ตอนที่ 566 ท่านจะต้องเสียใจภายหลัง
นายหญิงใหญ่ถงรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย คนผู้นี้บุกมาเยือนที่จวนก็ช่างเถิด เอ่ยวาจายังไม่ใช่เรื่องดีอะไร ยังมาบอกว่าน้องสาวสามีตนทำวิญญาณสูญหาย ใครบ้างจะไม่หงุดหงิด
น้องสามีผู้นี้ เพราะป่วยหนักมีไข้สูงตอนเด็กทำให้สมองมีปัญหา แม้คนจะตอบสนองช้าและมีอาการป่วยทางสติปัญญา แต่กลับเป็นคนว่านอนสอนง่ายจิตใจดีเป็นพิเศษ เป็นสตรีที่เป็นที่รักของทั้งบ้าน
เมื่อวาน ครอบครัวของพวกเขาออกไปเที่ยวเล่นชนบทข้างนอก รถม้าของน้องสาวจู่ๆ ก็แตกตื่นขึ้นมา เกือบหลุดออกจากบังเหียน พวกเขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่คุณชายเหวินหยวนจวนฉังชวนปั๋วผ่านมา สั่งให้องครักษ์ควบคุมม้าเอาไว้ นับว่าตกใจทว่าไม่มีอันตราย
แต่น้องสาวกลับตกใจจนสมองมึนงงกว่าเดิม หลังกลับมาถึงจวนเชิญหมอหลวงมาตรวจ ดื่มยาสงบใจและหลับไป ตื่นขึ้นมาบ้างเป็นบางครั้ง คนยิ่งหัวช้าขึ้นไปอีก นิ่งเหม่อลอยไม่พูดไม่จาจากนั้นก็หลับไปอีก ทว่าทุกคนกลับคิดว่านางเพียงตกใจเท่านั้น
แต่เจ้าอาวาสน้อยอะไรนี่ บอกว่าน้องสามีนางทำวิญญาณสูญหายอย่างนั้นหรือ
ไร้สาระสิ้นดี
นายหญิงใหญ่ถงจ้องมองฉินหลิวซีด้วยสายตาไม่เป็นมิตร สายตาที่มองไปยังลิ่นชิงอิงเองก็มีแววตำหนิ
นายหญิงใหญ่จงผู้นี้มาสร้างศัตรูหรืออย่างไร
ลิ่นชิงอิงรู้สึกว่าตนเองแทบไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว มองไปยังฉินหลิวซี บรรพบุรุษน้อย พวกเราประนีประนอมสักหน่อยเถิด ข้าแทบไม่เหลือหน้าเป็นคนแล้ว
นายหญิงใหญ่ถงเอ่ย “ข้าไม่รู้ว่าตระกูลถงของเราไปล่วงเกินท่านทั้งสองที่ใด หากมีข้าต้องขออภัยท่านทั้งสองด้วย แม่สามีข้ากังวลเรื่องน้องสาวตกใจวิญญาณสูญหายพอแล้ว พวกท่านอย่าได้มาเพิ่มความลำบากให้นางเลย”
คำว่าวิญญาณสูญหายเอ่ยออกไป นางพลันรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ไยตนเองจึงเอ่ยคำคำนี้ออกมาได้ง่ายดายเพียงนี้เล่า
ลิ่นชิงอิงยิ้ม ก้าวขึ้นไปด้านหน้ากุมมือนาง เอ่ยว่า “น้องสาวคนดี เจ้าเข้าใจพวกเราผิดไปแล้ว ไหนเลยจะมีล่วงเกินไม่ล่วงเกิน เพียงแต่…”
อธิบาย จะอธิบายอย่างไรเล่า
ฉินหลิวซีกลับเอ่ยถาม “ตกใจอย่างนั้นหรือ เกิดเรื่องเมื่อวานหรือไม่”
อี้ชิวบอกว่านางรอดมาได้เพราะซวีกงนั่นจับดวงวิญญาณที่มีบุญกุศลมากล้นจึงหลบหนีออกมาได้ บังเอิญเพียงนี้ หรือเป็นเมื่อวานหรือ
นายหญิงใหญ่ถงชะงักไปชั่วครู่ หุบปากไม่เอ่ยวาจาอย่างระมัดระวัง
เห็นว่าพวกนางมาถึงแล้ว บ่าวรับใช้จึงเลิกม่านขึ้น ทั้งหมดเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน
ฮูหยินถงนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้เหนือสุด กุมหน้าอกเบาๆ สีหน้าเป็นกังวล
เมื่อวานบุตรสาวตื่นตกใจ เห็นได้ชัดว่าคนยิ่งสมองช้าลงไปอีก หลับใหลทั้งวัน นางกำลังกลัดกลุ้มอยู่ในใจ กำลังคิดอยากเชิญหมอมาเปลี่ยนยารักษาให้บุตรสาว ไม่คิดว่าลิ่นชิงอิงจะมาถึงหาถึงที่
สตรีจวนเสนาบดีที่แต่งงานออกไปแล้วจู่ๆ บุกมาหาถึงที่ ยังมาพร้อมกับนักพรต น่าแปลกมากจริงๆ แต่ลูกสะใภ้เอ่ยถามมาได้ความว่าอีกฝ่ายมาเพื่อบุตรสาวของตนอย่างนั้นหรือ
พานักพรตมาถึงบ้าน ทำให้ฮูหยินถงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แขกที่ใดมาเยือนยังพานักพรตมาด้วยเล่า บุตรสาวจวนเสนาบดีลิ่นผู้นี้ว่ากันว่ามีประสบการณ์รับมือกับปัญหาได้ดี ไม่คิดว่าจะมีมุมเหลวไหลด้วย
ฮูหยินถงแขวะอยู่ในใจ แต่เมื่อครู่นางหัวใจเต้นเร็ว รู้สึกไม่สบายอย่างมาก ค่อนข้างเป็นกังวล
“ท่านแม่ นายหญิงใหญ่จงมาแล้วเจ้าค่ะ” นายหญิงใหญ่ถงก้าวขึ้นมาด้านหน้า รายงานต่อฮูหยินถง “ผู้นี้คือเจ้าอาวาสน้อยปู้ฉิวแห่งอารามชิงผิงเมืองหลีเจ้าค่ะ”
ฮูหยินถงตีหน้านิ่งขรึม สีหน้าเรียบนิ่ง เอ่ย “ไม่รู้ว่าทั้งสองท่านมาเยือนถึงจวนมีเรื่องใดหรือ”
ลิ่นชิงอิงยืดตัวใบหน้ายิ้มแย้ม อยากเอ่ยวาจาประนีประนอม ทว่าลำคอกลับคล้ายมีสิ่งใดอุดตันเอาไว้ เอ่ยไม่ออกแม้เพียงคำเดียว
สวรรค์ นางมีชีวิตอยู่มานานเพียงนี้ ไม่เคยจนวาจาเช่นวันนี้มาก่อนเลย
ฉินหลิวซีกลับจ้องมองสตรีผู้มีบุญคนนั้น ซึ่งก็คือถงเมี่ยวเอ๋อร์ที่โผเข้าหาร่างของฮูหยินถง แต่วิญญาณกลับทะลุผ่านไป สัมผัสได้ว่าตนเองไม่อาจกอดมารดาได้ เบะปากด้วยความคับข้องใจ มองมาทางฉินหลิวซีท่าทางน่าสงสาร
ฉินหลิวซีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เด็กน้อย วิญญาณของเจ้าออกจากร่าง กอดร่างกายที่เป็นแก่นสารไม่ได้”
ทุกคน “?”
พวกนางมองฉินหลิวซีที่มองฮูหยินถงและเอ่ยประโยคนี้ ไม่ น่าจะไม่ได้เอ่ยกับนาง เพราะทิศทางเบี่ยงออกไปเล็กน้อย
แต่เพราะเช่นนี้ ยิ่งทำให้พวกนางสั่นไปทั้งร่าง
ใบหน้าของฮูหยินถงไม่น่ามองเป็นที่สุด นี่หมอผีจอมปลอมเจ้าเล่ห์มาจากที่ใด
“นักพรตน้อยผู้นี้ เจ้ากำลังเอ่ยกับผู้ใดหรือ” ฮูหยินถงเอ่ยด้วยใบหน้าทะมึน
ฉินหลิวซีเอ่ย “สตรีจากจวนท่าน เศษเสี้ยววิญญาณของนางออกจากร่าง พอดีถูกข้าเจอเข้า จึงพากลับมาส่ง ยามนี้นางกำลังอยู่ตรงหน้าท่าน”
ฮูหยินถงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว กำลังจะเอ่ยปาก พลันมีเสียงตะโกนดังมาจากประตู
“หมอผีจอมปลอมมาจากที่ใดกัน ยังไม่ลากตัวออกไปอีกหรือ” มีคนสะบัดเปิดม่านเดินเข้ามา
“นายท่าน”
ฮูหยินถงลุกขึ้นยืน ก่นด่าอยู่ในใจ นายท่านไม่ชอบสิ่งเหล่านี้ที่สุด ยังให้เขามาเจอเข้าอีก
ลิ่นชิงอิงปวดหัวขึ้นมา เรื่องนี้ดูเหมือนยิ่งยากขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว
ถงจี้จิ่วอยู่ในชุดเครื่องแบบปัญญาชน วันนี้มีการประกาศผลการสอบขุนนาง เขาไม่ได้ออกไปข้างนอก หลังจากเดินทั่วท้องถนนแล้ว จะมีจิ้นซื่อใหม่เข้ามาขอบคุณอาจารย์ ดังนั้นเขาจึงต้องรออยู่ที่บ้าน
แต่ไม่คิดว่าเหล่าจิ้นซื่อใหม่ยังไม่มากลับมีนักพรตมาก่อน
บัณฑิตไม่เอ่ยเรื่องเหลวไหล ในระหว่างที่เหล่าบัณฑิตต้องเข้ามาคารวะอาจารย์ในจวนกลับมีนักพรตอยู่ หากให้ใครรู้เข้า จะไม่ขายหน้าจนตายเลยหรือ
ถงจี้จิ่วมองลิ่นชิงอิงด้วยความไม่พอใจโดยไม่ปิดบัง ไยสตรีจวนเสนาบดีลิ่นจึงไม่รู้ความเช่นนี้
รอยยิ้มบนมุมปากของลิ่นชิงอิงใกล้จะฝืนไม่อยู่แล้ว สองขาสั่นเทา สายตาหันมองฉินหลิวซีตาปริบๆ บรรพบุรุษ หากท่านยังไม่แก้ไขสถานการณ์ ข้าคงต้องโทษตายจริงๆ แล้ว
ถงจี้จิ่วมองสำรวจฉินหลิวซี หน้าตาก็ไม่เลว ไยจึงมาเป็นนักต้มตุ๋นเช่นนี้
“ยังนิ่งอะไรกันอยู่ ยังไม่เอาตัวคนออกไปอีก” ถงจี้จิ่วมองบ่าวรับใช้ในห้องด้วยสายตาเยือกเย็น
ฉินหลิวซีมองไปที่เขา เอ่ย “ท่านไล่ข้าหรือ เดิมทีเห็นแก่แม่นางในจวนท่าน ข้าตั้งใจจะทำความดีสักหน่อย สร้างบุญกุศล แต่ตอนนี้ท่านกลับเสียมารยาทต่อข้า เพียงข้าออกจากประตูบานนี้ไป ท่านก็ไม่อาจปีนขึ้นไปสูงได้อีกแล้ว”
เว้นแต่จะทำให้ข้าถูกใจด้วยสิ่งที่มีกลิ่นคล้ายทองแดง
ถงจี้จิ่ว “!”
สมแล้วที่เป็นนักต้มตุ๋น ที่แท้ยังเป็นคนโง่อีกด้วย
“เด็กๆ”
ฉินหลิวซีจุปากพร้อมส่ายศีรษะ “คนเล่าเรียนช่างเป็นคนดื้อรั้น ดีจะได้เปิดโลกให้ท่าน รู้ว่าเสียใจทีหลังเขียนอย่างไร”
นางหมุนตัว หยิบยันต์หนึ่งแผ่นออกมาจากแขนเสื้อ ท่องคาถาเปิดดวงตา ทันใดนั้นยันต์เผาไหม้ตนเองโดยไร้ไฟ
“กรี๊ด เมี่ยวเอ๋อร์” ฮูหยินถงลืมตาขึ้น มองเห็นบุตรสาวของตนยืนอยู่ตรงหน้า กรีดร้องขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ทุกคนเองก็ส่งเสียงกรีดร้องดังด้วยความตกใจ
ลิ่นชิงอิงขาอ่อนยวบ ก้าวถอยหลังด้วยสีหน้าซีดขาว เกาะโต๊ะเพื่อประคองตัว
ถงจี้จิ่วสมองขาวโพลน ร่างทั้งร่างนิ่งงัน นี่มันวิชามารอะไรกัน
บุตรสาวอยู่ในเรือนดีๆ ไยจึงมาอยู่ที่นี่กะทันหัน ต้องเป็นเพราะวิชาลวงตาของนักพรตจอมปลอมผู้นั้นเป็นแน่
ต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน
ทว่าบุตรสาวในภาพลวงตากลับวิ่งมาทางเขา เงยหน้าคลี่ยิ้ม เอ่ยร้องเรียกเขาเสียงหวาน “ท่านพ่อ”
ถงจี้จิ่ว “เร็ว ประคองข้า”
เขาจะเป็นลม
ตึง
“นายท่าน”
“ท่านพ่อ”
ฮูหยินถงกลับร้อง “เร็ว รีบเชิญท่านอาจารย์กลับมา”
บาปกรรม นี่มาจากไหนไปไหนกันเล่า