คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 604 นางมาจากอารามเต๋าเล็กๆ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 604 นางมาจากอารามเต๋าเล็กๆ

จุดประสงค์ง่ายๆ ของการทำให้ไม่มีทายาทสืบทอดก็เพียงเพื่อเงินทองและความมั่งคั่ง ผู้ที่มีชะตาชีวิตที่ดีก็จะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่หากชะตาชีวิตไม่ดีก็ตายเท่านั้น แต่ในกรณีของลวี่เซี่ยวซานไม่ได้สูญเสียเพียงแค่ชีวิต ซ้ำยังมีโชคลาภของบรรพบุรุษ

ใช่แล้ว สิ่งที่จังหย่งต้องการก็คือโชคลาภตระกูลลวี่ของนาง ไม่เพียงแต่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ยากจนของตัวเองเท่านั้น ซ้ำยังสามารถเปลี่ยนแปลงวงศ์ตระกูล ทำให้ลูกหลานรุ่นหลังเจริญรุ่งเรืองได้ด้วย

เบื้องหลังของจังหย่งยังมีผู้มีฝีมือขั้นสูงผู้หนึ่งช่วยเขาเปลี่ยนแปลงโชคชะตา โดยการแตะต้องหลุมศพบรรพบุรุษตระกูลลวี่

หลังจากที่ลวี่เซี่ยวซานได้ฟังคำพูดของฉินหลิวซีก็มึนงงไปหมด กระทั่งชาไปทั้งตัว นางคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคนที่นอนเคียงหมอนกับตัวเองเป็นเวลาห้าปีจะโหดเหี้ยมเพียงนี้

ตอนที่ฉินหลิวซีกับลวี่เซี่ยวซานไปที่หลุมศพบรรพบุรุษตระกูลลวี่ จังหย่งก็ได้ควบม้าเร็วไปที่ภูเขาทังในเขตชานเมืองหลวง เงยหน้ามองขึ้นไปยังกระท่อมซึ่งมุงด้วยหญ้าแห้งที่มองเห็นสลัวๆ ครึ่งทางขึ้นไปบนเขาแล้ว ได้แต่กัดฟันปีนขึ้นไป

ด้านหน้ากระท่อมมียันต์แปดทิศ จังหย่งไม่กล้าบุกเข้าไป เพียงแต่คุกเข่าลงบนพื้น

“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ช่วยข้าด้วย”

ด้านในกระท่อม เงียบสนิทราวกับไม่มีใครอยู่ข้างในเลย

“ท่านอาจารย์ ลวี่เซี่ยวซานเป็นคนตัดสายกรรมแห่งความสัมพันธ์ด้วยตัวเอง เกรงว่าคาถาที่ร่ายบนตัวข้าจะไม่มีผลแล้ว ขอท่านอาจารย์โปรดช่วยข้าอีกครั้งด้วยเถิด” จังหย่งโขกศีรษะลงบนพื้น

เขาคุ้นเคยกับชีวิตที่มั่งคั่งและสูงส่งมาหลายปีแล้ว ไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตกัดก้อนเกลือกิน ใช้ถ่านเขียนหนังสืออีกต่อไป

เขา จังหย่งผู้นี้ควรจะเป็นมังกรที่โบยบินอย่างยิ่งใหญ่

จังหย่งโขกศีรษะคำนับจนมีเลือดออก จึงได้มีบุรุษคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีดำและมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงเดินออกมาจากด้านใน กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “กรรมของเจ้ากับข้าสิ้นสุดลงแล้ว กลับไปเถิด”

จังหย่งตกตะลึง รีบเงยหน้าขึ้นทันที เมื่อสัมผัสกับดวงตาที่มืดมนของฝ่ายตรงข้ามก็ลดสายตาลงทันที กล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ท่านเห็นแก่น้องชายของท่านปู่ข้า โปรดช่วยข้าอีกสักครั้งเถิด”

“บังอาจ” ชายชุดดำสะบัดแขนเสื้อ แขนเสื้อของเขาม้วนคลื่นอากาสปัดจังหย่งกระเด็นออก กล่าวด้วยความโกรธว่า “เจ้ากล้าใช้อาจารย์มากดดันข้าหรือ”

จังหย่งอาเจียนเป็นเลือด คลานเข่าเข้าไปข้างหน้าพลางเอ่ย “ข้าน้อยไม่กล้า แต่ตอนนั้นเป็นข้าที่ช่วยท่านไม่ใช่หรือ”

“ข้าช่วยเจ้าเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตโดยขัดต่อประสงค์ของสวรรค์ และได้ชดใช้กรรมนี้ไปแล้ว อย่าได้พัวพันอีก” บุรุษชุดดำสบถอย่างเย็นชา

“แต่เส้นบุพเพสันนิวาสระหว่างข้ากับลวี่เซี่ยวซานขาดแล้ว” จังหย่งกล่าวว่า “ท่านเคยบอกไม่ใช่หรือว่าเมื่อโชคของตระกูลลวี่ถูกข้าแทนที่โดยสมบูรณ์แบบแล้ว กรรมของข้ากับนางไม่สามารถขาดจากกันได้ไม่ใช่หรือ”

“นั่นเป็นเรื่องของเจ้าแล้ว เป็นเพราะพวกเจ้าทำเกินไป เกี่ยวอะไรกับข้า” บุรุษชุดดำเหลือบมองเขาด้วยความรังเกียจ

จังหย่งประท้วง “ไม่ใช่ ไม่ใช่ความผิดของพวกเรา มีผีน้อยมาที่เมืองหลวง เป็นหมอลัทธิเต๋าอะไรสักอย่าง หากไม่ใช่เพราะนางเปิดเผยว่าร่างกายของลวี่เซี่ยวซานผิดปกติ นางก็ไม่มีทางจบกับข้า ท่านอาจารย์ เห็นได้ชัดว่าเจ้าผีน้อยผู้นั้นทำลายอาคมของท่าน”

บุรุษชุดดำแสยะยิ้ม “เจ้าอย่าได้ใช้กลอุบายเหล่านั้นมายั่วยุข้า ข้าไม่ได้รับผลสะท้อนกลับจากการที่อาคมถูกทำลาย ซึ่งหมายความว่าอาคมยังคงอยู่ เจ้าจะกังวลไปทำไม อย่างมากเจ้าก็เพียงโชคร้ายไปช่วงหนึ่ง เมื่อลวี่เซี่ยวซานผู้นั้นตายแล้ว โชคของตระกูลลวี่หายไป ย่อมไปตกอยู่ที่ตระกูลจังของเจ้าเอง” เพียงแต่การตายนี้จะตายช้าหรือเร็วเท่านั้น

จังหย่งนึกยินดีขึ้นมา “แค่นางตายก็พอแล้วหรือ” ชายชุดดำมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่ แอบดูหมิ่นเขา

“ท่านอาจารย์ เพื่อไม่ให้ระยะเวลานานเกินไปจนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด ท่านลงมืออีกครั้งไม่ได้หรือ” จังหย่งกัดฟัน เมื่อเขานึกถึงฉินหลิวซี ก็มักจะรู้สึกว่าฉินหลิวซีจะทำให้เสียเรื่อง

“ไสหัวไป!” บุรุษชุดดำหันหลัง เขาจะไม่เปลืองแรงใดๆ เด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทษห้าโทษสามวิบัติไปมากกว่านี้ คนผู้นี้ไม่คุ้มค่า

เมื่อจังหย่งเห็นว่าเขาจะไปแล้ว จึงรีบกล่าวว่า “ข้ารู้ที่อยู่ของไข่มุกมังกรวารีแล้ว”

บุรุษชุดดำชะงักฝีเท้า หันกลับมาทันที เดินมาก้มลงมองเขา “อยู่ไหน”

จังหย่งสายตาเป็นประกาย “ขอเพียงแค่อาจารย์เต็มใจ…เอื้อ”

เขาตีมือที่บีบคอเขาอย่างบ้าคลั่ง เอ่ยอย่างยากลำบากว่า “ข้า…พูดแล้ว”

บุรุษชุดดำสบถพลางสะบัดเขาออก ก็แค่มดตัวเล็กๆ กล้าดีอย่างไรมาเจรจาต่อรองกับเขา

“เป็นอันเฉิงโหวที่ได้ไป ได้ยินมาว่าเตรียมจะถวายเป็นของขวัญวันพระราชสมภพ” ข่าวนี้เขาได้รับมาจากเฉียวจื่อหลิงด้วยความบังเอิญ ท่านก็กำลังตามหาที่อยู่ของไข่มุกมังกรวารีอยู่ไม่ใช่หรือ

บุรุษชุดดำหรี่ตา กำลังวางแผนจะไปแย่งไข่มุกมังกรวารีจากอันเฉิงโหว

จังหย่งดึงชายเสื้อของเขา กล่าวขอร้องว่า “ท่านอาจารย์ ท่านช่วยข้าอีกสักครั้งเถิด เจ้าเด็กที่มาจากอารามชิงผิงผู้นั้นค่อนข้างชั่วร้าย ข้ากลัวว่าเขาจะทำเสียเรื่องขึ้นมาจริงๆ”

บุรุษชุดดำสายตาเกรี้ยวกราด อารามชิงผิง?

ชื่อเดียวกัน อารามเดียวกันหรือ

“อารามชิงผิงที่ไหน เจ้าเด็กนั่นอายุเท่าใด” ชายชุดดำสักถาม

จังหย่งเห็นว่าเขากังวลเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ดูเหมือนจะเป็นเมืองหลี เป็นอารามเต๋าในเมืองเล็กๆ เท่านั้น แต่วิชาแพทย์ของนางไม่เลวเลย มาเมืองหลวงเพียงครู่เดียวก็รักษาหายไปหลายคนแล้ว”

ชายชุดดำหรี่ตาลง อารามชิงผิงในเมืองหลี เหอะ

จังหย่งสำรวจดูสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง กล่าวว่า “อาจารย์ เช่นนั้นเรื่องของข้า? ไม่ใช่ว่าข้าใจร้อน เพียงแค่คิดว่าคนผู้นั้นวนเวียนอยู่กับลวี่เซี่ยวซาน จะทำให้เสียเรื่อง ทำให้การดำเนินการตลอดหลายปีที่ผ่านมาเสียเปล่า”

บุรุษชุดดำแสยะยิ้ม “คนอย่างเจ้าก็เป็นคนที่มีความคิดโหดเหี้ยม ภรรยาเจ้าให้เกียรติและความมั่งคั่งแก่เจ้า แม้แต่คนในตระกูลเจ้าก็เสพสุขกับความมั่งคั่งนี้ ทั้งตระกูลปีนป่ายดูดเลือดบนร่างกายของนางราวกับปลิง ดูดจนแต่ละตัวอ้วนท้วนสมบูรณ์ เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณแม้แต่นิด ซ้ำยังต้องการจะเอาชีวิตนาง ช่างเป็นบุรุษที่ใจแข็งดั่งเหล็กจริงๆ”

จังหย่งใบหน้าแดงก่ำ กัดฟันพลางเอ่ย “เดิมทีข้าไม่ได้อยากจะทำรุนแรงเช่นนี้ มิเช่นนั้นก็คงไม่คิดที่จะให้นางค่อยๆ อ่อนแอแล้วตายไป บำรุงร่างกายจนเสียหาย เป็นนางที่จู่ๆ ก็รู้ถึงแผนการของข้า หากนางไม่ตัดสินใจเด็ดขาดเช่นนี้ ข้าก็คงไม่อยากจะให้นางตายในทันที ล้วนเป็นนางที่บังคับข้าให้ทำเช่นนี้”

เขาพูดพลางกัดปลายลิ้นอย่างโหดเหี้ยม ความเจ็บปวดทำให้เขากลายเป็นคนโหดร้ายขึ้นมา เลียริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากของเขาเปื้อนเลือดไปด้วย ยิ่งทำให้ดูดุร้าย

“หากคนเราไม่ทำเพื่อตัวเอง ก็จะถูกสวรรค์ทำลาย นี่เป็นสิ่งที่ท่านเคยกล่าวไว้ไม่ใช่หรือ หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ น้องชายท่านปู่ของข้าก็คงไม่…”

“หุบปาก!” บุรุษชุดดำตบหน้าเขา “ท่านอาจารย์จะเป็นอย่างไรก็ไม่ต้องให้เจ้ามาแสดงความคิดเห็น”

จังหย่งคุกเข่าลงบนพื้น ลดสายตาที่มีความขุ่นเคืองปะทุออกมา

บุรุษชุดดำเอ่ยว่า “ไปเอาแปดอักษรเวลาตกฟากกับเส้นผมและเล็บของลวี่เซี่ยวซานมา”

จังหย่งดีใจมาก เขาได้เตรียมของเหล่านี้ไว้นานแล้ว ตอนที่คนผู้นี้ร่ายอาคมเปลี่ยนแปลงโชคชะตาเมื่อก่อนหน้านี้ เขาก็เคยได้ยินมาบ้างว่าหากต้องการทำร้ายคนต้องใช้แปดอักษรเวลาตกฟากกับเส้นผลและเล็บหรือเลือดอะไรทำนองนั้นของฝ่ายตรงข้าม จะทำให้ทำพิธีได้ง่าย

ดังนั้นตอนที่เขาช่วยลวี่เซี่ยวซานหวีผมตัดเล็บเมื่อก่อนหน้านี้ ก็ได้แอบเก็บไว้บางส่วน โดยคิดว่าสักวันหนึ่งอาจจะได้ใช้

คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้จริงๆ

จังหย่งกล่าวขอบคุณ รีบลงจากภูเขา

บุรุษชุดดำมองดูเขาจากไป สบถอย่างเย็นชา หากไม่เห็นแก่อาจารย์ ก็จะไม่มองคนผู้นี้แม้แต่ตาเดียว

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า รอให้เป็นเวลากลางคืนแล้วค่อยไปแย่งชิงมุกจากอันเฉิงโหวผู้นั้นจะดีกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือไข่มุกมังกรวารีเม็ดนั้น

บุรุษชุดดำหันหลังกำลังจะเดินเข้าไปในกระท่อม ทันใดนั้นก็หยุดฝีเท้า

รู้สึกเหมือนอะไรขาดหายไปบางอย่าง

ไม่สิ เจ้าเด็กจังหย่งบอกว่าผู้ที่บอกว่าร่างกายของลวี่เซี่ยวซานไม่ปกติคือหมอลัทธิเต๋าจากอารามชิงผิง รู้วิชาแพทย์ แล้วอาคมล่ะ

คนผู้นั้น มาจากอารามชิงผิง ย่อมเป็นคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของชื่อหยวน

แย่แล้ว!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท