คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 597 แต่งงานที่ดี ลงเอยด้วยการหย่าร้าง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 597 แต่งงานที่ดี ลงเอยด้วยการหย่าร้าง

เจียงเหวินเหยียนรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก เดิมทีนางต้องการให้ฉินหลิวซีช่วยตรวจภาวะมีบุตรยากให้สหายสนิทของนาง แต่คิดไม่ถึงว่าฉินหลิวซีจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ ไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่นิด

“คือว่า ท่านเจ้าอาวาสน้อย ในตระกูลขุนนาง ไม่มีใครไม่กินอาหารบำรุง แม้แต่ข้าก็ยังกินรังนกทุกวัน” อย่างไรเสียก็สามารถหาซื้อได้

ฉินหลิวซียิ้ม ชี้ไปยังลวี่เซี่ยวซานพลางเอ่ย “คนอื่นบำรุงได้ นางบำรุงไม่ได้ แล้วคนอื่นก็ไม่ได้บำรุงเหมือนนางเช่นนั้น ไม่ขาดแม้แต่วันเดียว แต่ละวันก็กินหลายครั้งด้วยกระมัง นายหญิงใหญ่ก็กินอาหารบำรุงวันละหลายครั้งหรือ”

เจียงเหวินเหยียนตกตะลึงเล็กน้อย มองไปยังลวี่เซี่ยวซานโดยไม่รู้ตัว “เจ้ากินหลายครั้งต่อวันจริงหรือ”

ลวี่เซี่ยวซานอยากจะโต้แย้ง แต่เมื่อนึกถึงอาหารประจำวันของตัวเอง ทันใดนั้นก็รู้สึกผิดเล็กน้อย ปกติไม่มีใครพูดอะไรจึงไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น แต่เมื่อฉินหลิวซีเอ่ยเช่นนี้ ดูเหมือนว่านางจะกินมากไปเล็กน้อย แม้กระทั่งอาหารเช้าก็ยังมีน้ำแกงโสมบำรุงชี่หนึ่งถ้วย

เมื่อเจียงเหวินเหยียนเห็นว่านางไม่เอ่ยอะไรก็เริ่มกังวลเล็กน้อย ถามซักไซ้ว่า “คงไม่ใช่ว่าเจ้าอาวาสน้อยทายถูกแล้วกระมัง”

“ข้า ข้าไม่ได้คิดว่ามีอะไรไม่เหมาะสม อย่างที่พี่หญิงเจียงเอ่ย คนตระกูลอย่างพวกเราก็ไม่ได้ขาดเงิน ใครบ้างจะไม่ทานอาหารดีๆ” ลวี่เซี่ยวซานรู้สึกผิดเล็กน้อย เอ่ยว่า “อีกอย่าง ข้าก็อยากให้ร่างกายนี้แข็งแรงดี จะได้มีบุตรในเร็ววัน”

นางเอ่ยพลางเอามือลูบท้อง

เจียงเหวินเหยียนขมวดคิ้ว พลางเอ่ย “เจ้าโง่หรืออย่างไร แม้ว่าพวกเราจะไม่ขาดแคลนเงิน แต่จะกินอาหารเสริมแทนข้าวไม่ได้ มากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี เจ้าไม่รู้หรือ”

“ข้า…”

เจียงเหวินเหยียนพานางไปนั่งที่เตียงหลัวฮั่น ดึงมือนางวางลงบนโต๊ะบนเตียงนั่งโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ เอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ท่านรีบจับชีพจรให้นางเถิด”

ฉินหลิวซี “นางไม่เชื่อข้า ข้าวินิจฉัยไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ แม้ใบหน้าท่านจะดูมีเลือดฝาด แต่รากฐานของท่านกลับอ่อนแอ อาหารเสริมนั้นกินได้ แต่ไม่ได้รับการบำรุง ท่านก็ยังบำรุงอย่างไม่คิดชีวิต สักวันหนึ่งท่านจะรับไม่ไหว และจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่ เพราะเมื่อถึงขีดสุดย่อมเสื่อมถอย!”

ลวี่เซี่ยวซานเม้มริมฝีปาก

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่านางมีสีหน้าไม่พอใจ จึงเอ่ยว่า “ม้ามและกระเพาะอาหารอ่อนแอ เลือดไม่เพียงพอ หากท่านกินอาหารเพื่อบำรุงเส้นลมปราณของอวัยวะภายใน เช่นนั้นเลือดของท่านก็จะไม่สามารถหล่อเลี้ยงร่างกายได้ และการกินอาหารบำรุงมากเกินไป มีแต่จะทำให้ลำไส้และกระเพาะของท่านทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้รากฐานของท่านอ่อนแอลงเรื่อยๆ เมื่อถึงขีดสุดก็จะเป็นเหมือนแก้วน้ำนี้”

นางหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินน้ำลงไปในถ้วยชาจนน้ำล้นออกมา

“ท่านไม่ชอบฟังคำพูดของข้า ก็คิดเสียว่าข้ากล่าวเหลวไหล แต่ข้าขอบอกไว้อย่างหนึ่งว่า หากอาหารบำรุงเหล่านี้เป็นตัวท่านเองที่บอกว่าต้องการกิน เช่นนั้นก็ช่างเถิด ถือเสียว่าท่านไม่รู้ แต่หากเป็นใครให้ท่านกิน เช่นนั้นท่านก็ควรจะระวังไว้บ้าง”

ฉินหลิวซีสีหน้ายิ้มแย้ม

เมื่อมองดูรอยยิ้มของนาง ลวี่เซี่ยวซานก็หนาวสั่นไปทั้งตัว

เจียงเหวินเหยียนคิดอะไรบางอย่างได้ ถามว่า “ซานเหนียง เป็นเจ้าต้องการกิน หรือมีใครให้เจ้ากิน”

ลวี่เซี่ยวซานเริ่มสับสนในใจเล็กน้อย

“ไม่มีหมอท่านไหนเคยบอกหรือว่าเจ้าอ่อนแอไม่ควรบำรุง” เจียงเหวินเหยียนขมวดคิ้ว

ฉินหลิวซีเหลือบมองนาง เอ่ย “หมอที่มีวิชาแพทย์ที่ดี เพียงแค่จับชีพจรก็รู้แล้วว่าอ่อนแอจนไม่ควรบำรุง หากไม่บอก ถ้าไม่ใช่เพราะจงใจไม่บอก เช่นนั้นก็เป็นหมอฝีมือแย่”

มีบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของเจียงเหวินเหยียนอย่างรวดเร็ว กล่าวว่า “ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอกว่าเมื่อก่อนตอนที่แม่สามีของเจ้าอยู่ที่บ้านเกิดก็เคยช่วยบรรดาสตรีทำคลอด รู้เรื่องสมุนไพรอยู่บ้าง จังหย่งก็พอเข้าใจตำราแพทย์แผนจีนอยู่บ้าง สามารถสั่งยารักษาไข้หวัดได้ ดังนั้นเวลาที่เจ้ามีระดู ก็มักจะใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เจ้าเป็นไข้หวัดมาโดยตลอด”

ลวี่เซี่ยวซานตัวแข็งทื่อ

เมื่อลองคิดดูอย่างละเอียดก็รู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก

สีหน้าของเจียงเหวินเหยียนซีดลง อยากจะโต้แย้งว่าตัวเองอาจคิดมากเกินไป กระทั่งเป็นเพราะว่าฉินหลิวซีเห็นสหายสนิทของนางมีความสุขไม่ได้จึงได้เอ่ยเช่นนี้

แต่ฉินหลิวซีมีเหตุผลอะไรที่จะมาโจมตีลวี่เซี่ยวซาน

พวกนางพึ่งเคยเจอกันครั้งแรก

ฉินหลิวซีก็เป็นผู้ที่ออกบวช ยิ่งไม่มีทางที่จะไปกระตุ้นความรู้สึกของสตรีที่พึ่งได้พบอย่างไร้เหตุผล อย่างไรเสียทั้งสองก็ไม่เคยพบกัน

สำหรับวิชาแพทย์ของฉินหลิวซีนั้น เจียงเหวินเหยียนก็รับรู้ได้อย่างลึกซึ้ง นางมีความสามารถจริงๆ เพราะทุกครั้งที่นางฝังเข็มในช่วงสองวันที่ผ่านมา นางก็รู้สึกถึงกระแสความอุ่นที่วิ่งไปยังแขนขาและกระดูก เส้นลมปราณของนางก็ดูเหมือนมีความอบอุ่นไหลเวียน รู้สึกสบายเป็นอย่างมาก

ดังนั้นสิ่งที่นางเอ่ยเกี่ยวกับลวี่เซี่ยวซานจึงไม่มีทางเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล

ฉินหลิวซีเห็นว่าลวี่เซี่ยวซานเริ่มตื่นตระหนก ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ลุกขึ้นพลางกล่าวกับเจียงเหวินเหยียนว่า “พรุ่งนี้ข้าค่อยมาฝังเข็มให้ท่าน ข้าขอตัวก่อน”

เจียงเหวินเหยียนอุทานด้วยความประหลาดใจ เดี๋ยวนะ เจ้าลากคนจากสวรรค์ลงมายังนรก แล้วก็สะบัดก้นหนีเช่นนี้หรือ

เจ้ายังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่

นางอยากให้ฉินหลิวซีอยู่ต่อ แต่ฉินหลิวซีกลับส่ายหน้า จากนั้นก็บุ้ยปากไปทางลวี่เซี่ยวซาน

เจียงเหวินเหยียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอดกลั้น เอ่ยว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปรับท่าน”

ฉินหลิวซีพยักหน้ารับรู้

เมื่อนางหันหลังกำลังจะจากไป ทันใดนั้นลวี่เซี่ยวซานกลับดึงแขนเสื้อของนางไว้ เงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างจ้องนางตาไม่กะพริบ ยื่นข้อมือออกมาพลางถามว่า “ท่านช่วยดูให้ข้าหน่อยว่าข้าจะมีบุตรได้หรือไม่”

ฉินหลิวซีไม่ได้จับชีพจร เอ่ยว่า “ชะตาชีวิตท่านควรจะมีบุตร”

ดวงตาของลวี่เซี่ยวซานเป็นประกายเล็กน้อย

“ท่านรู้หรือไม่ว่าแต่งงานที่ดีแต่จบด้วยการหย่าร้างหมายความว่าอย่างไร”

ลวี่เซี่ยวซานสีหน้าซีดเผือด

ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเบาว่า “หากท่านใจร้ายพอ ท่านก็จะมีบุตรได้”

หากตัดไม่ได้ ก็จะไม่มีบุตร เพราะอายุขัยสั้น

ฉินหลิวซีไปแล้ว นางได้ชี้ให้เห็นจุดสำคัญที่สุดแล้ว ได้ฉีกภาพลวงตาที่เรียกว่าความสุขออก ความจริงแล้วในใจของลวี่เซี่ยวซานนั้นเข้าใจดี การที่นางกินอาหารบำรุงทุกวันเป็นความต้องการของใคร

เมื่อเดินออกมาจากประตูรอง นางก็เห็นเฉียวจื่อหลิงกำลังพูดคุยหัวเราะกับชายร่างสูงที่ดูท่าทางอ่อนโยน

“มีครั้งไหนบ้างที่ภรรยาเจ้าไม่กินอาหารกับภรรยาข้าก่อนแล้วค่อยกลับ ตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลย เจ้าก็มารับแล้ว อยู่ห่างกันสักหนึ่งเค่อ[1]ไม่ได้เชียวหรือ”

นั่นคือจังหย่งสามีของลวี่เซี่ยวซาน

งูพิษในคราบของคนหน้าซื่อใจคด

เอ๋ ซ้ำยังมีบาปชีวิตติดตัวด้วย

เคยมีผู้ที่เสียชีวิตด้วยมือของเขา แต่กลับยังโชคดีเช่นนี้ ไม่ได้มีวิญญาณตามอาฆาตพยาบาท ซ้ำยังมีสัญญาณแห่งความสำเร็จ

นี่มันโชคขี้หมาอะไรกัน

ฉินหลิวซีหยุดเดิน หรี่ตาลง จ้องมองไปทีโหงวเฮ้งของเขา ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าโหงวเฮ้งของเขาผิดปกติ น่าประหลาดเป็นอย่างมาก

คนผู้นี้ควรจะเป็นคนยากจน ด้อยกว่าผู้อื่นไปชั่วชีวิตและไม่มีแววจะโดดเด่น ไยจึงได้กลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยและก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าจะแต่งงานกับภรรยาที่ร่ำรวย แต่ก็จะร่ำรวยเพียงแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ไม่สามารถคงอยู่นาน แต่พลังงานของเขากลับมีความมงคลเป็นอย่างมาก

มีอะไรแน่ๆ ต้องมีอะไรในนั้นแน่ๆ!

ดวงตาของฉินหลิวซีเต็มไปด้วยความสนใจ อยากจะสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนผู้นี้ แต่ว่าไม่มีค่าตอบแทน หรือว่าจะรออีกสักหน่อย

จังหย่งรู้สึกว่ามีสายตาจ้องมองสำรวจมาที่ตัวเอง สายตานั้นราวกับการจ้องมองของสัตว์ร้าย ทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก

เขามองไปตามความรู้สึก เห็นฉินหลิวซีซึ่งกำลังยิ้มให้เขาอยู่จริงๆ

ความหนาวเย็นไหลลงมาตามกระดูกสันหลังของจังหย่ง นี่มันรอยยิ้มชั่วร้ายอะไรกัน น่ากลัวเหลือเกิน

“สหายเฉียว นั่นคือใครหรือ”

จังหย่งมองฉินหลิวซีที่หันกลับไป รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

เฉียวจื่อหลิงเหลือบมอง ตัวแข็งทื่อเล็กน้อย แต่กลับเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ก็แค่หมอท่านหนึ่งไม่สำคัญอะไร ไปเถิด ข้าจะพาเจ้าไปดื่มชาที่ห้องตำรา”

จังหย่งขมาดคิ้ว เป็นแค่หมอหรือ

[1] หนึ่งเค่อ สิบห้านาที

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท