คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 561 ใครกันที่สามารถทำให้ผีเป็นหมื่นหวาดกลัวได้

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 561 ใครกันที่สามารถทำให้ผีเป็นหมื่นหวาดกลัวได้

ฉินหลิวซีกับเฟิงซิวกลิ้งกลองผีแล้วรีบออกจากจวนฉังชวนปั๋วไป แต่คิดไม่ถึงว่าแม้นักพรตซวีกงผู้นั้นจะตายแล้วแต่วิญญาณกลับไม่ดับสลาย ไล่ตามมาด้วยความขุ่นเคือง

“คืนกลองผีมาให้ข้า” นักพรตซวีกงไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง ถือโอกาสดูดกลืนวิญญาณผีเร่ร่อนที่อยู่บนถนน วิญญาณผีผู้น่าสงสารเหล่านั้นไม่รู้ว่าเร่ร่อนมานานเท่าใดแล้ว ยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง ก็ถูกหลอมรวมเข้าไปในท้องของนักพรตซวีกงแล้ว

หลังจากที่ฉินหลิวซีสังเกตเห็นก็มีสีหน้าเย็นชา นางหยุดลง รอให้นักพรตซวีกงผู้นั้นตามมาทัน

“พวกอันธพาลไร้ยางอาย…เฮือก” นักพรตซวีกงหยุดกะทันหัน มองฉินหลิวซีพลางกลืนน้ำลาย

เป็นแสงสีทอง แสงสีทองแห่งบุญอันมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดบุญกุศลเหล่านั้นกำลังดับสลายไปในอากาศ สิ้นเปลืองเกินไปแล้ว

แต่ไม่ว่าอย่างไร โจรไร้ยางอายที่ตรงหน้านี้ก็เป็นผู้ที่มีบุญกุศล หากกลืนกินนางเข้าไปหรือยึดครองร่างนี้ จะสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จอีกขั้นได้หรือไม่

นักพรตซวีกงอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยความโลภ จากนั้นก็รีบถอยหลังกลับ ไม่สิ อันตราย อันตรายเป็นอย่างมาก คนผู้นี้น่ากลัว ต้องรีบหนี

เอาชีวิตรอดสำคัญที่สุด

นักพรตซวีกงกำลังจะหายตัวหนีไป บุญนั้นสำคัญ แต่หากไม่มีชีวิตดื่มด่ำก็เปล่าประโยชน์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เขาเป็นเพียงผีตนหนึ่ง ควรรอจนกว่าจะแข็งแกร่งขึ้นก่อนค่อยลองอีกครั้ง

ทันทีที่เขาหลบหนี ก็ชนเข้ากับสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็น

โอ๊ย จมูกเบี้ยวแล้ว

“จะไปไหน เมื่อครู่ตอนที่ดูดกลืนวิญญาณดูแข็งแกร่งมากไม่ใช่หรือ” ฉินหลิวซีก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

นักพรตซวีกงหันกลับมา “เจ้า เจ้าอย่าเข้ามา ข้าไม่ต้องการกลองผีนั่นแล้ว มอบให้เจ้าไปเลย”

“ใครอยากได้กัน!” ฉินหลิวซีพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จับดวงวิญญาณของเขาด้วยมือเปล่า เริ่มใช้มือทุบตีและฉีกออกจากกัน

อ๊ากกก

เสียงกรีดร้องของนักพรตซวีกงทำให้แม่ทัพผีที่ซ่อนอยู่ในขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณได้รับการปลอบใจ ข้าไม่ใช่คนเดียวที่ถูกอัด แล้วก็ไม่ใช่คนสุดท้าย อย่างไรเสียก็มีผีโชคร้ายที่น่าสังเวชกว่าข้าเสมอ

“ตอนมีชีวิตอยู่หล่อหลอมผี ตายไปก็ยังดูดกลืนผี คิดว่าตัวเองโหดร้ายที่สุด โหดร้ายยิ่งกว่าข้าหรือ” ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม มองดูดวงวิญญาณของเขาที่มีบาปกรรมนับไม่ถ้วนและความสกปรกอย่างรังเกียจ กล่าวว่า “ผู้ที่เข้าแถวรอไปเกิดใหม่ไม่ได้มีแค่เจ้าคนเดียว ยมทูตกรมอาญาในยมโลกก็ไม่จำเป็นต้องดูแลเจ้า ดับสลายไปเสียเถิด”

ทันทีที่นางมีความคิดนี้ขึ้นมา ไฟที่ปลายนิ้วก็พลันสว่างขึ้น ดีดไปที่เขา

นักพรตซวีกงเห็นดวงไฟสีแดงราวกับดอกบัวเลือด วิญญาณสั่นสะท้าน “ไม่ เจ้าคือ…”

ฟู่

ไฟนรกตกลงบนดวงวิญญาณของเขา ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน

ในขวดหยก แม่ทัพผีกับอี้ชิวตัวสั่นสะท้าน เอนตัวเบียดกัน อยากจะหลบหนี

โลกนี้ไม่คุ้มค่า พี่ชายยมทูต รีบมาพาพวกเขาไปเถิด

น่ากลัวมาก

ผู้ที่รู้สึกหวาดกลัวไม่แพ้กันยังมีผีเร่ร่อนที่เฝ้าดูความครึกครื้นอยู่ไกลๆ มีผีบางตนที่เดิมทีอ่อนแออยู่แล้วได้วิญญาณดับสลายไป บางตนก็วิ่งหนีพลางกรีดร้อง

หนี รีบหนี อย่าให้โดนเผา

ไม่ไกลนัก เฟิงซิวกำลังปีนกำแพงมองมาทางนี้ แล้วมองดูกลองผีที่เดิมทีถูกแปะยันปราบปีศาจแต่ก็ยังไม่สงบสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้กลับสงบนิ่งลงแล้ว เขาฮัมเพลงเบาๆ

ทันทีที่ไฟนรกออกมาแผดเผาบาปกรรมทั้งหลาย ใครบ้างไม่เกรงกลัว

ปรมาจารย์ไท่เฉิงที่ลงหลักปักฐานอยู่ที่จวนฉังชวนปั๋ว กำลังทบทวนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ดูเหมือนจะรับรู้ถึงบางอย่าง เดินออกมาจากห้อง กระโดดขึ้นไปบนหลังคา ใช้ดวงตาสวรรค์มองไปแล้วขมวดคิ้ว

เป็นใครกัน

สามารถทำให้ผีนับหมื่นหวาดกลัวได้

ฉินหลิวซีมองดูนักพรตซวีกงสลายกลายเป็นขี้เถ้าลอยไปอย่างเย็นชา จากนั้นก็กลิ้งกลองผีอีกครั้ง ขณะที่กำลังจะจากไป ก็หยุดลงแล้วหันกลับไปมอง

ตุ๊กตากระดาษน้อยวิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ ปีนขึ้นมาตามขาของนาง จากนั้นก็ปีนไปที่มือของนาง นอนแผ่หลา เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

ฉินหลิวซีดึงจิตวิญญาณออกจากตุ๊กตากระดาษน้อย ไม่นานก็ได้รู้ว่าปรมาจารย์ไท่เฉิงผู้นั้นกับฉังชวนปั๋วมีความเห็นพ้องต้องกันอย่างไร

ล้วนเป็นคนที่มีความสามารถในการแสดง

เฟิงซิวเอ่ยว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”

“จวนฉังชวนปั๋วช่างน่าขยะแขยงเสียจริง ทั้งจวนเต็มไปด้วยความสกปรกและบาปกรรม ปรมาจารย์ไท่เฉิงก็เล่นไปตามบทของฉังชวนปั๋วผู้นั้น ไม่ได้กลัวเลยว่าจะเป็นการทำลายการฝึกบำเพ็ญของตัวเอง” ฉินหลิวซีถอนหายใจ

เฟิงซิวอดทน ทนไม่ไหวอีกต่อไป ก่อนจะเอ่ยว่า “แม้ว่าข้าจะเป็นพวกเดียวกันกับท่าน แต่คำพูดเหน็บแนมของท่านนี้สมควรถูกอัดอยู่เล็กน้อย ที่เขาทำสัญญากับพยัคฆ์ ก็เป็นเพราะท่านสร้างเรื่องขึ้นมาให้เขาตกลงไปในหลุมใหญ่นี้ไม่ใช่หรือ”

ฉินหลิวซี “อย่างน้อยเขาก็สังหารนักพรตซวีกงที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาปกรรม เพื่อป้องกันไม่ให้มีวิญญาณบริสุทธิ์ต้องทนทุกข์ทรมานไปมากกว่านี้ จึงพอเฉลี่ยกับบุญกุศลได้บ้าง ปรมาจารย์ไท่เฉิงมาจากลัทธิเต๋าฝ่ายคุณธรรม เดิมทีก็มีบุญกุศล เรียกได้ว่าเป็นนักพรตผู้ชอบธรรมของเสวียนเหมินอย่างแท้จริง เพียงแต่ในบางเรื่อง เขาไม่เด็ดขาด บางอย่างก็มองไม่ชัดเจนว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ เขาไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดี ดูเหมือนว่าการที่อารามเต๋านี้อยู่ใกล้กลุ่มผู้มีอำนาจจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย บางครั้งมักจะถูกควบคุมและถ่วงดุล หัวใจเต๋าก็ถูกขัดขวางได้ง่าย”

“เขาเพียงแค่ไม่ได้ตัดจากทางโลก เมื่ออยู่ในทางโลกอย่างแท้จริง ก็ยังพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง บรรดาชาวเสวียนเหมินเหล่านั้นที่ตัดขาดจากทางโลกต่างหากที่มีการกระทำที่น่ารังเกียจ” ก็ไม่รู้ว่าเฟิงซิวคิดอะไรอยู่จึงได้เอ่ยถากถางขึ้นมา

“ที่เจ้ากล่าวมาก็ถูก” ฉินหลิวซีหิ้วกลองผีใบนั้น เอ่ยว่า “ไปกันเถอะ ฟ้าใกล้จะสางแล้ว”

ทั้งสองคนรีบกลับไปที่จิ่วเสียน เมื่อเข้าไปในเรือนก็วางกลองผีไว้บนโต๊ะ

ไม่ว่าเป็นฉินหลิวซีหรือเป็นเฟิงซิว เมื่อเห็นกลองใบนี้ สายตาล้วนแฝงไว้ด้วยความรังเกียจและโมโหเล็กน้อย

ฉินหลิวซีปล่อยอี้ชิวกับแม่ทัพผีออกมา ทันทีที่อี้ชิวเห็นกลองใบนั้น สายตาก็มีความหวาดกลัวเล็กน้อย

อย่างที่นางกล่าวไปก่อนหน้านี้ กลองนี้ใช้กระดูกคนเป็นคาน ใช้ผิวหนังคนเป็นหนังกลอง ภายใต้แสงไฟ ผิวหนังขาวใสแวววาวราวกับหยก ก็ไม่รู้ว่าไปถลกผิวหนังสาวน้อยที่ไหนมา แต่ต้องเป็นเด็กสาวที่อายุน้อยเป็นอย่างมาก เพราะบนหนังกลองนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเกลียดชัง

ตัวกลองสลักด้วยอักขระอันชั่วร้าย สีแดงราวกับเลือด มีวิญญาณขุ่นเคืองหลายดวงถูกขังอยู่ในกลอง หากไม่มียันต์ปราบปีศาจของฉินหลิวซี พวกนางก็จะพุ่งออกมาจากกลอง

ฉินหลิวซีดึงยันต์ปราบปีศาจออก ปรากฏว่าพลังความขุ่นเคืองเริ่มปะทุขึ้นจริงๆ แต่ไม่กล้าขยับ

แม่ทัพผีอดขยับเข้าไปใกล้อี้ชิวไม่ได้ เขากลัว

อี้ชิวเขม่นตาใส่เขา ไสหัวไป คนสารเลว!

ฉินหลิวซีหยิบพู่กันชาดปลุกเสกขึ้นมา เขียนบทสวดเทพจินกวง[1]ทับลงไปบนอักขระที่อยู่บนกลองใหม่ จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างร่ายคาถา พึมพำคาถาขับไล่สิ่งชั่วร้ายขึ้นมา “ราชโองการแห่งเจ้าสมุทร อาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก ข้าขอมอบยันต์วิญญาณ กวาดล้างสิ่งไม่เป็นมงคล…เพี้ยง!”

ความขุ่นเคืองพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ถูกแสงสีทองชะล้างกระจายออกไป ดวงวิญญาณที่ขุ่นเคืองโผล่ออกมาจากกลองก่อนจะลงมาอยู่ที่พื้น หนึ่งตน สองตน สามตน…ทั้งหมดมีสิบหกตน เบียดกันเต็มห้องพอดี แต่ละตนล้วนเป็นเด็กสาวที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงามสมวัย แต่กลับเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองที่ชั่วร้าย ดวงวิญญาณไม่สมบูรณ์ กระทั่งอ่อนแอเล็กน้อย

หนึ่งในนั้นมีผู้ที่รูปร่างหน้าตาโดดเด่นที่สุด และยังเป็นผู้ที่มีความขุ่นเคืองที่สุดอีกด้วย นางได้ดูดกลืนวิญญาณขุ่นเคืองไปไม่น้อย ทำให้พลังขุ่นเคืองของนางเป็นสีดำเข้มข้นราวกับหมึก มองดูน่าสะพรึงกลัว

ด้านหลังนางยังมีวิญญาณที่มีชีวิตเปล่งประกายแสงสีทอง ดูเฉื่อยชาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าดวงวิญญาณไม่สงบสุขเนื่องจากออกจากร่างมานานเกินไปและถูกรุกรานด้วยพลังขุ่นเคือง

“นักพรตซวีกงถูกสังหารแล้ว ดับสลายกลายเป็นขี้เถ้า ข้าจะส่งพวกเจ้าไปเกิด” ฉินหลิวซีมองวิญญาณสาวที่อยู่ตรงหน้าพลางเอ่ยเสียงเรียบ

หลังจากสาวงามผู้โดดเด่นได้ยินดังนั้นก็เดือดดาลขึ้นมาในทันที ความขุ่นเคืองเพิ่มขึ้นทวีคูณ “พวกข้ายังไม่ได้แก้แค้น ทำไมต้องไปด้วย”

[1] บทสวดเทพจินกวง หนึ่งในแปดบทสวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ในพระสูตรของลัทธิเต๋า

โหมดอ่านต่อเนื่อง

เมื่อเข้าสู่หน้านิยายที่ถูกล็อกด้วยเหรียญระบบจะใช้เหรียญปลดล็อกตอนต่อไปโดยอัตโนมัติ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท