คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 570 ปรมาจารย์ไท่เฉิงตกหลุมพรางอีกครั้ง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 570 ปรมาจารย์ไท่เฉิงตกหลุมพรางอีกครั้ง

ปรมาจารย์ไท่เฉิงตกใจขึ้นมาจริงๆ แผ่นหยกที่เขาทำ แม้จะเป็นเครื่องรางระดับล่าง แต่สู้กับวิญญาณร้ายสักตนก็พอได้ แต่ยามนี้มันกลับแตกร้าว ซ้ำยังค่อยๆ สูญเสียพลังวิญญาณ ผีสาวตนนี้ มีความโกรธแค้นเช่นนี้ ยังสามารถทำลายเครื่องรางของนักบวชเช่นเขาได้ด้วย

เขากลับไม่รู้ว่าที่ไต้หรงสามารถทำให้เครื่องรางแตกร้าวได้เช่นนี้ เป็นเพราะกระแสจิตของฉินหลิวซีในตัวนาง

สมควรแล้วที่เฉิงเหวินยวนจะถูกแก้แค้น เพราะแม้ฉังชวนปั๋วจะนำเครื่องรางนี้มาให้เขา แต่เพราะได้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายไปจนหมดสิ้น จึงได้ลืมเครื่องรางนี้ไปแล้ว

ตอนที่เขากลับมาถึงห้องของตนเอง ไต้หรงที่ดูดซับความโกรธแค้นจากแจกันสาวงามมีพลังเพิ่มมากขึ้น เมื่อสบโอกาส สิ่งแรกที่ทำคือใช้ความโกรธแค้นในตัวเป็นมีดคมลอกหนังหน้าของเขา

ไต้หรงคิดง่ายๆ จิ้นซื่อต้องเข้าไปเป็นขุนนาง ใบหน้าไม่อาจได้รับความเสียหายหรือพิการ เช่นนั้นนางทำลายใบหน้าของเขา ต่อให้เขาสอบได้จิ้นซื่ออันดับที่ห้า ทำลายใบหน้าแล้วก็ไม่อาจไปเป็นขุนนางได้

นางตั้งใจแน่วแน่ บวกกับวันนี้มีขบวนแห่จิ้นซื่อ เฉิงเหวินยวนสวมชุดพิธีการ บนตัวไม่ได้พกเครื่องรางใดๆ ไม่ได้ป้องกันตัวเพียงชั่วครู่ทำให้ไต้หรงได้โอกาสลงมือ

หลังจากไต้หรงถลกหนังบนใบหน้าเขาแล้ว ยังถลกหนังบริเวณหัวใจของเขาด้วย

เดิมทีการถลกหนังก็น่ากลัวแล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงยามไต้หรงถลกหนัง ยังนำความโกรธแค้นของตนลงไปฝังในบาดแผลของเขาด้วย ทำให้ร่างกายของเฉิงเหวินยวนถูกกัดเซาะด้วยความเกลียดชังและความโกรธแค้นอย่างรุนแรง ดังนั้นบาดแผลของเขาจึงมีสีดำและเปื่อยเน่า กระจายพลังความชั่วร้ายออกมา

ฉังชวนปั๋วตามมาเห็นในตอนนั้น สิ่งแรกที่ทำคือยัดแผ่นหยกไว้ในมือไต้หรง ยันต์ขับไล่สิ่งชั่วร้ายในตัวแผ่นหยกโจมตีไต้หรงอย่างไร้ความปรานี พลังจิตที่ฉินหลิวซีฝังเอาไว้ในร่างวิญญาณของไต้หรงแน่นอนเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายจึงสร้างเกราะป้องกันตัวขึ้นมา

ด้วยเหตุนี้ แม้แผ่นหยกจะโจมตีจนวิญญาณของไต้หรงอ่อนแอลง แต่ก็เป็นเพราะพลังจิตนั้นจึงถูกการโจมตีสะท้อนกลับ จนเกิดเป็นรอยร้าวขึ้นมา ทำให้ปรมาจารย์ไท่เฉิงถูกพลังสะท้อนกลับไปด้วย

ไต้หรงได้โอกาส ไม่เกรงกลัวว่าวิญญาณของตนจะแตกสลาย ยังคงดึงดังที่จะสิงอยู่ในร่างของเฉิงเหวินยวน ต้องการมลายไปพร้อมกับเขา

ฉังชวนปั๋วเห็นว่าตนเองมาช้าไปหนึ่งก้าว รู้สึกโกรธอยู่ในใจ สั่งให้คนรีบไปตามปรมาจารย์ไท่เฉิง จากนั้นปาเครื่องรางทั้งหมดที่นักพรตซวีกงทิ้งเอาไว้ให้ไปยังร่างของบุตรชาย

แต่ทุกครั้งที่เขาโยน เฉิงเหวินยวนก็ส่งเสียงร้องโหยหวน ไต้หรงยังคงอดกลั้นต่อความเจ็บปวดจนวิญญาณแทบแตกสลาย ทว่าไม่ถูกขับไล่ออกไป

ฉังชวนปั๋วไม่กล้าเคลื่อนไหว ทำได้เพียงใช้แผ่นหยกกดไต้หรงที่สิงอยู่ในร่างของบุตรชายเอาไว้ รอจนปรมาจารย์ไท่เฉิงมาถึง เขาก็มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของแผ่นหยก

“ไยจึงกลายเป็นเช่นนี้” ฉังชวนปั๋วมองแผ่นหยกที่มีสีหม่นลง เอ่ยด้วยความหวาดกลัว “เจ้าอาวาส ท่านรีบลงมือเสียสิ ของสิ่งนี้ใกล้จะเอาไม่อยู่แล้ว”

ไม่ใช่จะเอาไม่อยู่แล้ว กำลังจะแตกสลายแล้ว

ปรมาจารย์ไท่เฉิงดูออกว่าพลังร้ายเข้าล้อมรอบแผ่นหยกพร้อมทำลายจิตวิญญาณ และร่างกายของเฉิงเหวินหยวนกำลังถูกผีร้ายตนนี้ยึดครอบครองแล้ว แม้วิญญาณของนางจะถูกเครื่องรางทำร้ายจนเจ็บหนัก ทว่ายังยืนหยัดไม่ยอมออก ไม่เพียงไม่ออก นางยังกำลังเผาไหม้ดวงวิญญาณตนเองด้วย

“แย่แล้ว” ปรมาจารย์ไท่เฉิงสัมผัสได้ถึงความคิดของไต้หรง ตื่นตระหนกขึ้นมา เอ่ยด่าทอเสียงดัง “ชั่วช้า หยุดทำร้ายคน ยังไม่รีบออกไปอีก ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

หนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ เดิมก็เป็นหนึ่งการแข่งขัน เฉิงเหวินยวนชั่วร้าย แต่ไต้หรงที่ตายอย่างอนาถและเลี้ยงอยู่ในกลองผียิ่งแค้นกว่านั้น ไม่เพียงมีความเคียดแค้นรุนแรง หลังจากนั้นยังกลืนกินดวงวิญญาณมากมายนับไม่ถ้วน ยิ่งทำให้นางร้ายกาจยิ่งขึ้น เพียงไม่นานก็สามารถกดข่มเฉิงเหวินยวนเอาไว้ได้

ยามนี้วิญญาณของนางอ่อนแอลงเรื่อยๆ ภายใต้การสะกดของแผ่นหยก ทว่าความโกรธแค้นกลับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งแผ่นหยกสะกดนาง มันก็ยิ่งเกิดรอยร้าวกว้างขึ้น มนต์สะกดยิ่งสลายไปเร็วขึ้น เพียงเครื่องรางหยกชิ้นนี้ไร้ประโยชน์ วิญญาณของนางก็จะไม่มีสิ่งที่สะกดเอาไว้ ยิ่งเผาไหม้ไปอย่างรวดเร็ว ดึงให้เฉิงเหวินยวนไหม้สลายไปด้วยกัน

วิญญาณแตกสลายแล้ว ร่างกายนี้ก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว นี่คือเมื่อถึงที่สุดแล้วต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง

ผีสาวนางนี้มีใจมุ่งร้ายเจ้าแผนการ

ไต้หรงแสยะยิ้มเย็น ไม่เอ่ยวาจา เพียงต่อสู้กับแผ่นหยก

ปรมาจารย์ไท่เฉิงโมโห หยิบเงินทองแดงออกมา สะบัดยันต์ขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปหนึ่งแผ่น ปากร่ายคาถาไล่สิ่งชั่วร้ายออกจากร่าง “ภายใต้สวรรค์ เทพเซียนผู้เป็นอมตะปราบปีศาจ กำจัดสิ่งชั่วร้าย เหยี่ยวและสุนัขนำพา…รับคำสั่งจากโอรสสวรรค์ เพี้ยง”

เขาหยิบดาบขึ้นมาแทงไปยังจุดหลิงไถของเฉิงเหวินยวน ฉังชวนปั๋วตกใจนึกว่าเขาจะสังหารบุตรชายของตน ยกมือขึ้นไปดึงแขนเสื้อเขา รีบเอ่ย “เจ้าอาวาส นี่คือร่างกายของบุตรชายข้าหนา ทำร้ายไม่ได้”

ปรมาจารย์ไท่เฉิงถูกขัดจังหวะการร่ายคาถา ถูกพลังสะท้อนกลับอีกครั้ง กระอักเลือดออกมา กระเด็นไปโดนเงินทองแดงพอดี

คนชั่ว มิน่าเล่าบุตรชายของเจ้าถึงได้ชั่วช้าเพียงนี้ เป็นเพราะมีบิดาที่ไม่ได้เรื่องเช่นเจ้าคอยเป็นตัวถ่วงอย่างไรเล่า ตายไปคงไม่อาจโทษผู้ใดได้

เจ้าตายก็ช่างเถิด ไยต้องมาดึงข้าไปด้วย

ตุ๊กตากระดาษตัวน้อยกระโดดลงมายังมุมหนึ่งทำให้มองเห็นทั้งหมด เกือบแกล้งตายไม่สำเร็จเพราะแทบกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี

มีบิดาโง่เขลาเพียงนี้ เขาไม่ลงนรกแล้วผู้ใดจะลงนรกกันเล่า

ไต้หรงเองก็สบายใจ ใช้พลังมากขึ้นเพื่อสู้กับแผ่นหยก

ปรมาจารย์ไท่เฉิงเอ่ยด้วยความโกรธ “หลบไป อย่ามาขวางพิธีกรรมของข้า มิฉะนั้นบุตรชายเจ้าตายก็อย่ามาโทษข้า”

ฉังชวนปั๋วหลบไปอยู่อีกฝั่ง มองบุตรชายด้วยความกังวล เขานั้นรู้สึกและทำไปตามสัญชาตญาณ ผู้เป็นพ่อคนใดเห็นคนยกกระบี่จะแทงลูกตนเอง ต่างก็ต้องปกป้องกระมัง

ครั้งนี้ปรมาจารย์ไท่เฉิงไม่ได้ท่องคาถาออกจากร่าง มือข้างหนึ่งจรดปลายนิ้วที่ข้อนิ้ว มืออีกข้างถือกระบี่วาดยันต์ ท่องมนต์ปัดเป่าวิญญาณชั่วร้าย “ราชโองการ ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก กำจัดสิ่งชั่วร้าย ปัดเป่าสิ่งไม่เป็นมงคล…เพี้ยง”

แสงสีทองกระทบเข้ากับร่างของเฉิงเหวินยวน ไต้หรงส่งเสียงร้องโหยหวนของผีออกมา เสียงกรีดร้องเต็มไปด้วยความโกรธแค้นของนางเสียดแหลมจนหูทั้งสองข้างขององครักษที่กดเอาไว้มีเลือดไหลออกมา คลายมือโดยไม่รู้ตัว ไต้หรงคว้าแผ่นหยกโยนออกไป วิญญาณเลือนราง ยังมีดวงวิญญาณอ่อนแอและเจ็บปวดของเฉิงเหวินยวนอีกด้วย

“สิ่งชั่วร้าย” ปรมาจารย์ไท่เฉิงหยิบกระจกแปดเหลี่ยมที่เอวขึ้นมาหันไปทางไต้หรง นี่ก็เป็นหนึ่งในเครื่องรางของเขา

แสงสีทองสาดเข้าตาทำให้วิญญาณของไต้หรงที่เดิมกำลังเผาไหม้ทนไม่ไหว ในตอนที่กำลังจะหลุดออกจากร่างของเฉิงเหวินยวน นางตะโกนร้องอย่างไม่พอใจ “ด้วยวิญญาณของข้าเป็นเครื่องเซ่น ขอสาปแช่งเฉิงเหวินยวนไม่ได้ตายดี กลับชาติมาเกิดเป็นเดรัจฉาน”

เพล้ง

แสงสีท่องสว่างวาบ ดวงวิญญาณทรุดโทรมของไต้หรงออกจากร่างเฉิงเหวินยวน เผาไหม้ขึ้นมา ไม่นานก็แตกสลายล่องลอยหายไป

และตุ๊กตากระดาษเล็กที่ซ่อนตัวอยู่มุมๆ หนึ่งได้ห่อวิญญาณที่เหลืออยู่เอาไว้หลบหนีออกไป

เฉิงเหวินยวนตัวอ่อนยวบลงกับพื้น หายใจรวยริน

“ยวนเอ๋อร์” ฉังชวนปั๋ววิ่งเข้าไป

ปรมาจารย์ไท่เฉิงมองทิศทางที่ดวงวิญญาณของไต้หรงล่องลอยออกไป สีหน้าเข้มขึ้น เขาไม่คาดคิดว่าความแค้นของไต้หรงจะมากมายเพียงนี้ ยอมวิญญาณแตกสลายก็จะทำให้เฉิงเหวินยวนตายให้ได้ คนผู้นี้…

ปรมาจารย์ไท่เฉิงหรี่ตาลง ก่นด่าออกมา คนผู้นี้มีบาปที่สังหารคนหนายิ่งนัก เขาสังหารผู้คนมามากเพียงใดกัน

มุมหนึ่งของจวนฉังชวนปั๋ว ฉินหลิวซียืนรอรับตุ๊กตากระดาษที่ปลิวออกมา มองดวงวิญญาณอ่อนแอบนตัวตุ๊กตากระดาษ ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท