คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 576 เพื่อแก้แค้นสามารถโจมตีตนเองได้

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 576 เพื่อแก้แค้นสามารถโจมตีตนเองได้

กระดูกส่วนเอวเชื่อมกระดูกสันหลัง เป็นจุดสำคัญมากของร่างกายมนุษย์ หากไม่อาจซ่อมแซมส่วนนั้นได้ คนก็พิการแล้ว

และกระดูกส่วนเอวของซุนหลี่ซวินหักแล้ว ยังมีการเชื่อมต่อผิดตำแหน่ง จำเป็นต้องแยกกระดูกด้วยความแม่นยำที่สุด ทำให้กระดูกส่วนที่ต่อผิดแยกออกจากกันก่อนค่อยเชื่อมในจุดที่ถูกต้อง นี่เป็นการทดสอบทักษะของหมออย่างยิ่ง

ทุกคนต่างไม่คิดว่าฉินหลิวซีจะทำได้ง่ายเพียงนี้ อาศัยจังหวะที่ซุนหลี่ซวินไม่ทันได้เตรียมตัว ก็หักกระดูกในตำแหน่งที่ต่อผิด กระทำอย่างฉับไวทำให้คนไม่ทันได้ตั้งตัวทัน

ซุนหลี่ซวินเจ็บจนตัวสั่นเทากระทั่งเหงื่อไหลซึม ใบหน้าขาวซีด

ความเจ็บปวดจากกระดูกหัก ทั้งยังเป็นส่วนเอว เป็นบาปกรรมเก่าแล้วจริงๆ

นายหญิงรองซุนมองเขาอยู่ด้านข้าง อดสงสารไม่ได้อยู่ในใจ เอ่ยว่า “อดทนเอาไว้เถิด เจ็บสักครั้งยังดีกว่าลุกขึ้นยืนไม่ได้ใช่หรือไม่”

ซุนหลี่ซวินอยากเอ่ยบางอย่าง แต่เจ็บปวดมากจริงๆ เอ่ยแม้เพียงคำเดียวยังเสียพลังงาน จึงได้แต่กัดฟัน

ฉินหลิวซีเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ย “เจ็บหรือ เจ็บก็ถูกแล้ว เมื่อก่อนท่านโวยวายขี้โมโห ภรรยาของท่านต้องอดทนต่อท่าน สมควรที่ท่านจะเจ็บสักหน่อย ไม่เพียงมีแต่ท่านที่ต้องลำบากเป็นทุกข์ คนที่นอนร่วมหมอนกับท่านเห็นท่านเสียสติ ยิ่งเป็นทุกข์มากกว่าท่าน”

ซุนหลี่ซวิน “…”

นายหญิงรองซุนอยากหัวเราะ กระบอกตาแดงระเรื่อ

ฉินหลิวซีให้หยิบพริกไทยที่ผัดแล้วมา นำมาหมุนวนอยู่บริเวณเอวของเขา

“จริงสิ ท่านเจ้าอาวาสน้อย พริกไทยนี่ช่วยอะไรหรือ” นายหญิงรองซุนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

“ช่วยให้เลือดไหลเวียนเท่านั้น ลดอาการบวม ยาขี้ผึ้งเหล่านั้นก็เช่นกัน ยังมีสมุนไพรเสริมกระดูกให้สร้างรวดเร็วขึ้น จากวันนี้ ยามต่อกระดูกนั่นกินวันละเม็ดหลังมื้อเที่ยงทุกวัน ยาน้ำแกงดื่มเช้าเย็นครั้งละถ้วยทุกวัน” ฉินหลิวซีอธิบาย มือก็เคลื่อนไหวไม่หยุด

นายหญิงรองซุนเอ่ยถามอีก “เช่นนั้นนานเพียงใดจะยืนบนพื้นได้”

“กินยาต่อกระดูกนั่นหมดก็ยืนได้แล้ว”

นายหญิงรองซุนจดจำเอาไว้ทั้งหมดแล้ว

ฉินหลิวซีเห็นว่าอุณหภูมิของพริกไทยไม่ร้อนแล้ว จึงหยิบยาขี้ผึ้งมาทาลงบนใบเลือดมังกร วางเอาไว้ในตำแหน่งกระดูกหัก และใช้ไม้ไม่กี่แผ่นดามเอาไว้ที่เอว ให้ผ้าพันรอบเอาไว้

นายหญิงรองซุนไม่เข้าใจมาตลอด บนสมุนไพรนี้ไยต้องมีไม้กระดานบางเช่นนี้ และไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไร ตอนนี้เห็นแล้วจึงเอ่ยถามออกมาอย่างอดไม่ได้ “ไม้กระดานนี้ก็สามารถกระตุ้นการไหลเวียนเลือดได้หรือ”

หมอกระดูกคนอื่นๆ ไม่เห็นทำเช่นนี้เลย

ฉินหลิวซียิ้ม

“นี่ใช้เพื่อยึดกระดูกส่วนเอวไม่ให้ผิดตำแหน่งอีก อย่างไรการรักษากระดูกให้หายต้องใช้ระยะเวลา ระหว่างนี้ หากขยับตัวมากไป อาจผิดตำแหน่ง อย่างเช่นก่อนหน้านี้ เมื่อเข้าที่แล้วจะดีขึ้นสักหน่อย” ฉินหลิวซีเอ่ย “ดังนั้นพวกท่านไม่จำเป็นต้องไปหาเรื่องท่านหมอกระดูก เป็นการต่อพลาดหรือไม่ก็ไม่อาจบอกได้ อย่างไรก็นานมากแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะตนเองก็เป็นได้”

ซุนหลี่ซวินเอ่ยอยู่ในใจ นี่คือการตีฟันให้หลุดและกลืนเลือดแล้ว

ฉินหลิวซียึดเอวเขาเอาไว้ในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นพลิกตัวเขากลับมานอนราบอย่างคล่องแคล่ว ปัดมือ “เสร็จแล้ว อีกไม่กี่วันข้าจะมาเปลี่ยนยาให้ ให้เขานอนไปเช่นนี้ หากนอนจนเหนื่อย พลิกตัวให้เขาสักหน่อย จะได้ไม่เป็นแผลกดทับ แต่ต้องเบาหน่อย ให้คนไปต้มยาเถิด เดี๋ยวอีกหน่อยกินข้าวเที่ยงแล้ว ก็กินยาเชื่อมกระดูกได้”

“รบกวนท่านแล้ว” นายหญิงรองซุนซาบซึ้งไม่น้อย เอ่ยกับซุนหลี่ซวิน “สามี ยังไม่ขอบคุณท่านเจ้าอาวาสน้อยอีก”

เอวของซุนหลี่ซวินชาแล้วในตอนนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ความ ฉินหลิวซีทุ่มเทกำลังแล้ว นึกย้อนไปถึงวาจาเสียมารยาทก่อนหน้านี้ จึงกระอักกระอ่วนขึ้นมา ยกมือประสาน เอ่ย “ขอบคุณท่านเจ้าอาวาสน้อยที่ไม่ถือสาเรื่องก่อนหน้า ลงมือด้วยความเมตตา”

ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่ต้องขอบคุณ ค่ารักษาเพียงพอก็พอแล้ว ส่วนการไม่ถือสาเรื่องก่อนหน้าน่ะหรือ ข้าไม่ได้ใจกว้างอย่างที่ท่านคิด ข้าได้แก้แค้นแล้ว”

“เอ๋”

ฉินหลิวซีมองเขาสายตาร้ายกาจ เอ่ย “การหักกระดูกเจ็บปวดมากใช่หรือไม่ บนโลกใบนี้มียาชนิดหนึ่งชื่อว่าผงร้อนชา ใช้แล้วก็จะไม่รู้สึกเจ็บ ต่อให้ไม่มีผงร้อนชา ข้าฝังเข็มสะกัดจุดชาปิดความรู้สึกเจ็บก็ยังได้”

ซุนหลี่ซวินเบิกตาโต สิ่งที่เจ้าเอ่ยยังเป็นวาจาของคนอยู่หรือไม่ มีวิธีสะกัดความเจ็บปวดไยจึงไม่ใช้กับข้าเล่า

ซุนหลี่ซวินคล้ายกลืนอึเข้าไป ไม่รู้จะตอบโต้เช่นไร

เอ่ยถึงความโหดร้ายยังเป็นเจ้าที่โหดร้าย เพื่อเอาคืนข้า ยังโจมตีตนเองได้

นายหญิงรองซุนหัวเราะออกมา ใช้นิ้วมือจิ้มไปที่ขมับของเขา “สมน้ำหน้า ใครใช้ให้เจ้าขี้โมโหเอง เพราะคนในจวนเอาใจเจ้า พอออกไปข้างนอก ผู้ใดจะมาเอาอกเอาใจเจ้า ดูว่าเจ้าเห็นใครแล้วยังจะกล้าเอ่ยเหลวไหลอยู่หรือไม่ เอ่ยวาจาไม่รู้จักนอบน้อม ข้าว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยลงมือเบาไปเสียอีก ให้เจ้าจำเอาไว้”

“นี่ยังไม่โหดอีกหรือ นี่คือความเจ็บปวดแสนสาหัสเชียวนะ” ซุนหลี่ซวินเอ่ยน่าสงสาร

“หากเจ็บมากจริงๆ ไหนเลยเจ้าจะมีสติกลับมาได้ไวเพียงนี้” นายหญิงรองซุนกลอกตา เจ้าโง่นี่

ซุนหลี่ซวินชะงัก เหมือนจะเป็นเช่นนี้จริงๆ ตอนกระดูกหักเจ็บจนน้ำตาทะลักออกมา รู้สึกตายทั้งเป็น ตอนนี้กลับรู้สึกไม่เลว

“ข้าผิดไปแล้วพอใจหรือไม่” ซุนหลี่ซวินเหลือบตามองฉินหลิวซี เอ่ยจริงใจ “เพราะข้าดูถูกท่านแล้ว ขออภัยด้วย”

ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม

ฮูหยินซุนเห็นโอกาสจึงเดินเข้ามา เห็นสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เอ่ยถามไม่กี่คำถาม รู้ว่าอีกไม่กี่วันบุตรชายก็จะดีขึ้น จับมือฉินหลิวซีด้วยความรู้สึกยินดีไม่น้อย “ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรจึงจะแสดงออกถึงความขอบคุณในครั้งนี้”

ฉินหลิวซีเงยหน้า ดวงตาคู่นั้นเกร็งขึ้นเล็กน้อย ยิ้มบาง เอ่ย “ไม่ต้องเอ่ยอะไร นายหญิงรองทำตามที่สัญญาก็เพียงพอแล้ว”

นายหญิงรองซุนรีบเอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสน้อยวางใจ รับปากจะสร้างรูปหล่อทองคำให้อารามของท่าน ข้าจะทำมันได้ดีอย่างแน่นอน”

“ข้าเชื่อนายหญิงรอง” ฉินหลิวซีหันไปหาฮูหยินซุน ท่าทางอึกอัก

ฮูหยินซุนรีบเอ่ยถาม “ท่านอาจารย์มีเรื่องอื่นใดหรือไม่”

“ฮูหยินหากอยู่ใกล้บิดามารดา หากสะดวกรีบกลับไปเยือนสักหน่อย”

ฮูหยินซุนชะงัก รู้สึกไม่สงบขึ้นมา

ลิ่นชิงอิงที่อยู่ด้านข้างได้ยินวาจานี้ ขนแขนพลันลุกขึ้นมา นางนึกถึงเรื่องตระกูลถงขึ้นมา

นายหญิงรองซุนถามหยั่งเชิง “ท่านเจ้าอาวาสน้อยหมายความเช่นไร”

ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเบา “บิดามารดา มารดาของฮูหยินซุนก็อายุมากแล้ว”

ฮูหยินซุนชะงักงัน มารดาของนางอายุเจ็ดสิบหกแล้ว หลายปีมานี้ร่างกายเริ่มเป็นขาลงแล้ว

นางนึกถึงตัวตนของฉินหลิวซี สีหน้าพลันซีดขาวขึ้นมาทันใด “ท่านจะบอกว่ามารดาใกล้…”

ฉินหลิวซีไม่ได้เอ่ยตอบ

ลิ่นชิงอิงมองไปยังฮูหยินซุนด้วยความเห็นใจ เอ่ยเสียงไม่สูงไม่เบา “ท่านเจ้าอาวาสน้อยร่ำเรียนศาสตร์ทั้งห้าของเสวียนเหมิน ดูโหงวเฮ้งก็เป็นหนึ่งในนั้น”

ฮูหยินซุนเซไปเล็กน้อย

ฉินหลิวซีให้เถิงเจาเก็บกล่องยาให้เรียบร้อย นัดแนะวันเวลามาเปลี่ยนยา จากนั้นออกจากตระกูลซุนพร้อมกับลิ่นชิงอิง

“เจ้าอาวาสน้อย ที่ท่านเอ่ยเมื่อครู่ มารดาของฮูหยินซุนใกล้จะจากโลกนี้ไปแล้วใช่หรือไม่” ลิ่นชิงอิงใจกล้าเอ่ยถาม

ฉินหลิวซีพยักหน้า “ใกล้แล้ว”

ลิ่นชิงอิงถอนหายใจ เอ่ย “หากรอให้ลูกไปแสดงความกตัญญูไม่ไหวคงน่าเศร้าเป็นที่สุด หวังว่าฮูหยินซุนนางจะไปทันเวลา”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท