คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 562 คนผู้นี้ไร้หัวใจ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 562 คนผู้นี้ไร้หัวใจ

แค้นยังไม่ได้ชำระ ไม่อยากจากไป?

ฉินหลิวซีมองไปยังสตรีที่โดดเด่นผู้นั้น สายตาไม่อบอุ่นเหมือนเมื่อครู่ แต่ลุ่มลึกราวกับบ่อน้ำเย็น ลึกแต่ไร้คลื่น ไม่มีอารมณ์ใดๆ ในนั้น

เมื่อไต้หรงถูกสายตาของฉินหลิวซีกวาดมอง วิญญาณสั่นเทา ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

นางเสียสติไปแล้วจริงๆ คนที่อยู่ตรงหน้าน่ากลัวแค่ไหน ตอนที่ฉินหลิวซีใช้ไฟนรกแผดเผาซวีกงผู้นั้นนางก็ได้รู้แล้วไม่ใช่หรือ แม้ว่าจะมียันต์ปราบปีศาจกั้นอยู่ แต่ก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะท้านที่น่าสะพรึงกลัวของจิตวิญญาณ

แม้ว่าซวีกงจะตายแล้ว แต่คนที่ฆ่านางจริงๆ ยังมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้

ไต้หรงมองไปยังกลองผีที่อยู่บนโต๊ะ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองถูกถลกหนัง เลาะกระดูกและหลอมเลือดเนื้อเพื่อสร้างกลองผีใบนี้ แม้แต่วิญญาณก็ถูกกักขังอยู่ในกลองไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ ความขุ่นเคืองก็ผุดขึ้นมาในทันที น้ำตาไหลออกมาเป็นสายเลือด

“ข้าจะแก้แค้น เขาต้องตาย เขาต้องตาย กรี๊ด!” ไต้หรงกางมือออก พลังขุ่นเคืองทั้งร่างกายกลายเป็นสีแดงเลือด นี่เป็นจังหวะของการกลายเป็นผีร้าย

“คาถาสกัดวิญญาณ” ฉินหลิวซีร่ายคาถาไป เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เห็นแก่ที่เจ้าตายอย่างอนาถ ครั้งนี้จะปล่อยเจ้าไป อย่าบังคับให้ข้าต้องเชิญยมทูตมาคุมตัวเจ้าไป”

หากไต้หรงกลายเป็นผีร้าย จิตใจของนางก็จะมืดบอดด้วยความเกลียดชัง เสียสติ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เช่นนั้นบาปกรรมก็จะตกอยู่ที่นาง

การที่นางช่วยสวดส่งดวงวิญญาณที่ขุ่นเคืองเหล่านี้โดยไม่คิดเงินก็นับว่านางเมตตามากแล้ว ไม่ได้หมายความว่านางเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมแบกรับผลกรรมชีวิตของมนุษย์

ไต้หรงถูกคาถาของลัทธิเต๋าควบคุมไว้ ไม่สามารถกลายเป็นผีร้ายได้ชั่วขณะหนึ่ง อดจ้องมองไปที่ฉินหลิวซีไม่ได้ “หรือว่าเจ้าเข้าข้างคนชั่วพวกนั้น สมรู้ร่วมคิดกับผู้มีอำนาจเหล่านั้นด้วยหรือ”

“เปล่า ข้าขี้เกียจจะสนใจว่าเจ้าจะเป็นหรือตาย ไม่ว่าเจ้าอยากจะบินเข้ากองไฟเพื่อไปตาย หรือจะเอาอย่างไรก็ล้วนเป็นทางเลือกของเจ้า ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อน ทำร้ายคนที่ไม่ควรทำร้าย เช่นนั้นการที่ข้าช่วยเจ้าออกมาก็เป็นการที่ข้าทำบาปแล้ว” ฉินหลิวซีชี้ไปที่กลองผีใบนั้น ก่อนจะเอ่ยว่า “ชีวิตของเจ้าคือชีวิต ชีวิตของผู้บริสุทธิ์ก็คือชีวิตเช่นกัน พวกเขาไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องมาตายเพราะความโกรธแค้นของเจ้า”

ไต้หรงเม้มริมฝีปาก

ฉินหลิวซีไม่มองนางอีก มองแต่บรรดาสตรีเหล่านั้นที่มีสีหน้าหวาดกลัว จากนั้นจึงเอ่ย “ผู้ที่ต้องการไปเกิดใหม่ มายืนทางด้านขวา”

เหล่าผีไม่ขยับ แต่อี้ชิวกับแม่ทัพผีรีบหายตัวไปยืนอยู่ตรงนั้นทันที ซ้ำยังส่งสายตาให้บรรดาผีสาวเหล่านั้นรีบมายืนตรงนี้ หากพลาดโอกาสนี้ไปก็ไม่มีโอกาสหน้าแล้ว

“ท่านอาจารย์ นักพรตซวีกงผู้ชั่วร้ายถูกสังหารแล้วจริงๆ หรือ” มีผีตนหนึ่งถามอย่างอ่อนแรง

ฉินหลิวซีเหลือบมองนาง กล่าวว่า “แตกสลายกลายเป็นขี้เถ้า เช่นนี้เจ้าพอใจหรือไม่”

เมื่อผีสาวได้ยินดังนั้นก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม “ดีจริงๆ ข้ายินดีจะไปเกิดใหม่เจ้าค่ะ”

นางคำนับฉินหลิวซี จากนั้นก็ไปยืนทางด้านขวา ทันทีที่นางขยับก็มีผีพากันตามนางไปทีละตน ภายในพริบตาก็เหลือเพียงผีสาวนามว่าไต้หรงผู้นั้นกับสตรีผู้มีบุญกุศลที่ยังคงมึนงงอยู่

สตรีผู้มีบุญก็อยากจะเดินไปทางด้านนั้น แต่กลับถูกฉินหลิวซีเรียกไว้ เอ่ยว่า “เจ้าเป็นวิญญาณที่ยังมีชีวิตอยู่ ร่างกายยังคงอยู่ มานี่สิ”

หญิงสาวผู้มีบุญกะพริบตา เดินไปหาโดยไม่รู้ตัว

เมื่อไต้หรงเห็นว่าทุกคนเต็มใจไปเกิดใหม่ ก็เผยให้เห็นสีหน้าประชดประชันและรอยยิ้มที่ขมขื่น “ช่างเถิด พวกเจ้าไม่ใช่ข้า”

นางลูบกลองผี น้ำตาไหลรินเป็นสายเลือด พวกนางไม่เหมือนกับตนที่ถูกสร้างเป็นกลองผีเช่นนี้

ฉินหลิวซีจึงเอ่ยว่า “หากยังร้องไห้ทำให้พื้นของข้าสกปรกอีก จะจิ้มให้เจ้าตาบอด”

น้ำตาเลือดกลายเป็นความขุ่นเคือง หยดลงพื้นกลายเป็นความชั่วร้าย ในห้องเย็นยะเยือก เจ้าว่าน่ารำคาญหรือไม่

ไต้หรง “!”

คนโหดร้ายผู้นี้

ฉินหลิวซีเหนื่อยมาก จุดธูปเทียนบูชาอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็เริ่มท่องพระสูตรคัมภีร์ขจัดทุกข์ เผากองกระดาษสีเหลืองให้กลายเป็นเงินกระดาษ ท่องพระสูตรนี้สามครั้ง ทำให้ดวงวิญญาณทั้งหมดคลายความขุ่นเคือง กลับคืนสู่สภาพตอนที่ยังมีชีวิตอยู่

หลังจากนั้นไม่นานนางก็เชิญยมทูตมา สละเงินกระดาษหยวนเป่าสองก้อน ยมทูตจึงได้ลากขบวนผีเข้าสู่ประตูวิญญาณ

ก่อนที่ประตูวิญญาณจะปิด บุญกุศลหลายประการลอยเข้าสู่แท่นดวงจิตของฉินหลิวซี ทำให้ใบหน้าที่ไม่พอใจของนางมีชีวิตชีวาขึ้นมา ไม่ได้ทำงานโดยเสียเปล่า

ฉินหลิวซีมองไปยังไต้หรงอีกครั้ง เหลือเพียงแค่ตัวปัญหาใหญ่ตรงหน้าเท่านั้น

ตัวปัญหาใหญ่ไต้หรงตื่นตระหนกในใจ

นางคิดไม่ถึงว่าฉินหลิวซีบอกว่าจะเชิญยมทูตมาก็เชิญมาจริงๆ สวดส่งไปหนึ่งขบวน ไม่หยุดพัก ไม่เหนื่อยหอบ รวดเร็วราบรื่น

นางมองฉินหลิวซี กล่าวอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “เจ้า เจ้าอยากฟังเรื่องราวของพวกเราหรือไม่”

“ไม่อยาก!” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าในโลกนี้ใครกันที่ฟังเรื่องผีเพื่อให้นอนหลับ ฟ้าใกล้สางแล้ว ข้าจะไปนอน เจ้าจะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ขอเตือนด้วยความหวังดีว่าซวีกงตายแล้วจริงๆ ตอนนี้ที่จวนฉังชวนปั๋วมีปรมาจารย์ไท่เฉิงคุ้มกันอยู่ เจ้าเตรียมใจวิญญาณแตกสลายไว้ได้เลย”

ไต้หรง “…”

เจ้าท่าทางเรียบเฉยขนาดนี้ ข้าจะยังมีบรรยากาศอะไรมากลายเป็นผีร้ายไปแก้แค้นอีก!

ฉินหลิวซีปลดยันต์ให้ไต้หรง จากนั้นก็นำดวงวิญญาณของหญิงสาวผู้มีบุญเก็บไว้ในขวดหยกเพื่อรักษาตัว จากนั้นก็ไปนอน นางเหนื่อยและง่วงมากจริงๆ

เมื่อไต้หรงเห็นว่าฉินหลิวซีไม่สนใจนางแล้วจริงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะสับสนเล็กน้อย ย่อตัวลงแล้วร้องไห้ออกมาเสียงดัง

ฉินหลิวซีตะโกนออกมาจากในห้อง “ไสหัวไปร้องไห้ที่จวนฉังชวนปั๋วโน่น”

ไต้หรงทำได้เพียงปิดปาก สะอื้นเงียบๆ คนผู้นี้ไร้หัวใจ

ฉินหลิวซีแทบจะหลับไปในทันทีเมื่อศีรษะถึงหมอน ไม่ได้กลัวว่าไต้หรงจะทำอะไร

เมื่อไต้หรงไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวข้างในแล้ว ก็ลอยเข้าไปอย่างเงียบๆ นั่งอยู่ที่หัวเตียงของฉินหลิวซี กอดหัวเข่า คิดถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดของตัวเอง

เดิมทีนางมาจากตระกูลขุนนาง เป็นคุณหนูตระกูลขุนนางต้องโทษ เนื่องจากบิดาของนางถูกสอบสวนในข้อหาทุจริตและติดสินบน ฮ่องเต้จึงตัดสินให้บุรุษในตระกูลถูกตัดศีรษะ ส่วนสตรีถูกส่งไปเป็นนางคณิกา เดิมทีนางก็มีรูปร่างงดงาม ทันทีที่เข้าสู่สถานะอันต่ำต้อย ก่อนที่จะเริ่มรับแขก ก็ถูกจวนฉังชวนปั๋วรายงานว่านางเสียชีวิตด้วยอาการป่วย แล้วแอบซื้อนางกลับมา

นางยังมีโชคดีเล็กน้อย ที่ถูกซื้อคืนโดยชนชั้นสูงเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นบ่าวรับใช้ก็ยังดีกว่าต้องไปนอนกับคนนับหมื่นพันกระมัง

แต่ที่แท้กลับกลายเป็นว่าสถานที่บางแห่งนั้นน่ากลัวและสกปรกกว่าหอบุปผาเสียอีก คนบางคนมีใบหน้าบริสุทธิ์ไร้พิษภัย แต่กลับโหดร้ายยิ่งกว่าใคร

ใครจะไปคิดว่าคุณชายเหวินยวนซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้มีคุณธรรมและมีความสามารถในจวนฉังชวนปั๋ว ได้รับการยกย่องจากทุกคน แต่จริงๆ แล้วเป็นคนที่มืดมน น่ากลัว และสังหารได้ในที่ลับ

เขาชอบเครื่องลายคราม และชอบสาวงามเป็นพิเศษ เขาใช้ชื่อเสียงของตัวเองล่อลวงเด็กสาวจากครอบครัวที่ยากจนและไร้ที่พึ่ง เมื่อตกอยู่ในมือของเขา เขากลับใช้กระดูกและเลือดของพวกนางผสมผสานเข้ากับเครื่องลายครามเพื่อสร้างแจกันสาวงาม และดวงวิญญาณก็ถูกซวีกงนำไปหล่อหลอมผี เพื่อไม่ให้บรรดาสาวน้อยเหล่านั้นมาแก้แค้น ส่วนตัวเองก็ไปต้องตาเขาเข้าจึงได้เป็นเช่นนี้

เพียงแต่ว่าสิ่งที่อนาถกว่าก็คือนางมีแปดอักษรที่เป็นหยินบริสุทธิ์ กระดูกเนื้อและหนังถูกนักพรตซวีกงใช้สร้างกลองผีที่มีพลังหยินสูง จากนั้นก็กักขังวิญญาณเหล่านั้น ต่อสู้กันทั้งวันคืน ทำให้วิญญาณที่เดิมทีก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองก็ยิ่งมีความขุ่นเคืองมากขึ้น

“ซวีกงตายแล้วก็จริง แต่เหวินยวนยังมีชีวิตอยู่ เขาต้องตาย เขาเป็นคนบาปที่เลวยิ่งกว่าผีร้ายเสียอีก!” ไต้หรงเอ่ยเบาๆ ว่า “หากคนที่มีบาปทั้งตัวเช่นนี้ไม่ตาย วิญญาณของข้าก็ไม่สามารถไปเกิดอย่างสงบสุขได้ พวกนางกลัวเหวินยวนผู้นั้น แต่ข้าไม่กลัว ข้าต้องการให้เขาตาย”

พลังขุ่นเคืองอบอวลเต็มห้อง

ฉินหลิวซีลืมตาขึ้น ก่อนจะหันศีรษะไปเล็กน้อยแล้วพบว่าไต้หรงหายไปแล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท