให้พวกเขาย้ายถังปลดทุกข์ออก

“ที่นี่ก็คือทางเข้าสู่ทางลับ รีบเอาออกเร็ว”

ฉินหลิวซี “!”

สาวน้อย เจ้าบอกทางผิดหรือไม่ นี่ไม่สอดคล้องกับกลอุบายในตำรา

ปกติแล้วเส้นทางลับอะไรเหล่านั้นจะอยู่ที่หลังตู้ หรือบนโต๊ะในห้องตำราไม่ใช่หรือ เพียงแค่เคลื่อนย้ายสิ่งของก็เข้าไปได้แล้ว หรือไม่ก็ใต้เตียง หรือแม้แต่หินประดับที่อยู่ด้านนอกก็ยังดี

ใครบอกนางได้บ้างว่าทำไมทางลับในจวนนี้จึงสร้างขึ้นใต้ถังปลดทุกข์

สกปรกอะไรเช่นนี้ นักพรตผู้นี้ช่างชั่วร้ายยิ่งนัก!

ฉินหลิวซีปิดประสาทสัมผัสทั้งห้าของตัวเอง สั่งให้เฟิงซิวลงมือ

เฟิงซิวกัดฟันโกรธ ข้าไปทำบาปทำกรรมอะไรมา รังเกียจว่าเตียงที่เรือนไม่นุ่มพอหรือ จึงได้มาทำเรื่องบ้าๆ กับคนผู้นี้อยู่ที่นี่

แต่นายท่านกำชับมา เขาไม่กล้าขัดคำสั่ง เตะถังปลดทุกข์จนกระเด็นออกไป เผยให้เห็นวงแหวนเล็กๆ

ฉินหลิวซีดึงวงแหวนขึ้นมา เป็นประตูใต้ดินที่มีบันไดลงไป

“เป็นถึงนักพรตมาร เรียนอะไรไม่เรียน ดันมาเรียนสิ่งที่บรรดาขุนนางทำกัน ทำทางลับที่ยุ่งยาก ซ้ำยังต้องลงไป เพียงแค่ร่ายคาถาบังตาหรือวางค่ายอาคมในห้อง ก็สามารถปิดบังความลับได้แล้ว ทั้งยังไม่เหนื่อยด้วย” ฉินหลิวซีบ่นพลางเดินลงไปด้วย

เฟิงซิว “เลิกบ่นได้แล้ว ฟ้าใกล้สว่างแล้ว รีบจัดการให้เสร็จจะได้กลับไปอาบน้ำนอน”

“จริงด้วย ได้ยินมาว่าวันนี้ขบวนแห่ผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งจะเริ่มในยามเฉินหนึ่งเค่อ ข้าต้องไปดูความสง่างามของลูกศิษย์รุ่นนี้”

เฟิงซิว “…”

เมื่อครู่เขากล่าวผิดไปแล้ว เอาใหม่

ทันทีที่เข้าไปในเส้นทางลับ ฉินหลิวซีก็อุทานด้วยความประหลาดใจ ใช้ได้เลย ซ้ำยังวางค่ายอาคมบังตาไว้ที่นี่ด้วย นางหัวเราะเบาๆ เริ่มรื้อค่ายอาคมอย่างรุนแรง

และเมื่อค่ายอาคมที่นี่ถูกแตะต้อง ทางด้านซวีกงก็รับรู้ได้ เขาจ้องปรมาจารย์ไท่เฉิง แสยะยิ้มพลางด่าด้วยความโกรธว่า “เป็นถึงฝ่ายคุณธรรม ก็เพียงแค่นี้ ถึงขั้นใช้การสับขาหลอก ไร้ยางอาย”

“บังอาจ!” ปรมาจารย์ไท่เฉิงไม่เข้าใจ มือทั้งสองข้างร่ายเวทมนต์โจมตีไปที่เขา

ซวีกงกระโดดขึ้น โยนยันต์ไปหาเขา และทำการสับขาหลอกเช่นกัน พุ่งไปทางเรือนเล็ก

จากนั้นปรมาจารย์ไท่เฉิงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ฟังจากคำกล่าวของนักพรตมารผู้นี้ ดูเหมือนว่ามีคนอื่นแอบเข้ามา เป็นใคร

เขากำลังจะตามไป แต่หลังจากได้ยินเสียงฟ้าร้องดังสนั่นหลายครั้งในห้อง มีเงาโผล่ออกมาสองเงา ตะโกนเสียงดังมาที่เขา “มีบางอย่างผิดปกติ ถอยเร็ว”

ปรมาจารย์ไท่เฉิง “?”

พวกเจ้าเป็นใคร พวกเรารู้จักกันหรือ

เงาทั้งสองวิ่งหายไปแล้ว ปรมาจารย์ไท่เฉิงยังคงมึนงงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีเสียงดัง ‘ปัง’ เขาหันกลับไปมอง เห็นนักพรตซวีกงที่เดิมทียังหน้าขาวไร้เครา เส้นผมดำขลับ ตอนนี้ผมเป็นสีขาว ใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่น ผิวหนังแตก กุมหน้าอกราวกับชนบานประตู เสื้อคลุมเต๋าบนตัวของเขาฉีกขาด อนาถยิ่งกว่าของปรมาจารย์ไท่เฉิงเสียอีก ราวกับได้รับการโจมตีอย่างรุนแรง

เห็นได้ชัดว่าได้รับผลสะท้อนกลับอย่างรุนแรง

นักพรตซวีกง ‘ไม่ใช่ ข้าถูกลอบทำร้ายต่างหาก!’

นักพรตคุณธรรมตัวร้ายที่ไร้ยางอาย

สวรรค์รู้ว่าตอนที่เขากำลังเข้าไปในทางใต้ดิน ข้างในก็มีเงากระโดดออกมา พุ่งเข้าหาเขาแล้วเสกยันต์ห้าสายฟ้าสามแผ่นใส่เขาโดยตรง แรงระเบิดนั้นทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นสะท้าน เจ็บไปทั้งตัว ซี่โครงหัก หายใจยังรู้สึกเจ็บ

นักพรตซวีกงจ้องมองปรมาจารย์ไท่เฉิงไม่ละสายตาด้วยความอาฆาต น่ารังเกียจ ไร้ยางอาย ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว พวกเขามุ่งเป้าหมายมาที่กลองผีของเขา

ปรมาจารย์ไท่เฉิงก้าวถอยหลัง กล่าวอ้ำอึ้งว่า “หากข้าบอกว่าข้าไม่ได้เป็นคนทำ เจ้าเชื่อหรือไม่”

อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ ยันต์ห้าสายฟ้าสามแผ่นโยนลงบนตัวเขาโดยไม่ได้มีความลังเลแม้แต่นิด ทำไมหรือ อารามจินหัวของเจ้ามีมรดกตกทอดมากมายขนาดนั้นเลยหรือ ยันต์ห้าสายฟ้านี้ไม่ต้องใช้เงินหรืออย่างไร

ยันต์ห้าสายฟ้าเชียวนะ จะวาดให้สำเร็จสักแผ่นได้ก็ไม่รู้ว่าต้องเสียกระดาษยันต์ไปเท่าไหร่ ทันทีที่ลงมือก็โจมตีพร้อมกันสามแผ่น ข้าซวีกงผู้นี้รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ

ไม่สิ เมื่อลงมือก็ใช้ยันต์ห้าสายฟ้าสามแผ่น เจ้ายังบอกว่าเจ้าไม่รู้เรื่อง?

ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!

นักพรตซวีกงอาเจียนออกมาเป็นเลือด หยิบแส้วิญญาณขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา พุ่งไปยังปรมาจารย์ไท่เฉิงอย่างโซเซ

ปรมาจารย์ไท่เฉิงกะพริบตา ว่ากันว่าอาศัยจังหวะที่คนป่วยอยู่มาเอาชีวิตไป ตอนนี้รอบๆ ไม่มีใคร ไม่สู้ยุติเขาเสียเลย

อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนดีอะไร

ขณะที่เขากำลังคิดฟุ้งซ่าน นักพรตซวีกงทนฝืนต่อความเจ็บปวดรวดร้าวทั่วร่างกาย พุ่งเข้ามา ทันใดนั้นเท้าของเขาก็สะดุดบางอย่าง กระโจนเข้ามา

ฉึก

นักพรตซวีกงเบิกตาโต เงยหน้าอย่างยากลำบาก สบตากับปรมาจารย์ไท่เฉิงที่ก้มลงมาพอดี

ปรมาจารย์ไท่เฉิงมองดูกระบี่เหรียญทองแดงในมือตัวเองที่แทงทะลุนักพรตมารผู้นี้ ตกใจจนก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว “เป็นเจ้าที่รนหาที่ตายเข้ามาชนเอง”

เลือดไหลออกมาจากมุมปากนักพรตซวีกง ความโกรธแค้นที่ไม่เต็มใจของเขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทันทีที่วิญญาณออกจากร่างก็กระโดดหนีไป

“แย่แล้ว” เมื่อปรมาจารย์ไท่เฉิงเห็นว่าวิญญาณของนักพรตมารผู้นี้หนีไปแล้ว ในใจรู้สึกถึงหายนะ ขณะที่กำลังจะไล่ตามไป กลับได้ยินเสียงบางอย่าง

เขาหันกลับไป มีคนปรากฏตัวอยู่ที่ประตูลาน สบตากับเขา จากนั้นก็ก้าวถอยหลังพลางร้องตะโกน “ใครก็ได้ มีขโมยบุกจวน จับตัวมันมาให้ข้า”

เสียงฝีเท้าทยอยกันมา

ความจริงแล้ว ตอนที่ปรมาจารย์ไท่เฉิงเรียกฟ้าให้ผ่าที่ลาน ก็ได้มีองครักษ์ตระกูลติงสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวทางด้านนี้แล้ว เพียงแต่ลานเล็กนี้เป็นพื้นที่ต้องห้ามของจวนฉังชวนปั๋ว และฉังชวนปั๋วก็ได้ออกคำสั่งไว้นานแล้วว่าไม่อนุญาตให้ใครมาเดินเพ่นพ่านแถวนี้ และเรือนเล็กนี้ก็มีเสียงความเคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลก

ดังนั้นเมื่อทุกคนมาถึงที่นี่ก็ล้วนถอยห่างออกไปถึงสิบจั้ง[1]เพื่อรอดูสถานการณ์ จนกระทั่งฉังชวนปั๋วเร่งฝีเท้าเข้ามา จึงได้บุกเข้าไป

ฉังชวนปั๋วจ้องไปที่นักพรตซวีกงที่นอนอยู่แทบเท้าปรมาจารย์ไท่เฉิงโดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย สายตามีความเย็นชา คนไร้ประโยชน์ ปกติแกล้งทำเป็นเคร่งขรึมมีความสามารถ กลับมาตายเช่นนี้ แล้วต่อไปเขาจะจัดการกับวิญญาณอาฆาตแค้นเหล่านั้นอย่างไร

นักพรตซวีกง ‘ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าตายอย่างไม่ยุติธรรม’

เมื่อปรมาจารย์ไท่เฉิงเห็นคนตระกูลติงที่ถือกระบอง ดาบ กระบี่บุกเข้ามา หัวของเขาก็สับสนไปหมด ราวกับมีมือมาพัดหมอกออกไป ในหัวของเขาก็ชัดเจนขึ้น

ประเสริฐมาก[2] ดูเหมือนว่าเขาจะถูกลอบวางแผน ซ้ำยังเป็นแพะรับบาป!

[1] จั้ง 1จั้ง เท่ากับ 3.33 เมตร

[2] ประเสริฐมาก อู๋เลี่ยงเทียนจุน (无量天尊) เป็นคำกล่าวของชาวลัทธิเต๋า มีนัยอวยพรให้มีความสุขอย่างหามิได้ เปรียบกับได้หลวงจีนจะพูดว่า อามิตตาพุทธ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท