ตอนที่ 581 ข้าไม่ได้กำลังข่มขู่เจ้าจริงๆ
คนที่ตามหาไข่มุกมังกรวารียังไม่ทันมาถึง จิ่งเสี่ยวซื่อก็มาก่อน เพราะฮูหยินหนิว แม่เลี้ยงของเขาผู้นั้นตายแล้ว แต่น้องชายราคาถูกผู้นั้นกลับอยู่ไม่เห็นคน ตายไม่เห็นศพ สงสัยว่านักพรตไท่หยางนำพาตัวไปแล้ว
และจิ่งเสี่ยวซื่อมาหาฉินหลิวซีเพราะการตายของฮูหยินหนิวนั้นแปลกประหลาดเล็กน้อย อยากเชิญฉินหลิวซีไปดู
จวนตระกูลจิ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปไม่ไกล เพียงสองชั่วยาวก็ถึงแล้ว ฉังอันโหวเองก็อยู่ในจวน ตอนเห็นฉินหลิวซี ตาไม่ใช่ตา จมูกไม่ใช่จมูก ส่งเสียงหยันออกมา
“บิดาของท่านกำลังโทษที่ข้ากำจัดคนสวมเขาให้เขาอยู่อย่างนั้นหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยกับจิ่งเสี่ยวซื่อเสียงเบา
จิ่งเสี่ยวซื่อ “ไม่ต้องสนใจเขา เพียงไม่ยอมขายหน้าก็เท่านั้น”
ฉินหลิวซีพยักหน้าครุ่นคิด “ข้าเข้าใจ คนผู้นี้โดนสวมเขามานาน ต้องถอดออกมาทันทีทันใด ศีรษะยังเย็นอยู่ ลมพัดมาศีรษะก็เย็น ยังไม่คุ้นชินนัก”
จิ่งเสี่ยวซื่อ “…”
แม้ว่าข้าไม่ได้มีความเคารพอะไรต่อบิดาผู้นี้ แต่ท่านก็ไม่เห็นข้าเป็นคนนอก เป็นกันเองเกินไปมากทีเดียว
ฉังอันโหวหยุดเท้าก่อนจะหันกลับมา สายตาเย็นเยือกพุ่งตรงไปยังฉินหลิวซี เจ้าสามารถ ‘ลดเสียง’ ลงอีก ดูซิว่าข้าจะไม่ได้ยิน
ฉินหลิวซียิ้มให้เขา
ฉังอันโหวโกรธมาก สะบัดแขนเสื้อ รีบสาวเท้าเดินไปข้างหน้า
ฉินหลิวซีถอนหายใจ เอ่ยกับจิ่งเสี่ยวซื่อ “เจ้าอย่าได้ทำตัวเหมือนบิดาของเจ้า อย่างนี้ไม่ได้ ไม่ดี” ท่าทางกวนประสาท ดึงดูดความเกลียดชัง
บ่าวรับใช้เรือนหลักของจวนถูกพาตัวออกไปนานแล้ว ห้องโถงในเรือนหลักมีองครักษ์ไม่กี่คนเฝ้าอยู่ ไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้าใกล้
ฉินหลิวซีไม่เอ่ยวาจา เพียงเดินเข้าไป มองห้องโถงหลักและรอบข้างไปตลอดทาง
ไม่ใช่สิ คนตายแล้วกลับไม่มีความอาฆาตแม้เพียงนิด หรือว่าตายตาหลับหรือ
เมื่อเดินเข้าไปในเรือนหลัก ฉินหลิวซีมองไปรอบๆ คิ้วขมวดขึ้น สะอาดมากจริงๆ ไม่มีความโกรธแค้น แม้แต่พลังหยินก็ยังไม่มี
“ท่านเจ้าอาวาสน้อย ถึงแล้ว” จิ่งเสี่ยวซื่อเอ่ยบอก
ฉินหลิวซีเดินเข้าไปด้านในห้อง มองไปบนเตียง ส่งเสียงเฮือกขึ้น
บนเตียงมีศพแห้งตัวผอมถูกวางเอาไว้ ราวกับมีบางอย่างดูดเอาพลังและเลือดไปทั้งตัว
ฉินหลิวซีเดินเข้าไปใกล้ มือแหวกผ้าห่อศพออกดู จับขยับคอของฮูหยินหนิว ตำแหน่งเส้นเลือดใหญ่ เห็นบาดแผลถูกมีดแทง ข้างๆ แผลมีรอยฟันเล็กๆ
“ถูกดูดพลังและเลือด คนที่เฝ้าอยู่ไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวแม้เพียงนิดเลยหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม
ฉังอันโหวหน้าทะมึน เอ่ย “เพื่อให้นักพรตไท่หยางนั่นติดกับ บ้านนี้เฝ้าอย่างกับถังเหล็ก โจ่งแจ้งและหลบซ่อนต่างก็มี แต่คนเข้ามาอย่างไร ไม่รู้เลยแม้เพียงนิด นักพรตนี้ราวกับหนูในท่อระบายน้ำ หลบๆ ซ่อนๆ เชิดหน้าชูตาไม่ได้เลยจริงๆ”
ต่อว่าก่นด่าไปเรื่อยเช่นนี้ รังเกียจว่าตนเองอายุยืนหรือ
ฉินหลิวซีหรี่ตาลง ยืดตัวยิ้มเบาๆ “ไม่คิดว่าท่านโหวยังเคยให้หนูตัวนี้หลอกเอาได้ จากนี้ท่านโหวคงต้องระวังสักหน่อย โดยเฉพาะยามนอนหลับ อย่าได้มีหนูอะไรย่องเงียบเข้ามาหา เป็นแบบนางคงไม่สวยแล้ว”
นางชี้ไปยังฮูหยินหนิว
ฉังอันโหวตัวแข็งทื่อ ใบหน้ามืดดำราวกับจะมีน้ำหมึกหยดออกมาได้ อย่าได้ดูถูกเจ้าหนูท่อระบายน้ำผู้นี้ มิเช่นนั้นจะตายอย่างไรยังไม่รู้
ใช่แล้ว เพียงเอ่ยเตือนด้วยความใจดี ไม่ได้ข่มขู่อย่างแน่นอน นางเป็นคนดีที่ใจกว้างด้วย
จิ่งเสี่ยวซื่อหน้าตึงเอ่ยกับฉังอันโหว “หากท่านพ่อไม่สบายก็ไปรอด้านนอกก็พอขอรับ”
เอ่ยไม่เป็นก็อย่าได้เอ่ย อย่าให้เขาได้ล่วงเกินใคร มิเช่นนั้นไม่รู้ตระกูลจิ่งจะมีปัญหาอะไร หาคนที่คอยช่วยเหลือได้คงไม่มีแล้ว
ฉังอันโหวยิ่งโกรธ สะบัดแขนเสื้อ เดินไปด้านข้าง
จิ่งเสี่ยวซื่อยกมือประสานให้ฉินหลิวซี เอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสน้อยอย่าได้ถือสา มีคนเฝ้ายามมากจริงๆ แต่ไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ นี่…”
เขาเหลือบมองไปยังฮูหยินหนิวเล็กน้อย รู้สึกมีความหวาดกลัวอยู่ในใจ
ถูกสูบพลังและเลือด แต่กลับไม่มีใครรับรู้ อย่างที่ฉินหลิวซีบอก หากอีกฝ่ายต้องการเอาคืนพวกเขา เช่นนั้นการเฝ้ายามจะมีประโยชน์อะไร
ฉินหลิวซีเอ่ย “อารามจินหัวยึดมั่นในเส้นทางที่ถูกต้องอย่างแท้จริง เพียงไม่รู้ว่านักพรตไท่หยางไปเรียนวิชามนต์ดำชั่วร้ายมาจากที่ใด และยังสำเร็จอีกด้วย พิสูจน์ได้ว่าวิชาทางเต๋าเขาไม่ได้ด้อย มิเช่นนั้นเขาจะใช้วิชาชิงชีวิตไปจากท่านได้อย่างไร นักพรตที่มีความสามารถเช่นนี้ ไม่ใช่หมอผีกะโหลกกะลา หนูท่อระบายน้ำนี้ใช้วิชาปิดตา กระทั่งเรียกผีบังหูบังตา ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ไม่ได้เสียพลังอะไรมากมาย”
ฉังอันโหวที่ถูกเหน็บแนมอีกครั้งเล็บมือแทบจิกเข้าไปในเนื้อฝ่ามือแล้ว ปากนักพรตน้อยผู้นี้ คมราวกับมีดจริงๆ
จิ่งเสี่ยวซื่อเอ่ยถามอีกครั้ง “เช่นนั้นจิ่งเสี่ยวอู่ตายหรือยังมีชีวิตอยู่”
ฉินหลิวซีรู้วันเวลาเกิดของเด็กคนนั้น นับนิ้วคำนวณ เอ่ย “อายุขัยสิ้นแล้ว เพียงแต่…”
“ทำไมหรือ”
ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ ดวงวันเกิดนี้คำนวณได้ไม่ชัดเจน คลุมเครือ ราวกับไม่ได้ผูกติดกับสวรรค์และโลกมนุษย์
นักพรตไท่หยางชั่วร้ายผู้นี้ทำอะไรกับเด็กคนนั้น วางแผนจะทำสิ่งใดอีก
มั่นใจได้ว่ารอยฟันที่ลำคอของฮูหยินอู่ต้องเป็นของเด็กคนนั้นอย่างแน่นอน ให้เด็กดูดเลือดและพลังของมารดาหรือ
ฉินหลิวซีสูดหายใจเข้าลึก นักพรตไท่หยางนี่คงไม่ใช่ว่าต้องการเลี้ยงเด็กเป็นศพเดินได้ โดยที่มีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกระมัง
“มีวันเวลาเกิดของสตรีผู้นี้หรือไม่” ฉินหลิวซีชี้ไปยังฮูหยินหนิวพร้อมเอ่ยถาม
จิ่งเสี่ยวซื่อมองไปทางฉังอันโหว
ฉังอันโหวเห็นสีหน้าของฉินหลิวซีดูเคร่งเครียด เอ่ยวันเวลาตกฟากเวลาหนึ่งออกมา
ฉินหลิวซีหยิบธูปออกมาจุด ดึงปิ่นหยกออกมาจากบนศีรษะของฮูหยินหนิว เผายันต์เรียกวิญญาณ ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย ท่องคาถาเรียกวิญญาณ
แต่ท่องไปแล้วสองรอบ วิญญาณของฮูหยินหนิวก็ไม่มา จึงล้มเลิก
“วิญญาณของนางก็ไม่อยู่แล้ว”
จิ่งเสี่ยวซื่อเอ่ยถาม “หมายความอย่างไร นางไปเกิดใหม่แล้วหรือ”
“แบบนี้นางนับว่าตายไม่ได้รับความเป็นธรรม ดูการตายของนางคงไม่ยินยอมอย่างแน่นอน คนที่ตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมจะต้องมีความแค้น จะไม่ยอมไปรายงานตัวที่ยมโลกเพื่อเกิดใหม่ด้วยความเต็มใจ แต่จะท่องไปทั่วทุกแห่งเพื่อตามล้างแค้น ต่อให้นางไปแล้วก็เป็นผีใหม่ ข้าเรียกนางจะมาได้แน่นอน แต่ความจริงกลับเรียกมาไม่ได้ บอกได้เพียงว่าดวงวิญญาณของนางถูกขังเอาไว้ หรือไม่ก็ดวงวิญญาณแตกสลาย เพราะที่นี่ไม่มีความโกรธแค้น และไม่มีพลังหยิน สะอาดสะอ้านดี”
จิ่งเสี่ยวซื่อนิ่งอึ้ง
“นางเป็นคนของนักพรตไท่หยางไม่ใช่หรือ จะทำแบบนี้กับนางหรือ” ในที่สุดฉังอันโหวก็เอ่ยปากขึ้นมาหนึ่งประโยค
ฉินหลิวซีคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้ม เอ่ย “เพียงสตรีนางเดียว ฉังอันโหวก็ยังไม่สนใจ คนที่เป็นบุรุษอย่างนักพรตไท่หยางจะสนใจหรือ หากสนใจละก็ คงไม่เอาไปเพียงบุตรชายกระมัง”
ฉังอันโหวใบหน้าเขียวขึ้นมา ส่งเสียงเหอะหนักๆ
จิ่งเสี่ยวซื่อเม้มริมฝีปาก ถอนหายใจพลางเอ่ย “ตอนนี้ดูแล้ว ยังไม่รู้ว่าพวกเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่อย่างนั้นหรือ”
“ก็ไม่แน่” ฉินหลิวซีมองต้นท้อต้นหนึ่งนอกหน้าต่าง ยื่นศีรษะออกไป “นั่นใคร เจ้ามานี่”
บนต้นท้อ องครักษ์คนหนึ่งกระโดดลงมา
“ไม่ได้เรียกเจ้า หลบไปเถิด เป็นผีที่อยู่ในต้นไม้ด้านหลังเจ้า รีบออกมาหาข้า” ฉินหลิวซีกวักมือ “ไม่มา ข้าจะส่งเจ้าไปเกิด”
ทุกคนนิ่งงั้น “…”
ให้พวกเขาได้ถามอย่างคนไม่รู้ เทพารักษ์ในต้นไม้คือสิ่งใด