คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 611 ข้ารอคนมาก่อกวนนานแล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 611 ข้ารอคนมาก่อกวนนานแล้ว

ผู้ที่มีความสามารถ โดยเฉพาะคนดีสมควรได้รับการเคารพ เช่นเดียวกับฉินหลิวซีที่มารักษาการกุศลที่นี่ นั่นคือโชคดีของผู้ลี้ภัยที่ยากจน ควรจะได้รับความเคารพด้วยความเกรงใจ

แต่ตอนนี้มีกลุ่มคนนิสัยไม่ดีที่เห็นได้ชัดว่าเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลใดตระกูลหนึ่งมายกนิ้วชี้ไปที่เขา เอ่ยอย่างยิ่งผยองว่าจะเอาตัวคนไป

ทุกคนกล้าโกรธแต่ไม่กล้าเอ่ย

เพราะนี่คือเมืองหลวง และเมืองหลวงก็มีผู้ที่มีอำนาจมากมายราวกับขนวัว ไม่ใช่คนที่ผู้ลี้ภัยจากบ้านเกิดเมืองนอนมาอย่างพวกเขาจะไปล่วงเกินได้

ทุกคนมองฉินหลิวซีด้วยความกังวล คิดว่าเขาจะต้องโกรธอย่างแน่นอน

แต่การตอบสนองของฉินหลิวซีกลับเป็นความตื่นเต้น?

หรือเป็นเพราะพวกเขาถูกผู้มีอำนาจทำให้ตกใจจนหวาดกลัว จึงได้เห็นภาพลวงตา เหตุใดจึงได้เห็นความตื่นเต้นบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้

ลู่สวินสีหน้ามืดมน มองดูบ่าวรับใช้ผู้หยิ่งผยองเหล่านี้อย่างเย็นชา สายตากวาดมองการแต่งกายของพวกเขา เม้มริมฝีปาก กำลังจะเอ่ยปาก แต่กลับได้ยินน้ำเสียงที่ตื่นเต้นและแฝงไว้ด้วยความโล่งใจเล็กน้อยดังมาจากด้านหลัง

“ในที่สุดก็มาแล้ว”

ลู่สวินหันกลับไป “?”

คนอย่างท่านควรจะมีสีหน้าเย็นชาและเย่อหยิ่งกว่าฝ่ายตรงข้าม เพิกเฉยต่อพวกเขาไม่ใช่หรือ

ไยจึงได้มีท่าทางเหมือนกับรอมานานแล้ว

ก็รอมานานแล้วน่ะสิ ในสถานที่อย่างเมืองหลวงที่สามารถพบเห็นผู้มีอำนาจได้ทุกที่ ‘หมอ’ ที่มีชื่อเสียงอย่างนาง แม้ว่าจะส่งเทียบเชิญก็ใช่ว่าจะสามารถไปขอการรักษาได้ แน่นอนว่าจะต้องทำให้ใครไม่พอใจ คิดว่าฉินหลิวซีเห็นว่าตัวเองเป็นใหญ่ ไปท้าทายอำนาจของพวกเขาอย่างจริงจัง

การใช้อำนาจมากดดันผู้คนเป็นเอกลักษณ์ของเมืองหลวง ฉินหลิวซีก็รอวันนี้มาเสมอ คิดไม่ถึงว่าจะพึ่งมาตอนนี้

ต่อไปควรจะมีผู้สูงศักดิ์ออกมาช่วยปกป้องนางไม่ใช่หรือ

ฉินหลิวซีมองไปยังลู่สวิน ออกโรงเถิด ท่านผู้ส่งศักดิ์

ลู่สวินมองสายตาที่ฉินหลิวซีส่งมา “!”

ขอโทษที่เขาไม่เข้าใจ

ฉินหลิวซีจ้องมองเขาด้วยความรำคาญ มองไปยังสุนัขรับใช้ที่อยู่ตรงข้าม กล่าวด้วยความรู้สึกสนุกว่า “เจ้านายของเจ้าเป็นใคร หากข้าไม่ไปจะใช้กำลังใช่หรือไม่ หรือว่าจะมีใครใช้อำนาจขู่บังคับให้ข้าต้องไป”

ผู้ที่ถูกชี้ต่างพากันขดตัวไปอยู่ที่มุมกำแพง บางคนก็ถอยออกไปอย่างเงียบๆ โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าใดๆ

พวกสุนัขรับใช้ ‘เกรงว่าคนผู้นี้สมองจะมีปัญหา’

หนึ่งในนั้นก้าวมาข้างหน้า “ไปแล้วท่านก็จะรู้เอง พูดจาเหลวไหลอะไรมากมาย เร็วเข้า”

“ในเมื่อมาเชิญหมอไปรักษาก็ควรมีท่าทีขอร้อง และควรมีความเกรงใจ พวกเจ้าเอะอะโวยวายเช่นนี้ เป็นฉีซานที่ให้ท้ายหรือ” ลู่สวินขมวดคิ้วพลางเอ่ยอย่างไม่พอใจ

“เจ้าเป็นใคร ไม่ต้องมายุ่งเรื่องคนอื่น” สุนัขรับใช้ผู้นั้นเหลือบมองมา

บ่าวรับใช้ดีดตัวออกมา จ้องมองพลางด่าว่า “สุนัขอย่างพวกเจ้าตาบอดไปแล้วหรือ แม้แต่คุณชายตระกูลลู่ของพวกเราก็ไม่รู้จักเสียแล้ว”

สุนัขรับใช้ผู้นั้นมองดูอย่างละเอียด จำใบหน้าของลู่สวินได้ ทันใดนั้นความหยิ่งผยองที่ไม่มีใครเทียบได้ก็หายไป ยกมือขึ้นคำนับอย่างประจบประแจง “ตายจริง ที่แท้ก็เป็นคุณชายลู่จริงๆ ด้วย โทษที่ข้าน้อยตาบอด มองดูเพียงแค่การแต่งกายของท่าน”

แต่ในใจกลับสาปแช่ง คุณชายสูงศักดิ์เหล่านี้ไม่ปกติกันหรือ ฐานะสูงศักดิ์ควรจะแต่งกายอย่างสง่างาม มาสวมเสื้อผ้าเก่าๆ แสร้งทำเป็นถ่อมตนทำไม หรือว่าเป็นการสืบสวนคดีนอกเครื่องแบบ

ความคิดของสุนัขรับใช้ผู้นั้นหมุนวนเป็นพันครั้ง ก่อนจะเอ่ย “คิดไม่ถึงว่าท่านก็อยู่ที่นี่ คนไม่ดูตาม้าตาเรือที่ไหนมาล่วงเกินท่านเข้าหรือ”

ลู่สวินเอามือไขว้หลัง กล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจว่า “ข้ากำลังขอให้ท่านเจ้าอาวาสน้อยจับชีพจร เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”

สุนัขรับใช้มองดูเขา จากนั้นก็มองฉินหลิวซี เข้าใจแล้ว คนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือคือข้า

เขาตบหน้าตัวเอง ยิ้มพลางเอ่ย “ข้าน้อยคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะอยู่ที่นี่”

เป็นถึงบุตรชายของจั่งกงจู่ผู้สูงศักดิ์ หากต้องการตรวจอาการก็รออยู่เฉยๆ ที่จวนก็พอแล้ว เหตุใดต้องมาถึงแหล่งรวมตัวคนยากจนที่เรียกไม่ได้ว่าจุดรองรับผู้ลี้ภัยด้วยซ้ำ

ใช่แล้ว ชายหนุ่มที่แต่งตัวเรียบง่ายตรงหน้าเป็นบุตรชายคนโตเพียงคนเดียวของจั่งกงจู่แห่งราชวงศ์ ซึ่งเป็นพี่สาวของฮ่องเต้ และท่านนี้ก็คือพระราชนัดดาองค์โตของฮ่องเต้ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่สำนักจินเซิ่นที่ขึ้นตรงกับฮ่องเต้โดยเฉพาะ ได้รับความสำคัญเป็นอย่างมาก

แม้ว่าตอนนี้ลู่สวินจะดูเรียบง่ายและติดดิน ใบหน้าไม่มีพิษมีภัย แต่ว่ากันว่าไม่มีนักโทษคนไหนที่เขาง้างปากไม่ได้ และวิธีการของเขาก็ไม่มีขีดจำกัด

ดังนั้นใครจะไปคิดว่าเสือหน้ายิ้มผู้นี้จะสวมเสื้อผ้าเก่าๆ มาขอรักษาการกุศล ไม่รู้จักอายบ้างเลย!

ลู่สวินกล่าวว่า “ท่านเจ้าอาวาสน้อยเป็นแขกคนสำคัญของข้า หากฉีซานต้องการเชิญ ให้เขามาคุยกับข้า”

สุนัขรับใช้ “หา” ต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ถูกสายตาของลู่สวินเหลือบมองมาเบาๆ

“ข้าน้อยจะไปรายงานเดี๋ยวนี้ขอรับ” สุนัขรับใช้กล่าวอย่างสั่นๆ โค้งคำนับแล้วพาคนวิ่งออกไป

ลู่สวินหันกลับมา เมื่อเห็นสีหน้าเสียดายของฉินหลิวซีก็กลืนคำพูดปลอบใจลงคอไป จึงเอ่ย “พวกเราไปร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเดี๋ยวนี้เลยหรือไม่”

“ไปกันเถิด” ฉินหลิวซีรู้สึกเสียดายจริงๆ นางอยากจะเบ่งอำนาจสักหน่อย ช่วงนี้นางค่อนข้างรู้สึกเบื่อมากจริงๆ

ฉินหลิวซีกำลังจะจากไป ผู้ลี้ภัยเหล่านั้นก็มีท่าทางไม่อยากให้ไปเล็กน้อย แต่ใครก็ไม่กล้าขวาง ด้วยเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ชายที่สวมเสื้อผ้าเก่าๆ ตรงหน้าผู้นี้ก็ใช่ว่าจะเป็นคนธรรมดาทั่วไป ใครจะกล้าไปรนหาที่ตาย

ลู่สวินมีรถม้า มอบรถม้าให้ฉินหลิวซีและคนอื่นๆ นั่ง ส่วนเขากับบ่าวรับใช้ขี่ม้าที่ปรากฏตัวมาจากไหนก็ไม่รู้มุ่งหน้าไปยังร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ

ข้างในรถม้า สตรีผู้นั้นเงียบมาก โอบบุตรชายร่างผอมในอ้อมแขนโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ

ทันใดนั้นฉินหลิวซีก็ลืมตาแล้วจึงเอ่ย “หากเจ้าอยากจะรักษาชีวิตเด็กคนนี้ไว้ สามารถขอให้ชายผู้สูงศักดิ์ข้างนอกมอบอาหารแก่พวกเจ้าแล้วติดตามอยู่ข้างกายเขา พวกเจ้าสองแม่ลูกก็จะได้อยู่ด้วยกัน”

สตรีผู้นั้นตกตะลึง มองนางด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย

“ไม่ว่าเป็นคนหรือสัตว์ หากเหลือเพียงหนึ่งเดียว ก็จะกลายเป็นสิ่งที่มีค่า” ฉินหลิวซีมองเด็กคนนั้นพลางกล่าวว่า “ครอบครัวสามีเจ้ามาแย่งเด็ก ด้วยกำลังของเจ้าเพียงคนเดียวปกป้องไม่ได้หรอก”

ใบหน้าที่ค่อนข้างสกปรกของสตรีผู้นั้นเปลี่ยนเป็นดุร้ายในทันที โอบเด็กแน่นขึ้นกว่าเดิม

ฉินหลิวซีไม่ได้เอ่ยอะไรอีก หลับตาลงอีกครั้ง

ลู่สวินคิดว่าฉินหลิวซีมาที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเพื่อปล้นเงินเขา อย่างไรเสียวัตถุดิบยาที่นี่ก็ขึ้นชื่อว่าราคาแพงมาก แต่ประสิทธิภาพก็ดีมากเช่นกัน หากแม่ลูกคู่นั้นอยากจะอาการดีขึ้นเร็วหน่อยก็ต้องการยาดีๆ

เขาก็ไม่ได้สนใจ เพียงค่ารักษาเล็กน้อยเขาย่อมจ่ายให้ได้

แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือฉินหลิวซีเข้าไปในร้านยาตำหนักอายุวัฒนะราวกับเข้าบ้านตัวเอง เถ้าแก่เห็นนางยิ่งกว่าได้เห็นบรรพบุรุษ ยิ้มจนหน้าจะบานเป็นดอกเบญจมาศแล้ว

ลู่สวินอดแอบมองสำรวจฉินหลิวซีไม่ได้ ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะมีชื่อเสียงใหญ่โต ยาราคาแพงและดี เจ้าของหยิ่งเป็นอย่างมาก แต่กลับยังคงยืนหยัดได้

ช่วยไม่ได้ เพราะใครๆ ก็กลัวความตาย โดยเฉพาะบรรดาผู้มีอำนาจ หากร้านยาตำหนักอายุวัฒนะล้มลง พวกเขาจะไปหายาที่ดีและมีประสิทธิภาพกว่านี้ได้ที่ไหน

ดังนั้นตราบใดที่รักษาชีวิตไว้ได้ เขาจะหยิ่งก็ปล่อยเขาหยิ่งไป แค่มียาก็พอ!

อีกอย่างสิ่งที่ทำให้มันมั่นคงก็คือกลุ่มระดับบน ไม่แข่งขันกับพ่อค้ายาสมุนไพรระดับกลางและระดับล่างทั่วไป เพราะว่าราษฎรธรรมดาทั่วไปไม่มีเงินจ่าย จึงทำได้เพียงไปที่ร้านยาสมุนไพรอื่นที่เหลือเท่านั้น

ดังนั้นร้านยาตำหนักอายุวัฒนะจึงยึดมั่นที่จะขายในราคาแพง ใครยินดีก็มาซื้อ อีกอย่างหากเจ้าอารมณ์ไม่ดีคิดที่จะใช้อำนาจมากดดัน ไม่มีทาง หากทำให้ไม่พอใจเจ้าของร้านก็จะปิดร้านไม่ทำกิจการ เอาแต่ใจเป็นอย่างมาก เจ้าว่าน่าโมโหหรือไม่

และร้านยาตำหนักอายุวัฒนะซึ่งเป็นที่รู้จักดีในด้านความเอาแต่ใจและอารมณ์ไม่ดีแห่งนี้กลับปฏิบัติต่อฉินหลิวซีด้วยความเคารพ

ช่างน่าสนใจจริงๆ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท