คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 594 เป็นอีกวันที่ได้รับความกตัญญูจากเจ้าศิษย์เนรคุณ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 594 เป็นอีกวันที่ได้รับความกตัญญูจากเจ้าศิษย์เนรคุณ

ทันทีที่ปรมาจารย์ไท่เฉิงจากไป ฉินหลิวซีก็ลากเก้าอี้อย่างแรงมานั่งอยู่ตรงหน้าเถิงเจาแล้วจ้องมองเขา

เถิงเจา “?”

“บอกมาว่าคิดอย่างไรหลังจากที่ได้ฟังบทสนทนาเมื่อครู่นี้” ฉินหลิวซีกอดอก

เถิงเจาก้มหน้า เลือกเหรียญทองแดง เงียบไปอยู่พักใหญ่ ขณะที่ฉินหลิวซีคิดว่าจิตใจที่อ่อนแอของเขาคงเจ็บช้ำ เขาก็เอ่ยปากขึ้นมา

“เอ่ยปากเรียกค่ารักษาหนึ่งพันตำลึง ข้าเก็บแพงเกินไปหรือไม่ ควรจะเก็บหนึ่งร้อยตำลึง”

ฉินหลิวซี “!”

ขออภัยที่รบกวน เจ้าเลือกเหรียญของเจ้าต่อไปเถิด!

นางใช้มือทำให้เหรียญทงเม่ยหลายเหรียญที่เขาเลือกออกมาวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยกระจัดกระจายไปหมดด้วยมือของนาง เหรียญทงเม่ยเหล่านั้นยุ่งเหยิงทันที

นี่มันนิสัยเสียอะไรกัน

เถิงเจาจ้องมองด้วยความโมโห จากนั้นก็ก้มหน้าจัดเรียงใหม่อย่างเงียบๆ ซ้ำยังย้ายถาดออก ให้ไกลจากเงื้อมมืออาจารย์ปีศาจนิสัยเสียบางคน

ฉินหลิวซีโกรธมาก กลอกตาแล้วถามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเหรียญทงเม่ยจึงปราบปีศาจได้”

“ย่อมเป็นเพราะผ่านมือมาหลายหมื่นคน” เถิงเจาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น

“ใช่แล้ว ผ่านมือมาแล้วหลายหมื่นคน บางทีคนผู้นั้นอาจจะพึ่งออกมาจากห้องส้วมแล้วไปจับมัน หรือบางทีเขาอาจจะจับส่วนที่มีเหงื่อออกแล้วก็มาแตะต้องมัน เหนียวเหนอะหนะ” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างร่าเริง

ติ้ง

เหรียญทงเม่ยในมือของเถิงเจาหล่นลงพื้น เขามีสีหน้าซีดเล็กน้อย รีบออกจากห้องไปทันที น้ำอยู่ไหน เขาจะล้างมือ

ฉินหลิวซีหัวเราะเสียงดังลั่น เด็กน้อย คิดจะสู้กับข้าหรือ

แต่ลูกศิษย์ผู้นี้ออกจะโง่เขลาอยู่บ้าง จะไปหาน้ำมาทำไม ไม่รู้จักใช้คาถาชำระสิ่งสกปรกหรือ เจ้าเด็กน้อยช่างโง่จริงๆ!

หน้าอารามจินหัว เสวียนชิงจื่อมองไปที่ชื่ออาราม ถอนหายใจยาว

ในที่สุดก็กลับมาแล้ว

“อาจารย์” เหยาเฟยเฟยรีบเข้าไปอย่างมีความสุข

เสวียนชิงจื่อส่ายหน้า จากนี้ไปเขาไม่อยากพานางออกไปผจญภัยอีกแล้ว มองดูเหยาเฟยเฟยที่กำลังกระโดดโลดเต้นเข้าไปในอาราม เขาก็อดคิดถึงฉินหลิวซีแห่งอารามชิงผิงไม่ได้

เป็นนักพรตหญิงเหมือนกัน เหตุใดจึงได้มีความแตกต่างกันมากมายขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ศิษย์น้องหญิงอายุมากกว่านาง แต่นิสัยราวกับเด็กที่ถูกตามใจจนเสียนิสัย

เสวียนชิงจื่อเดินเข้าไปในอาราม แต่กลับสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติในทันที ผู้ศรัทธาในอารามดูเหมือนจะน้อยลงมาก สีหน้าของบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องและบรรยากาศก็แปลกๆ เช่นกัน

เดินเข้าไปในอารามด้วยความสงสัย ในไม่ช้าเขาก็ได้พบกับปรมาจารย์ไท่เฉิงอาจารย์ของเขา สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คืออาจารย์ดูเหมือนจะค่อนข้างหดหู่ใจราวกับได้รับการโจมตีอย่างหนัก

“ท่านอาจารย์เกิดเรื่องใดขึ้นหรือขอรับ” เสวียนชิงจื่ออดถามไม่ได้

ปรมาจารย์ไท่เฉิงมองดูศิษย์ทั้งสองคน เอ่ยถามก่อนว่า “พวกเจ้าออกไปผจญภัยข้างนอกครั้งนี้ ได้ไปที่อารามชิงผิงในเมืองหลี และได้ต่อสู้กับลูกศิษย์ของนักพรตชื่อหยวนใช่หรือไม่”

เสวียนชิงจื่อตกตะลึง

เหยาเฟยเฟยตกใจเป็นอย่างมาก “ไยอาจารย์ถึงได้ถามเช่นนี้เจ้าคะ”

ปรมาจารย์ไท่เฉิงสีหน้าเคร่งขรึม “บอกมา!”

เหยาเฟยเฟยสะดุ้งด้วยความตกใจ หลบไปอยู่ด้านหลังเสวียนชิงจื่อโดยปริยาย อาจารย์ดุมาก นางกลัว

เสวียนชิงจื่อรีบเล่าเรื่องที่พวกเขาไปอารามชิงผิงให้ฟังทันที ท้ายที่สุดจึงเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ พวกเราไม่ได้ต่อสู้กัน ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์หมายความว่าอย่างไร”

เนื่องจากพวกเขาสู้ไม่ได้เลย ถูกบดขยี้ตลอด

ปรมาจารย์ไท่เฉิงโกรธจนมือสั่น ชี้ไปที่เหยาเฟยเฟยแล้วจึงเอ่ย “อาจารย์เคยบอกเสมอว่าต้องกระทำการอย่างระมัดระวังเมื่อออกไปข้างนอก เหนือภูเขายังมีภูเขา เหนือคนยังมีคน เหตุใดเจ้าไม่รู้จักควบคุมตัวเองบ้าง กลับไปเจ้าถูกกักบริเวณฝึกบำเพ็ญคัดลอกพระสูตร”

เหยาเฟยเฟยสีหน้าซีดเผือด “ท่านอาจารย์ ศิษย์ทำอะไรผิดหรือ”

“ทำอะไรผิด? พวกเจ้าไม่รู้จักควบคุมตัวเองเมื่ออยู่ข้างนอก ไปล่วงเกินผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวจนเขามาคิดบัญชีกับอาจารย์แล้ว!” ปรมาจารย์ไท่เฉิงสบถอย่างเย็นชา

เสวียนชิงจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย “อาจารย์ หมายความว่าอย่างไรหรือ”

ปรมาจารย์ไท่เฉิงถอนหายใจอีกครั้ง “เรื่องมันยาว…”

เมื่อเสวียนชิงจื่อได้ฟังคำพูดของอาจารย์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ท่านอาจารย์อาเข้าสู่ลัทธิมารไปแล้วหรือ

เหยาเฟยเฟยก็สั่นไปทั้งตัวเช่นกัน เอ่ย “ท่านอาจารย์ วิชาเต๋าของท่านอาจารย์อาล้ำลึก จะเข้าสู่ลัทธิมารได้อย่างไร เข้าใจผิดอะไรหรือไม่”

“หากเป็นการเข้าใจผิด อาจารย์ก็คงไม่เลอะเลือนปล่อยเขาไป แต่จะปกป้องเขาจนถึงที่สุด” ปรมาจารย์ไท่เฉิงหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งว่า “ความผิดพลาดครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว อาจารย์ไม่อาจปล่อยให้ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้อารามจินหัวกลายเป็นอารามลัทธิมารอย่างที่ราษฎรกล่าวกัน อาจารย์อาของเจ้า อาจารย์จะจัดการด้วยตัวเอง ต่อไปชิงหลิงก็ปิดตัวฝึกบำเพ็ญ เสวียนชิงจื่อเป็นผู้ดำเนินการเรื่องในอารามชั่วคราว ทุกอย่างให้รอจนกว่าอาจารย์จะกลับมา”

ฉินหลิวซีเตือนเขาว่าหากไท่หยางยิ่งทำร้ายผู้คนมากขึ้นเท่าใด บาปกรรมที่ตัวเองจะต้องแบกรับก็จะมากขึ้นเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นชื่อเสียงของอารามจินหัวก็จะถูกทำลายด้วยมือของเขาเอง เมื่อถึงตอนนั้นเกรงว่าอาจารย์จะกลับมาจากยมโลกแล้วอัดเขาให้ตาย!

เสวียนชิงจื่อพยักหน้าอย่างเหม่อลอย

เขาคิดไม่ถึงว่าเมื่อกลับมาในครั้งนี้ทุกอย่างในอารามจะเปลี่ยนไป อาจารย์อาที่เคารพนับถือกลับฝึกคาถาชั่วร้าย เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

แล้วยังมีฉินหลิวซี นางก็มาที่เมืองหลวงเช่นกันหรือนี่ เร็วกว่าพวกเขาเสียอีก จริงสิ นางคงไม่ได้ใช้เส้นทางธรรมดาทั่วไปกระมัง

ปรมาจารย์ไท่เฉิงให้พวกเขาถอยออกไป เขาต้องการปิดตัวฝึกบำเพ็ญสองวันเพื่อฟื้นฟูพลังชี่แต่กำเนิด จากนั้นก็ไปตามหาไท่หยาง

หลังจากออกมาจากห้องเต๋าของอาจารย์ เหยาเฟยเฟยก็เอ่ยด้วยความโกรธว่า “เจ้าอาวาสน้อยปู้ฉิวผู้นั้นเกิดมาเพื่อมีความแค้นกับพวกเราจริงๆ เหตุใดที่ที่มีนาง พวกเราทำอะไรก็ไม่ราบรื่นสักอย่าง!”

“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสวียนชิงจือกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อาจารย์ให้เจ้าปิดตัวฝึกบำเพ็ญก็เพื่อให้เจ้าสำนึกตน เหตุใดเจ้าจึงยังไม่รู้จักสำนึกอีก”

“ศิษย์พี่!” เหยาเฟยเฟยโกรธจนตาแดงก่ำ

“อาจารย์พูดถูก หากไม่ใช่เพราะเจ้าไม่เคารพท่านเจ้าอาวาสชื่อหยวน นางก็คงไม่แค้นใจเช่นนี้”

เหยาเฟยเฟยรู้สึกไม่ยุติธรรม “ข้าก็เพียงถามเรื่องการฝึกบำเพ็ญไม่ใช่หรือ ใครจะไปรู้ว่าเขามีอดีตเช่นนั้น ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจถูเกลือบนบาดแผลของเขาสักหน่อย”

“หากเจ้าจงใจเอาเกลือไปถูบนบาดแผลของเขา คาดว่าพวกเราคงกลับมาไม่ได้แล้ว” เสวียนชิงจื่อยิ้มอย่างขมขื่น

เหยาเฟยเฟยสีหน้าซีด

ฉินหลิวซีมีความสามารถมากเพียงใด พวกเขารู้ดีที่สุด กล่าวตามตรง หากนางเจ้าคิดเจ้าแค้นขึ้นมาจริงๆ โอกาสที่จะฆ่าพวกเขานั้นมีมากมาย หากกล่าวอย่างไม่น่าฟัง ก็คือตอนที่ผีร้ายตนนั้นสร้างภาพลวงตาขึ้นมา นางสามารถยืนกอดอกมองดูเฉยๆ ได้ ยืมมือผีฆ่าคน

แต่ฉินหลิวซีเลือกที่จะดึงพวกเขากลับมา

“ไยนางจึงเป็นคนเช่นนี้ มีอะไรก็มาลงที่พวกเราสิ ไปเล่นงานอาจารย์ของพวกเรานับว่าเป็นคุณธรรมอะไรกัน” เหยาเฟยเฟยกล่าวพลางกระทืบเท้า

เพราะการเลี้ยงดูแต่ไม่สั่งสอนนั้นเป็นความผิดของบิดา

บางทีฉินหลิวซีอาจคิดเช่นนี้กระมัง

“ไม่ เป็นเพราะคนที่พวกเขารังแกคืออาจารย์ของข้า อาจารย์ของข้ามีเพียงข้าเท่านั้นที่รังแกได้ คนอื่นรังแกไม่ได้ ใครก็ตามที่บังอาจ ข้าจะไปหาบิดาของคนผู้นั้น” ฉินหลิวซีสั่งสอนเถิงเจา เอ่ยต่อว่า “ปรมาจารย์ไท่เฉิงที่เป็นอาจารย์ ก็เป็นดั่งบิดาของพวกเสวียนชิงจื่อ บุตรทำความผิด เขาที่เป็นพ่อก็ต้องช่วยแบกรับ ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”

เถิงเจา ‘คำโต้แย้งนี้ของท่านเห็นได้ชัดว่ากำลังเอาความโกรธไปลงที่คนอื่น แต่ข้าไม่กล้าเอ่ย กลัวถูกอัด’

นักพรตเฒ่าชื่อหยวน ‘เป็นอีกวันที่ได้รับความกตัญญูจากเจ้าศิษย์เนรคุณ!’

ฉินหลิวซียังสอนอีกว่า “เจ้าก็ต้องจำไว้ว่าอาจารย์มีไว้เพื่อเคารพ ปกป้อง และรัก เจ้าจะรังแกข้าไม่ได้ และปล่อยให้คนอื่นรังแกข้าไม่ได้ เข้าใจหรือไม่ ต่อไปหากใครกล้ารังแกอาจารย์ของเจ้า เจ้าเล่นงานทั้งครอบครัวของเขาได้ไม่ผิด และความแค้นก็ไม่ควรปล่อยไว้ข้ามคืน มิเช่นนั้นอาจารย์ของเจ้าจะน้อยใจตาย”

เถิงเจาสูดหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลง ท่องพระสูตรหัวใจอย่างเงียบๆ

เป็นเรื่องจริงที่ข้าฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์ที่ไร้ซึ่งมโนธรรม!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท