คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 583 ขอความเมตตาได้ความเมตตา

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 583 ขอความเมตตาได้ความเมตตา

เมื่อความจริงปรากฏ นิสัยของคนคนหนึ่งเมื่อบิดเบี้ยวขึ้นมาคือไร้ซึ่งขอบเขต

นักพรตไท่หยางใช่วิชามนต์ดำต่ออายุให้กับบุตรชายสองครั้ง แต่ทั้งสองครั้งต่างก็ถูกทำลาย นี่ทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองร่ำเรียนถูกท้าทายอำนาจ ถูกคนตบหน้าแรงๆ

บวกกับเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงติดต่อกันในช่วงนี้ ทำให้เขาที่เป็นนักพรตสูงส่งราวกับเทพเซียนได้รับความนับถือต้องมาอยู่อย่างหนูข้างถนน สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้และสงสัยในตัวเอง

นอกจากความพ่ายแพ้ เขายังรู้สึกอับอาย จนความรู้สึกในใจนั้นบิดเบี้ยว

สิ่งที่เขาต้องทำก็คือต้องทำให้สำเร็จ พิสูจน์ว่าเขาถูกต้อง ทางเดินเต๋าของเขาไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

อีกหนึ่งประเด็น เรื่องราวโชคร้ายมากมายทั้งหมดเกิดขึ้นจากการที่เขาพยายามต่อชีวิตให้บุตรชาย เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว เขาไม่อาจทิ้งไประหว่างทางเช่นนี้ได้

เพียงบุตรชายยังมีชีวิตอยู่ จึงจะพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้ทำผิด

ที่ว่ากันว่าเมื่อผิดครั้งที่หนึ่งย่อมมีครั้งที่สอง นักพรตไท่หยางได้ทิ้งคำสั่งสอนทั้งหมดของอาจารย์เอาไว้ด้านหลังแล้ว มีใจมุ่งเพียงพิสูจน์ว่าตนเองถูกต้อง

หนิวซื่อมองเห็นสายตาไม่นิ่งของนักพรตไท่หยางหัวใจรู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาเป็นระยะ รู้สึกไม่สงบเล็กน้อย กำลังอยากอ้าปากร้องตะโกน

นักพรตไท่หยางมองออกถึงความคิดของนาง มีดพกในมือสะบัดออกไปปักเข้าที่ลำคอด้านหลังของนาง ทำให้นางเป็นลมสลบไป

เวลาเขามีไม่มากจึงรีบดำเนินการ

นักพรตไท่หยางใบหน้าขึงขังรีบตั้งโต๊ะบูชาเล็กๆ ขึ้นมา หยิบอาวุธวิเศษที่เขาเคยฝึกเอาไว้เมื่อก่อน หม้อดูดวิญญาณหนึ่งชิ้น

ทันใดนั้น เขาสัมผัสได้ถึงสายตาร้อนรุ่ม เขาหันมองไป กลับเห็นจิ่งอู่ที่ไม่รู้ว่าลืมตาคู่นั้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด สายตามืดและลึกกำลังมองเขา

นักพรตไท่หยางยิ้มให้เขา “วางใจ พ่อจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่ตลอดไป”

จิ่งอู่ไม่เอ่ยวาจา สายตาโหดเหี้ยมอำมหิต

นักพรตไท่หยางวาดมือ หยิบเครื่องรางหลายชิ้น วางค่ายอาคมรวบรวมหยินขึ้นมา พลังหยินพัดวนเข้ามาไม่ขาดสาย เมื่อถูกพลังหยินรุกล้ำ สีหน้าของจิ่งอู่ก็ยิ่งย่ำแย่ ราวกับมีเพียงลมหายใจเฮือกเดียว ใบหน้าผอมซีดขาวเต็มไปด้วยความอึมครึม ทว่าจ้องมองคนที่นั่งขัดสมาธิท่องมนต์อยู่บนพื้นนิ่ง

ต่อมาเขาก็ใช้กำปั้นทุบอกให้กระอักเลือด ก่อนจะพ่นเลือดออกมาใส่เครื่องรางเหล่านั้น ท่องคาถาบูชาด้วยใบหน้าซีด พร้อมทั้งใช้เลือดวาดยันต์ จากนั้นเอาเลือดจากปลายนิ้วของอู่ซื่อ นำเครื่องรางสองชิ้นละลายลงไปในถ้วย และส่วนหนึ่งเทเข้าไปในปากของจิ่งอู่

น้ำเครื่องรางมีกลิ่นเหม็นแรงราวกับงูเลื้อยลงไปในลำคอของจิ่งอู่ ลงไปสู่กระเพาะ กลับเป็นราวกับก้อนมังกรไฟ ความเจ็บปวดลุกลามและเผาไหม้อวัยวะภายในของเขา จิ่งอู่อายุเพียงสิบขวบต้นๆ ไหนเลยจะทนต่อความเจ็บปวดนั้นได้ เริ่มโอดครวญกลิ้งไปมา ทว่าถูกนักพรตไท่หยางปิดปากเอาไว้

“เด็กดี ทนอีกหน่อย เดี๋ยวก็ดีแล้ว”

กลิ่นเลือดคละคลุ้ง ราวกับกลิ่นสกปรกของการเผาไหม้เครื่องในที่เน่าเปื่อยกระจายฟุ้งไปทั่ว

ไม่นานจิ่งอู่ก็หมดลมหายใจ รูม่านตาไร้แวว มองเห็นสามจิตเจ็ดวิญญาณของเขากำลังจะออกจากร่าง ใช้เหรียญทงเม่ยหลายเหรียญอุดทวารทั้งเจ็ดของเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้ดวงวิญญาณของเขาออกไปได้ จากนั้นติดยันต์รวบรวมหยินบนหน้าผากของเขา

ฉินหลิวซีฟังมาถึงตรงนี้ ถอนหายในเบาๆ ออกมา “ข้าว่าแล้ว เขาไม่ใช่เพียงหนูท่อระบายน้ำ มีความสามารถด้านเต๋าจริงๆ แม้จะไม่ได้ใช้วิธีที่ถูกก็ตาม”

เหรียญทงเม่ยก็คือเหรียญทองแดงที่ผ่านมือคนนับหมื่น พลังหยินเข้มข้น ใช้สยบความชั่วร้ายเหมาะสมที่สุด นักพรตไท่หยางกลับใช้มันเพื่อปิดทวารทั้งเจ็ดของจิ่งอู่ ทำให้วิญญาณไม่อาจออกไปได้ จากนั้นเลี้ยงวิญญาณด้วยพลังหยิน นี่คือการทำศพหยินคนตายให้มีชีวิต

ฉังอันโหวที่ฟังจนสติกระเจิดกระเจิงถูกเหน็บแนมอีกครั้ง หนังหน้าใกล้ถูกกระชากออกหมดแล้ว นึกอยากเอาคืนสักประโยค แต่เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้ผ่านไปดีกว่า

ทว่าจิ่งเสี่ยวซื่อกลับหันมาอย่างรู้สึกประหลาด ศพหยินคนตายมีชีวิต ไยจึงรู้สึกว่าเจ้าอาวาสน้อยท่านเข้าใจวิชานี้เป็นอย่างดี

ผีต้นไม้ “เอ่อ ยังฟังต่อหรือไม่”

ทุกคนพร้อมเพรียง “พูด”

ติดยันต์รวบรวมวิญญาณเอาไว้แล้ว พลังหยินหลั่งไหลออกมาจากพื้นรวมตัวกันบนร่างจิ่งอู่ไม่หยุด เนิ่นนานจากนั้นเขาก็ลุกขึ้น

ที่จริงนั้นต้องบอกว่าเป็นเพราะสามจิตเจ็ดวิญญาณยังไม่ออกจากร่างจึงได้ ‘ลุก’ ขึ้นมา

เมื่อจิ่งอู่ลุกขึ้นมา ดวงตาสองข้างแดงก่ำและมีเลือดไหลออกมา ดวงตาที่เดิมไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ควรมี ลำคอมีเสียงกลืนน้ำลายอึกอัก เขารู้สึกหิวโหยโดยสัญชาตญาณ

น้ำเครื่องรางเข้มข้นถ้วยนั้นได้เผาทำลายอวัยวะภายในของเขาไปแล้ว ร่างกายของเขาตอนนี้ ความจริงเหลือเพียงเปลือกนอกที่ว่างเปล่า เขาต้องการดูดซับพลังความแค้นหล่อเลี้ยงร่างกาย

นักพรตไท่หยางพาเขามาอยู่ตรงหน้าหนิวซื่อ เขียนยันสะกดร่างให้หนิวซื่อ ทำลายเส้นเลือดใหญ่ของหนิวซื่อ ให้จิ่งอู่ดูดซับเลือดและพลังของมารดาเขามาเลี้ยงร่างกาย

น่าสงสารหนิวซื่อ นางฟื้นขึ้นมาเพราะความเจ็บปวด ลืมตามาเห็นบุตรชายที่รักของตนกลายมาเป็นสิ่งแปลกประหลาด คนไม่ใช่คนผีไม่ใช่ผี ฟุบดูดเลือดพลังชีวิตที่คอของนาง

หนิวซื่อทั้งโกรธทั้งแค้น พลังชีวิตไหลออกไป ความโกรธแค้นนางยิ่งมากขึ้น นี่ทำให้นักพรตไท่หยางพอใจมาก

ว่ากันว่าแม่ลูกเชื่อมใจ หนิวซื่อยิ่งโกรธแค้น ความโกรธแค้นนางยิ่งมีมากเท่าใดก็จะยิ่งกลายเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงที่ดีที่สุดของจิ่งอู่

ไม่นานหนิวซื่อก็สิ้นลมหายใจ วิญญาณของนางลอยออกมาก็ถูกนักพรตไท่หยางดูดจับเอาไว้ รอจิ่งอู่ดูดพลังและเลือดของนางหมดแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างยิ่งแดงก่ำ จากนั้นจึงมอบวิญญาณของนางให้กับจิ่งอู่

บุตรชายกินวิญญาณที่เคียดแค้นของมารดา แม่ลูกร่างเดียวกัน เขาจะกลายเป็นศพที่ชั่วร้ายที่สุด

จิ่งอู่ไม่ต่อต้านแม้เพียงนิด ราวกับหุ่นเชิดไม้ กลืนกินดวงวิญญาณของมารดาไป ความโกรธแค้นยิ่งเพิ่มขึ้นทันดี

ผีต้นไม้มองหนิวซื่อแล้วถอนหายใจออกมา “นางนับว่าขอความเมตตาได้ความเมตตาแล้ว”

ต้องการให้บุตรชายอายุยืนยาวร้อยปี ตอนนี้ก็ได้แล้ว ให้กำเนิดเขาเลี้ยงเขาช่วยเขา ตอนนี้แม้แต่ชีวิตและวิญญาณก็ให้เขา ขอเพียงจิ่งอู่ผู้นี้ไม่ถูกเทียนซือกำจัด ก็จะมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ขอความเมตตาได้ความเมตตาหรอกหรือ

จิ่งเสี่ยวซื่อจนวาจา เจ้าเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับขอความเมตตาได้ความเมตตาหรือไม่

ฉังอันโหวกลับหวาดกลัวอยู่ในใจ นักพรตไท่หยางคนนี้ช่างเป็นคนบ้าคลั่งจริงๆ”

“จบแล้วหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยถามผีต้นไม้

ผีต้นไม้แยกมือออกจากกัน “จบแล้ว เด็กคนนั้นกลืนวิญญาณของมารดา ก็ถูกบิดาคนนั้นของเขาเอาตัวไปแล้ว จริงสิ บิดาของเขาตั้งชื่อให้เขาด้วย ชื่อว่าฉังเซิง[1]”

ฉินหลิวซีรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา นี่อย่าให้เฟิงซิวได้ยินนะ มิเช่นนั้นเขาคงพองขนอย่างแน่นอน

ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ[2]ทำกิจการเกี่ยวกับยา ช่วยคน แสวงหาบุญกุศล แต่ฉังเซิงที่ว่านี้ กลับเป็นศพคนตายมีชีวิต ไม่โกรธได้หรือ

“เจ้าแอบดูอยู่ในความมืด นักพรตไท่หยางไม่สังเกตเห็นเจ้าหรือ”

ผีต้นไม้ตัวสั่น “ไยจะไม่เห็นเล่า แต่เขาไม่มีเวลาทำอะไรกับข้า ตอนที่เขากำลังจะจากไปก็นึกอยากลงมือกับข้า ข้าก็จับนกเขาของพี่องครักษ์…”

ห๊ะ นกเขาหรือ

ทุกคนแสดงใบหน้าเหยียดหยาม

ผีต้นไม้ตอบอย่างเขินอาย “ข้าไม่ได้ตั้งใจ ความจริงข้าต้องการจับเท้าของเขา แต่เพราะนักพรตเฒ่าผู้นั้นมองมา ข้าตกใจหลงทิศหลงทาง จึงได้จับผิดแล้ว”

เอ่อ ไม่ต้องอธิบาย พวกเราเข้าใจ

องครักษ์บนต้นไม้ไกลออกไปยิ่งคิดถึงเมื่อคืนก็ยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง คิดอะไรขึ้นได้ก้มลงมองเป้าด้านล่าง นึกถึงอะไร กระโดดไปยังหลังคาอีกฝั่งอย่างเศร้าโศก

ฉังอันโหวหันมองผีต้นไม้อย่างระมัดระวัง เจ้าโรคจิตนี่

ผีต้นไม้เหลือบมองเขา เอ่ย “พี่องครักษ์ตกใจข้าแล้วร้องส่งเสียงออกมา นักพรตนั่นกลัวว่าจะเรียกคนมา จึงรีบหนีไป มิเช่นนั้นไหนเลยข้าจะได้พบกับท่านโหวอีกครั้ง”

ฉังอันโหว พรุ่งนี้ข้าจะประกาศขายบ้านในราคาถูก

[1] ฉังเซิง มีความหมายว่าอายุยืนยาว

[2] ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ ภาษาจีนใช้คำว่า ฉังเซิงเตี้ยน (长生殿) ฉังเซิง (长生) คำนี้ตัวเดียวกันกับชื่อฉังเซิงที่นักพรตไท่หยางตั้ง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท