คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 595 ท่านรักษาภาวะมีบุตรยากหรือ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 595 ท่านรักษาภาวะมีบุตรยากหรือ

วันต่อมา ที่จวนติ้งกั๋วกง ฉินหลิวซีมาถึงตามกำหนด

แต่เมื่อมาถึงเรือนของเจียงเหวินเหยียน ก็บังเอิญเห็นสาวใช้ลากสตรีที่เกล้าผมขึ้นผู้หนึ่งออกไป

ฉินหลิวซีมองไปยังสตรีผู้นั้น ตาโตคิ้วบาง ใต้คางอวบมีรอยแผลเป็น สตรีผู้นี้หน้าเนื้อใจเสือ เชี่ยวชาญในการปกปิดความมืดมิดในใจด้วยรูปลักษณ์ที่ใจดี

สตรีผู้นั้นอยู่ในสภาพบ้าคลั่ง อาจเป็นเพราะสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมองอยู่จึงหันมามอง เมื่อสบตากับฉินหลิวซี ในใจพลันรู้สึกตื่นตระหนกทันที ก้มหน้าลง ปล่อยให้คนลากออกไปโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ

ในขณะที่กำลังฝังเข็ม ฉินหลิวซีได้ฟังจากเจียงเหวินเหยียนบอกว่าสตรีที่พึ่งถูกลากออกไปคือใคร นั่นคือผู้ที่แอบทำร้ายนางตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของสามี

เจียงเหวินเหยียนบ่นพึมพำว่า “…ก็ไม่ใช่ว่าข้าอยากให้นางแต่งงานกับคนอื่น เป็นการตัดสินใจของท่านแม่สามีกับสามีข้า เหตุใดจึงเอาแต่คิดว่าข้าเป็นคนขัดขวางความคิดนาง เพียงเพราะข้าเป็นคนที่แต่งงานกับเขาหรือ การเอาความโกรธมาลงที่ข้าเช่นนี้ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว”

ฉินหลิวซีบิดเข็ม ฟังอย่างเงียบๆ

“เสียงแรงที่ข้าคิดว่านางเป็นคนดี ตอนที่นางคลอดบุตรสาว ข้าเห็นว่านางเป็นพี่เลี้ยงของสามี จึงได้ทำกุญแจอายุยืนมอบให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีโดยเฉพาะ คิดไม่ถึงว่าน้ำใจของข้าจะให้สุนัขกินไปเสียแล้ว นางเป็นคนดี? ก็เป็นแค่คนหน้าเนื้อใจเสือเท่านั้น” เจียงเหวินเหยียนมองดูเพดานพลางเอ่ยว่า “นางไม่อยากแต่งงานก็สามารถปฏิเสธได้ ตราบใดที่สามีข้าเต็มใจยอมรับ ข้าจะขัดขวางได้หรือ ท่อนล่างของบุรุษ ยากที่จะควบคุมได้เป็นที่สุดแล้ว”

ฉินหลิวซี “ก็ไม่แน่ เพียงแค่หนึ่งเข็ม ก็ควบคุมได้แล้ว”

เจียงเหวินเหยียน “…”

นางหันหน้ามา ท่าทางดูพูดไม่ออกเล็กน้อย ความจริงแล้วเจ้าไม่อยากฟังข้าพูดเรื่องไร้สาระเหล่านี้กระมัง

ฉินหลิวซีมองนางพลางเอ่ย “จริงๆ นะ หากต้องการควบคุมท่อนล่างของบุรุษ สำหรับคนเป็นหมอนั้นไม่มีอะไรง่ายไปกว่านี้แล้ว เพียงแค่หนึ่งเข็มรับรองได้เลยว่าต่อให้มีใจก็ไม่มีแรง หากไม่ใช้เข็ม ข้ายังมียาด้วยนะ ท่านต้องการหรือไม่”

ทุกคนที่อยู่ในห้อง “!”

นายหญิงใหญ่ เพื่อความสุขทางเพศไปตลอดชีวิต ท่านแกล้งหลับเสียจะดีกว่า!

เจียงเหวินเหยียนกระแอมเบาๆ กล่าวว่า “ข้าเหนื่อยเล็กน้อย ของีบหลับสักหน่อย”

นางหลับตาลง แกล้งตาย

ฉินหลิวซีมองไปยังแม่นมกับบรรดาสาวใช้ใหญ่ กล่าวแนะนำขายยาด้วยรอยยิ้ม “อยากจะเตรียมยาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือไม่ เห็นแก่นายหญิงใหญ่ ข้าจะคิดราคาถูกหน่อย ใช้สำหรับรักษาคนกะล่อนหลายใจโดยเฉพาะ”

หลายคนฝืนยิ้มด้วยความเขินอาย “ไม่ ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ”

ฉินหลิวซีรู้สึกเสียดายเล็กน้อย กระแสการตลาดนี้ไม่ได้ผล

เจียงเหวินเหยียนฟังออกถึงการถอนหายใจที่แฝงไว้ด้วยความเสียดาย มุมปากกระตุกเล็กน้อย เอาเถิด ความหดหู่ของนางได้หายไปหมดแล้ว

ขณะที่ปล่อยเข็มทิ้งไว้ ฉินหลิวซีได้นำหินหยกมาวางค่ายอาคมรวบรวมจิตวิญญาณเล็กๆ ในห้องนอน โดยกำจัดแผนผังและการตกแต่งที่ไม่จำเป็นออก จากนั้นก็วางหินหยกและฝังยันต์ในทุกทิศทาง มือทั้งสองข้างร่ายคาถา กระทืบเท้าเล็กน้อย “ขึ้นมา”

ค่ายอาคมสำเร็จ พลังงานทางจิตวิญญาณพุ่งสูงขึ้น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายอารมณ์

“อย่าได้เคลื่อนย้ายยันต์หินหยกที่ข้าฝังไว้ มิเช่นนั้นค่ายอาคมนี้จะสลายไป” ฉินหลิวซีกำชับกับเจียงเหวินเหยียนและคนอื่นๆ

“หากค่ายอาคมสลายไปจะเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่”

ฉินหลิวซีส่ายหน้า “เดิมทีนี่ก็เป็นค่ายอาคมรวบรวมจิตวิญญาณ เป็นการรวบรวมพลังงานทางจิตวิญญาณมาไว้ในค่ายอาคม พลังงานทางจิตวิญญาณหล่อเลี้ยงคน เมื่อท่านอยู่ในค่ายอาคมนี้ มีพลังงานทางจิตวิญญาณส่งเสริม ย่อมรู้สึกสบายทั้งร่างกายและจิตใจ หากค่ายอาคมนี้สลายไป พลังงานทางจิตวิญญาณก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ไม่เข้มข้นก็เท่านั้น ดังนั้นไม่เป็นอันตราย”

เจียงเหวินเหยียนคิดบางอย่างขึ้นมา เอ่ย “สามารถวางไว้ในห้องอื่นอีกได้หรือไม่ ข้าคิดไว้ว่าจะรับบุตรชายกลับมาจากทางด้านของแม่สามีเพื่อเลี้ยงดูสั่งสอน”

ฉินหลิวซีไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่เอ่ยว่า “โลภมากจะหมดตัว อะไรที่ดีก็เอามาหมดก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”

การวางค่ายอาคมรวบรวมจิตวิญญาณเป็นการเอาเปรียบฮวงจุ้ยอยู่แล้ว หากวางอีก มีข้อเรียกร้องอีกมากมาย ท่านเอาไปเท่าใดก็ต้องเสียไปเท่านั้น มิเช่นนั้นจะกล่าวได้อย่างไรว่าสวรรค์ยุติธรรม

เจียงเหวินเหยียนใบหน้าร้อนระอุ เอ่ยพึมพำว่า “เป็นข้าที่หมกมุ่นเกินไป”

ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “จวนกั๋วกงเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ ย่อมมีพลังงานอันเป็นสิริมงคล ตราบใดที่นายหญิงใหญ่ทำความดีสะสมบุญให้มากในวันปกติทั่วไป ย่อมมีบุญกุศลติดตัว เป็นประโยชน์ต่อลูกหลาน หากอบรมสั่งสอนเด็กๆ ให้เป็นคนกล้าหาญ เที่ยงตรง และมีจิตใจดี พวกเขาจะได้รับพรตอบแทนอย่างแน่นอน”

เจียงเหวินเหยียนยิ้มพลางพยักหน้า

ฉินหลิวซีดึงเข็มออกแล้วจึงเอ่ย “ดื่มยาให้ตรงเวลา ทำร่างกายและจิตใจให้สบาย โรคนี้จะหายโดยเร็ว พระสูตรที่ให้ท่านไป จะต้องจุดธูปสวดมนต์ทุกวันตอนเช้า”

นางอธิบายข้อควรระวังในการจุดธูปบูชาของลัทธิเต๋า ซ้ำยังมอบรูปหล่อขนาดเล็กของเจ้าลัทธิเต๋าให้หนึ่งองค์ด้วยความใส่ใจ อย่าถามว่าเหตุใดจึงรอบคอบเช่นนี้ คำตอบก็คือนางมีจิตใจที่แท้จริงในการทำงานอย่างหนักเพื่อดึงดูดผู้ศรัทธา

เจียงเหวินเหยียนก็จริงใจเป็นอย่างมาก ซ้ำยังถามคำถามสองสามข้อและทยอยจดไว้ นับว่าฉินหลิวซีให้ชีวิตใหม่แก่นาง ย่อมเชื่อฟังคำพูดของฉินหลิวซีอยู่แล้ว

ในเวลานี้สาวใช้คนหนึ่งได้ยื่นเทียบมาให้ เป็นสหายสนิทของเจียงเหวินเหยียนที่มาเยี่ยมนาง

เจียงเหวินเหยียนรับเทียบมาดู ดวงตาโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว เมื่อเห็นว่าฉินหลิวซีกำลังจะกล่าวลา นางก็รีบดึงแขนเสื้อของฉินหลิวซีไว้ เอ่ยถามเสียงเบาว่า “หากท่านไม่รีบไป ช่วยจับชีพจรให้สหายสนิทข้าได้หรือไม่ นางกับข้าแต่งงานปีเดียวกัน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีบุตร ไปพบหมอมาก็ไม่น้อย ล้วนบอกว่าวาสนายังไม่มาถึง”

รักษาภาวะมีบุตรยากอย่างนั้นหรือ

ฉินหลิวซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เจียงเหวินเหยียนจึงเอ่ยอีกว่า “สหายสนิทของข้าผู้นี้ร่ำรวยเป็นอย่างมาก นางเป็นเด็กกำพร้า ตอนแต่งงาน ทุกอย่างในตระกูลของนางถูกมอบเป็นสินสอดให้กับตระกูลของสามีหมดแล้ว”

ฉินหลิวซีได้ฟังดังนั้นก็นั่งลงอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะคำว่าร่ำรวยแน่นอน แต่เป็นเพราะได้ยินว่าเป็นเด็กกำพร้ากับสินสอดที่มากมายจึงอยากรู้อยากเห็น

เมื่อเจียงเหวินเหยียนเห็นนางนั่งลง ก็รีบให้สาวใช้ไปเชิญสหายสนิทเข้ามา ส่วนนางได้แนะนำตัวตนของสหายสนิทแก่ฉินหลิวซี

“สหายสนิทข้าผู้นี้แซ่ลวี่ เป็นบุตรสาวของลวี่เถียน แม่ทัพใหญ่ผู้ปกป้องแคว้นคนก่อน เป็นสหายสนิทข้ามาตั้งแต่เด็ก น่าเสียดายที่ชีวิตนางไม่ค่อยดีนัก นางสูญเสียมารดาไปตอนที่ยังเด็ก และสูญเสียบิดาตอนช่วงจะเข้าพิธีปักปิ่น[1] โชคดีที่ท่านพ่อของนางได้จัดการเรื่องการแต่งงานไว้แล้ว สามีของนางไม่ได้มาจากตระกูลที่สูงส่ง แต่เป็นตระกูลเกษตรกรรมที่เรียนหนังสือมาชั่วหลายอายุคน จิตใจดีมีความชอบธรรม ดีกับนางเป็นอย่างมาก หลังจากแต่งงานหลายปี แม้ว่าจะยังไม่มีบุตรก็ไม่ได้ตำหนินางและไม่ได้รับอนุภรรยา ซ้ำยังปลอบใจนางว่าวาสนาที่จะมีบุตรยังมาไม่ถึง”

เจียงเหวินเหยียนเอ่ยถึงลวี่เซี่ยวซานสหายสนิทของนางว่า “ตอนเด็กๆ สหายสนิทข้าผู้นี้โชคร้าย หลังจากแต่งงานก็มีครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียว เนื่องจากแต่งงานไปตระกูลที่ต่ำกว่า ตระกูลแม่สามีก็ไม่กล้าดูถูกนาง สามีของนางก็ยิ่งใส่ใจนางเป็นอย่างมาก บางครั้งข้าก็คิดว่าหากตอนนั้นข้าก็เลือกที่จะแต่งงานกับตระกูลที่ต่ำกว่า ชีวิตจะราบรื่นกว่าหรือไม่”

ฉินหลิวซีได้ฟังดังนั้นก็อดกล่าวบั่นทอนกำลังใจไม่ได้ว่า “แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท่านเห็นอาจไม่ใช่ทั้งหมด บางทีอาจเป็นเพียงเรื่องผิวเผินเท่านั้น”

เจียงเหวินเหยียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มพลางเอ่ย “ไม่มีทาง เมื่อท่านได้เห็นก็จะรู้เอง สหายสนิทของข้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจริงๆ ยกเว้นเสียใจเรื่องที่ไม่มีบุตร จริงสิ ปีนี้สามีของนางก็สอบผ่านบัณฑิตจิ้นซื่ออีกด้วย แม้ว่าจะเป็นรองบัณฑิตจิ้นซื่อ แต่ก็ดีใจมากแล้ว”

“นายหญิงใหญ่ นายหญิงใหญ่จังมาแล้วเจ้าค่ะ”

“พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา รีบให้นางเข้ามาเถิด” เจียงเหวินเหยียนรีบลุกขึ้นยืน มองไปทางประตูด้วยรอยยิ้ม มีหญิงสาวร่างสูงเพรียว ใบหน้าแดงระเรื่อเดินเข้ามา

[1] พิธีปักปิ่น จัดขึ้นสำหรับเด็กสาวที่อายุเกิน 15 ปีที่โตเป็นสาวเต็มตัวและพร้อมที่จะเข้าสู่ชีวิตแต่งงาน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท