คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 601 เรื่องนี้ไม่สามารถจบได้ด้วยดีแล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 601 เรื่องนี้ไม่สามารถจบได้ด้วยดีแล้ว

เมื่อมู่ซีมา ก็ตบหน้าจังหย่งที่ไม่ได้อยู่ ณ ที่นี้ ทำเอาคนตระกูลจังทำตัวไม่ถูกและไม่สบายใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้โชคดีนักที่จะได้พบเรื่องดีที่มู่ซื่อจื่อเห็นว่าตระกูลตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรมและจะช่วยตัดสินให้

“ใครก็ได้ มาจับพวกเขาทั้งหมดส่งไปที่ศาลปกครอง บอกว่า บอกว่าแม่นางน้อยผู้นี้คิดจะใส่ความข้า” แส้ม้าของมู่ซีชี้ไปที่คุณหนูจัง

อะไรนะ ใส่ความเขา?

นี่มันกล่าวหากันหน้าด้านๆ ทันทีที่เขามา แม่นางน้อยผู้นั้นก็เข้าไปร้องขอความยุติธรรม จึงถูกเขาจับไปส่งศาลปกครองในข้อหาใส่ความ?

เอาเถิด เป็นจอมเผด็จการจริงๆ ด้วย ไม่มีเหตุผลเอามากๆ มู่ซื่อจื่อจอมเสเพลอันดับหนึ่ง!

ตระกูลจังตื่นตระหนกเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่ามู่ซีให้คนมาคุมตัวทันทีที่เอ่ยปาก มารดาตระกูลจังลุกขึ้นมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ท่านซื่อจื่อ นี่มันไม่เหมาะสมนะเจ้าคะ ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แม่นางตระกูลข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเจ้าคะ”

มู่ซีสบถพลางยืนเท้าเอว “เหตุใดจึงไร้เหตุผล นางพุ่งมาอยู่ตรงหน้าข้าเพราะคิดจะใส่ความข้า อยากจะปีนขึ้นที่สูง แม้ว่านางจะไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่หากข้าบอกว่าใช่ก็คือใช่ ทำไมหรือ พวกเจ้าคิดว่าไร้เหตุผล เช่นนั้นครอบครัวของบุตรชายเจ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง ลูกสะใภ้ต้องการหย่ากับเขา เหตุใดพวกเจ้ายังมาสร้างปัญหาให้กับเจ้านักต้มตุ๋น พวกเจ้าก็กำลังใส่ความอยู่ไม่ใช่หรือ”

คนตระกูลจังสีหน้าซีด เมื่อครู่พวกเขาคิดผิดไป จอมอันธพาลน้อยผู้นี้ต้องการมาทวงความยุติธรรมจริงๆ ทว่าไม่ใช่เพื่อพวกเขา แต่เพื่อนักต้มตุ๋นผู้นั้น

“ไม่มีอะไรจะพูดหรือว่ารู้สึกผิด หรืออยากจะบอกว่าข้าไร้กฎระเบียบ” แส้ของมู่ซีสะบัดไปที่เท้าของจังเอ้อร์ เอ่ยอย่างเย่อหยิ่งว่า “คิดจะกล่าวเรื่องกฎหมายกับข้า พี่หญิงของข้าคือฮองเฮา พี่เขยของข้าคือฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน เจ้ามาเอ่ยเรื่องกฎหมายกับข้า คิดจะหัวเราะเยาะข้าให้ตาย จะได้สืบทอดตำแหน่งทายาทของข้าอย่างนั้นหรือ”

แส้ของเขาตวัดด้วยเสียงที่คมชัด ฝุ่นลอยคละคลุ้ง ทำเอาจังเอ้อร์ตกใจจนสะดุ้งไปหลบอยู่ข้างหลังมารดาตระกูลจังทันที

พวกเราไม่ได้กล่าวอะไร เจ้าเป็นคนกล่าวเองทั้งนั้น

มารดาตระกูลจังถูกบุตรชายคนรองผลักออกไปเป็นโล่กำบัง ตกใจจนขาทั้งสองสั่นระริก มือเท้าอ่อนแรง สีหน้าซีดขาว สมองมึนงงไปหมด

ตระกูลจังเป็นตระกูลเกษตรกรรมที่ศึกษาตำราจริงๆ แต่ไม่ได้ร่ำรวย หลายปีมานี้ทั้งตระกูลอาศัยพื้นที่เพาะปลูกเพียงสิบกว่าหมู่[1]และเงินที่นางได้รับจากการช่วยคนทำคลอดมาดำรงชีวิต ไม่เคยคิดว่าบุตรชายคนโตจะไปเข้าตาแม่ทัพลวี่ และด้วยความร่ำรวยที่สะใภ้นำมาให้ ตระกูลของพวกเขาเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพลิดเพลินกับความมั่งคั่งมาหลายปี

แต่เนื่องจากจังหย่งยังเป็นเพียงปัญญาชน ยังไม่ได้พัฒนา ทั้งตระกูลมีความรู้ที่จำกัด ย่อมเทียบไม่ได้กับผู้ที่มาจากตระกูลใหญ่อย่างแท้จริง และด้วยเหตุนี้มารดาตระกูลจังจึงไม่ชอบเข้าสังคมไปมาหาสู่กับคนนอก เกรงว่าคนอื่นจะดูถูก จึงอยู่แต่ในจวนทำตัวเหมือนแม่สามีที่เป็นคนจริงจังและใจดี จากนั้นก็ใช้กลยุทธ์ถอยเพื่อโจมตี กดดันไม่ให้สะใภ้คนโตมีหน้ามีตาอยู่ข้างนอก ยอมที่จะอุทิศตนเพื่อตระกูลจังอย่างเต็มใจ

นางพอใจที่ลูกสะใภ้คนโตมีฐานะร่ำรวย และนับว่ารู้ประสา ถ้าหากมอบสินสอดให้นางเป็นคนดูแล ก็ยิ่งนับว่าสะใภ้คนโตตระกูลจังเป็นแบบอย่าง น่าเสียดายที่สะใภ้ลวี่ไม่ได้รู้ประสาเสียทุกเรื่อง เป็นบุตรชายคนโตที่คอยปกป้องและเกลี้ยกล่อม มิฉะนั้นด้วยความที่หลายปีมานี้นางไม่ตั้งครรภ์เสียทีก็ควรจะรับอนุภรรยาเสียตั้งนานแล้ว แต่กลับเลือกที่จะเสียอาหารบำรุงดีๆ เหล่านี้ไปโดยเปล่าประโยชน์

เอาเถอะ ด้วยร่างกายของนางเช่นนั้น ให้นางกิน กินเยอะเข้าสักวันหนึ่งก็จะอาเจียนออกมาเอง

มีของดีให้กินให้ดื่ม ห้อมล้อมด้วยบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติ คนตระกูลจังก็เอาอกเอาใจลวี่เซี่ยวซานด้วยความยินดี เข้ากันได้อย่างมีความสุขและกลมเกลียว มิเช่นนั้นจะทำให้นางทุ่มเทแรงกายแรงใจได้อย่างไร

แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ นางจะเริ่มโวยวายขึ้นมา เพียงแค่ไปจวนกั๋วกง เมื่อกลับมาก็ไล่ทั้งตระกูลออกจากจวนโดยไม่มีคำเตือนใดๆ จากนั้นก็โวยวายต้องการหย่าร้าง

พวกเขาใช้ชีวิตอย่างร่ำรวยมาหลายปี แต่จู่ๆ ก็ยากจนลงในพริบตา ความแตกต่างมหาศาลเช่นนี้จะรับไหวได้อย่างไร แม้แต่มารดาตระกูลจังกับคุณหนูตระกูลจังก็ชินกับการกินรังนกคุณภาพดีหนึ่งถ้วยในทุกวันเพื่อเสริมความงามและสุขภาพ ตอนนี้ไม่มีแล้ว รู้สึกว่าผิวหนังตึงขึ้นมาในทันที

มีความรู้สึกอัดอั้นตันใจและโมโหหงุดหงิดสารพัด จากนั้นก็ได้สืบพบว่าลวี่เซี่ยวซานได้พบกับฉินหลิวซี นักพรตไร้จรรยาบรรณที่จวนกั๋วกง หลังจากฟังคำชี้แนะอันเหลวไหลของนางสองสามประโยค และตามด้วยการสนับสนุนของเจียงเหวินเหยียนก็เดือดพล่านขึ้นมาในทันที ไม่กล้าไปเอาเรื่องที่จวนกั๋วกง ก็เลยมาหาฉินหลิวซี

คนตระกูลจังกำลังคิดว่านักต้มตุ๋นที่มีความสามารถอันน้อยนิดซึ่งโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้มีหรือจะมาเทียบกับสมาชิกของคนในตระกูลบัณฑิตจิ้นซื่อคนใหม่อย่างพวกเขาได้

รองบัณฑิตจิ้นซื่อก็คือบัญฑิตจิ้นซื่อเช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าไยตระกูลจังจึงได้ภาคภูมิใจเพียงนี้

นี่ก็คือความผิดพลาดที่มารดาตระกูลจังและคนอื่นๆ ไม่ออกไปสังสรรค์บ่อยๆ เป็นเพราะพวกนางหูหนวกตาบอดจึงไม่รู้ถึงความเก่งกาจของฉินหลิวซี หากรู้เสียก่อน การที่พวกนางคิดจะใช้คุณธรรมมาโจมตีผู้อื่นนั้น พวกนางคิดผิดแล้ว

เพราะแม้ว่าพวกนางจะทำร้ายฉินหลิวซีได้ อย่างมากนางก็หนีไปโดยไม่เห็นแม้แต่เงา มีหรือที่นางจะช่วยเกลี้ยกล่อมให้สามีภรรยาคืนดีกันได้ด้วยเหตุนี้

บอกได้เพียงว่า คนเราเวลาโมโหหุนหันพลันแล่นขึ้นมามักจะขาดสติ

บรรดาคนตระกูลจังก็เป็นเช่นนี้

ความรู้ ความเข้าใจ และสมองถูกขุดออกมาเป็นหลุมแล้วใส่น้ำลงไป จึงทำให้เกิดฉากตรงหน้า

และเมื่อตระหนักถึงอันตรายอย่างแท้จริง การตอบสนองแรกของพวกเขาก็คือต้องการถอย

“งงอะไรกันอยู่ ยังไม่คุมตัวเด็กสาวผู้นี้อีก อย่าได้สงสารนางเด็ดขาด บรรดาแม่นางเหล่านี้มาใส่ความข้าแล้ว” มู่ซีกลอกตาใส่คุณหนูจังด้วยความรังเกียจ

คุณหนูจัง ‘ฮือๆ นางไม่มีหน้าไปพบใครแล้ว ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว’

เมื่อฉินหลิวซีที่นั่งอยู่บนหลังคาเห็นฉากนี้ก็กะเทาะเมล็ดแตงเสียงดังพลางเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ที่แท้จอมอันธพาลน้อยก็ทำตัวไร้เหตุผลเช่นนี้ ข้าได้เรียนรู้แล้ว”

เฟิงซิวแสยะยิ้ม เรียนรู้แต่สิ่งแปลกๆ เช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะไปทำร้ายใครเข้า

เขาเหลือบมองไปยังโรงน้ำชาที่อยู่แนวทแยงมุมตรงข้ามกับโรงประมูลจิ่วเสียน ดวงตาเรียวยาวของจิ้งจอกหรี่ลงครึ่งหนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อย

“มีอะไรหรือ” ฉินหลิวซีรู้สึกถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขาในทันที ลุกขึ้นยืน

เฟิงซิวส่ายหน้า ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ไม่มีอะไร ข้าจะลงไปแล้ว”

เขาหันหลังแล้วกระโดดลงจากหลังคา เมื่อถึงพื้นก็กลับคืนสู่ร่างเดิม กลับไปยังถ้ำของเขาที่อยู่ในโรงประมูลจิ่วเสียน สงบอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน

ฉินหลิวซีเอียงศีรษะ มองไปยังโรงน้ำชาที่อยู่ตรงข้าม มีคนเปิดหน้าต่างออกมาพอดี เป็นคนงานคนหนึ่ง เปิดบานหน้าต่างระบายอากาศ บนโต๊ะในห้องนั้นมีถ้วยชาสองถ้วย

นางละสายตามองลงไปข้างล่างอีกครั้ง เห็นเพียงจังหย่งวิ่งมาจากหัวมุมถนนด้วยความลนลาน

จังหย่งในวันนี้ไม่ได้มีความสง่าผ่าเผยและสูงส่งอย่างที่เห็นในวันนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรนและหดหู่

ดูเหมือนว่าลวี่เซี่ยวซานจะหลุดพ้นจากการควบคุมแล้ว ทำให้เขาหงุดหงิดและกระวนกระวายเป็นอย่างมาก

ฉินหลิวซีมองดูพลังงานโชคบนตัวเขาด้วยสายตาที่ลุ่มลึก

แม้ว่าครอบครัวจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่พลังงานโชคกลับยังไม่หล่นหายไป ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

จังหย่งรู้สึกหงุดหงิด หลังจากที่เขากับลวี่เซี่ยวซานแต่งงานกัน กล่าวได้ว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ซ้ำปีนี้ก็ยังสอบติดบัณฑิตจิ้นซื่อ แม้ว่าจะเป็นรองบัณฑิตจิ้นซื่อและได้ลำดับที่น่าอึดอัดใจ แต่เขารู้ว่าสิ่งนี้ไม่สำคัญ ตราบใดที่พลังงานโชคของตระกูลลวี่ตกเป็นของตระกูลจังโดยสิ้นเชิง ในภายภาคหน้าเขาจะสามารถก้าวหน้าอย่างราบรื่น เปลี่ยนวงศ์ตระกูลได้อย่างแน่นอน

แต่เมื่อถึงช่วงเวลาที่สำคัญ ทันใดนั้นลวี่เซี่ยวซานก็สังเกตเห็นถึงความตั้งใจของเขา และต้องการหย่าร้าง

เป็นเช่นนี้ไม่ได้ หากหย่าร้าง สายสมรสขาดแล้ว ซ้ำยังเป็นการแยกทางโดยสมัครใจ เท่ากับเป็นการสมัครใจที่จะตัดสายกรรม สูญเสียความสำเร็จ

ที่เกลียดชังที่สุดก็คือคนในตระกูลไร้สมอง ต้องการไปหาเรื่องคนที่ทำแผนการของเขาพัง รังเกียจที่เรื่องยังใหญ่ไม่พอ ลวี่เซี่ยวซานหนีไปยังไม่เร็วพอหรือ

เมื่อจังหย่งมาที่นี่เพื่อพาคนกลับไปแล้วเห็นมู่ซื่อจื่อจอมอันธพาลน้อยที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงผู้นั้น ก็รู้สึกมืดมนในทันที

จบกัน เรื่องนี้ไม่สามารถจบได้ด้วยดีแล้ว

[1] หมู่ หน่วยวัดพื้นที่ของจีน 166.5 ตารางวา หรือ 666 ตารางเมตร

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท