คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 612 อย่าหันกลับไปมองเป็นอันขาด

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 612 อย่าหันกลับไปมองเป็นอันขาด

ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะนั้นลึกลับ ฮ่องเต้ย่อมไม่ละเลย ได้เคยส่งลู่สวินไปตรวจสอบเจ้าของร้านที่อยู่เบื้องหลัง และสิ่งที่ค้นพบก็คือมันเป็นของคนนอกที่อยู่ในยุทธภพ และเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์ ไม่มีผู้มีอำนาจเข้ามาแทรกแซงหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในนั้น จึงได้วางใจ

ยุทธภพกับราชสำนักไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ตราบใดที่ยุทธภพไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับผู้มีอำนาจทำเรื่องไม่ดี นั่นก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะยังให้ความร่วมมือกับกิจการภายใน มอบของบรรณาการได้ตรงเวลา ซึ่งทำให้ฮ่องเต้ได้หน้าเป็นอย่างมาก จึงได้ปล่อยไป

สิ่งที่ฮ่องเต้สนใจไม่ใช่ว่าร้านขายยาจะมีอำนาจมากแค่ไหน สิ่งที่เขาสนใจคือทัศนคติที่มีต่อผู้มีอำนาจ ได้มีการสมรู้ร่วมคิดกับผู้มีอำนาจหรือไม่ อย่างไรเสียก็มีเส้นสายไปทุกหนแห่ง เมื่อเปิดร้านก็จะกลายเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่

“ตำหรับยาซื่อจวินจื่อทัง[1]ของท่านก็สามารถต้มร้อนๆ แล้วดื่มตอนนี้ได้เลย” ฉินหลิวซีดึงลู่สวินกลับมาจากห้วงแห่งความคิด เอ่ย “หากเวลาไม่ลงตัว ไว้ค่อยกลับไปดื่มที่จวนก็ได้ ส่วนการรักษาของพวกเขาไม่สามารถหายชั่วข้ามคืนได้ ต้องดื่มยาติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันจึงจะสามารถกำจัดดินขาวได้ เมื่อกำจัดสิ่งที่อยู่ในท้องแล้วก็ยังต้องปรับสภาพม้ามและกระเพาะอาหารสักหน่อย”

ลู่สวินรีบเอ่ยว่า “วางใจเถิด ค่าใช้จ่ายยาทั้งหมดจดไว้ในบัญชีของข้า ข้าดื่มยาที่นี่เลยก็ได้ รบกวนเถ้าแก่ต้มยาให้ด้วย”

“ได้เลยขอรับนายท่าน” เถ้าแก่รับใบสั่งยามาดู จากนั้นก็ให้เด็กยาจัดยาไปต้ม

ส่วนฉินหลิวซีก็พาสองแม่ลูกแซ่อวี๋ไปฝังเข็มที่ห้องโถงด้านหลัง ลู่สวินคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตามไปด้วย

เขาเกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์ ถึงแม้จะเกิดภัยพิบัติในช่วงหลายปีมานี้ แต่ภายใต้การปกครองของฮ่องเต้ ภัยพิบัติก็ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นที่อดอยากอาหารจนต้องไปกินดินขาว ที่แม่ลูกคู่นี้เป็นเช่นนี้เพราะกินดินขาว ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ได้เห็นเรื่องเช่นนี้

หลังจากถามฉินหลิวซีอย่างสุภาพว่าสามารถเฝ้าดูอยู่ข้างๆ ได้หรือไม่ เขาก็เฝ้าดูการตรวจรักษาของนางอย่างเงียบๆ เมื่อเด็กคนนั้นได้รับการทำความสะอาดและถอดเสื้อผ้าออก เผยให้เห็นท้องโตราวกับสตรีตั้งครรภ์ ลู่สวินก็เม้มริมฝีปาก

“เป็นเพราะถูกบังคับ” อวี๋ซื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พ่อของเขารังเกียจว่าพวกเราสองแม่ลูกเป็นตัวปัญหา ไม่เพียงแต่ลดจากภรรยาเอกมาเป็นอนุ แต่เพื่อเอาใจภรรยาเอกคนใหม่จึงได้ปล่อยให้นางมาข่มเหงบุตรชายข้า ขังพวกเราไว้ในห้องเก็บฟืน สิ่งที่ได้กินก็มีแค่ดินขาว”

คำไม่กี่คำได้อธิบายสถานการณ์ของพวกเขาหมดแล้ว

ฉินหลิวซีไม่ได้เอ่ยอะไร เปิดกระเป๋าเข็มออก ฝังเข็มเปิดเส้นลมปราณให้พวกเขาก่อนเพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของชี่ และทำให้ลำไส้ที่อัดแน่นสามารถบีบตัวได้

ลู่สวินสีหน้าเย็นชา “เสือร้ายไม่กินบุตรของตัวเอง เป็นบิดาสัตว์เดรัจฉานชนิดไหนจึงได้เย็นชาและไร้หัวใจได้ขนาดนี้”

อวี๋ซื่อไม่มีสีหน้าใดๆ ไม่ได้แสดงร่องรอยของความโศกเศร้าด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใจของนางได้ตายไปแล้วหรือเพราะได้เห็นความโหดร้ายของโลกนี้แล้ว

“หลินจ้าว เขาชื่อว่าหลินจ้าว” หลังจากเงียบไปนานนางก็ได้กล่าวชื่อออกมา

หลินจ้าว ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ

บ่าวรับใช้ท่องชื่อนี้สองครั้ง เอ่ยกับลู่สวินเสียงเบาว่า “นายท่านขอรับ บุตรเขยคนใหม่ของใต้เท้าเหยาที่พึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นเสนาบดีสำนักกวงลู่ก็นามว่าหลินจ้าวไม่ใช่หรือขอรับ เรื่องที่ว่าพ่อตาและบุตรเขยเป็นขุนนางกรมเดียวกันในสำนักกวงลู่ทำให้เกิดการถกเถียงมากมาย คนแซ่หลินผู้นั้นคงเป็นผู้ช่วยกระมัง ช่างบังเอิญ เรื่องพิธีบวงสรวงเมื่อปีที่แล้ว บุคลากรในสำนักกวงลู่แทบจะถูกเปลี่ยนทั้งหมด แต่ผู้ช่วยหลินกลับนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนขาดคุณธรรมดั่งเสือร้ายที่กินบุตรของตัวเองยังมีโชคดีเช่นนี้ด้วยหรือ นี่มันไม่ยุติธรรมเกินไปแล้วกระมัง”

หูของฉินหลิวซีขยับ โอ้ ช่างบังเอิญจริงๆ

ลู่สวินหรี่ตาลง เหลือบมองอวี๋ซื่อ ไม่ได้กล่าวอะไรอีก

เด็กยาถือยาต้มมา ฉินหลิวซีให้อวี๋ซื่อป้อนแก่เด็กน้อยหลิน ส่วนนางก็หมุนเข็มกระตุ้นชี่ หลังจากดื่มยาต้มแล้ว นางก็ใช้กำลังภายในเล็กน้อย วางมือทั้งสองข้างลงบนหน้าท้องของเขาแล้วเริ่มนวดคลึงตามเข็มนาฬิกา

“จากนี้ไปทุกครั้งที่ดื่มยา ก็ช่วยเขานวดคลึงที่บริเวณหน้าท้องเพื่อเร่งการบีบตัวของลำไส้ การขับถ่ายก็จะราบรื่นขึ้น” ฉินหลิวซีเอ่ยกับอวี๋ซื่อ

อวี๋ซื่อพยักหน้า จ้องมองวิธีนวดของนางอย่างตั้งใจ

หลังจากนั้นไม่นาน ยาของลู่สวินก็มาแล้ว เขาได้ละลายยันต์ยาที่ฉินหลิวซีมอบให้ลงไป จ้องมองเป็นเวลานาน จากนั้นก็ดื่มด้วยท่าทางราวกับว่าตายเป็นตาย

ฉินหลิวซีกล่าวอย่างมีนัยยะว่า “อีกสักพักอย่าหันกลับไปมองเป็นอันขาด”

หมายความว่าอย่างไร

ไม่ช้าลู่สวินก็เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของฉินหลิวซี แต่เพียงเพราะเขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองดูสิ่งสกปรกของตัวเองด้วยความอยากรู้ เมื่อได้เห็นเขาก็รู้สึกไม่ดีในทันที ใบหน้าซีดขาว เดินออกมาจากห้องชำระด้วยสภาพแขนขาอ่อนแรง ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก

ในท้องของเขากลับมีหนอนที่ยาวขนาดนั้น ซ้ำยังมีมากกว่าหนึ่งตัว

เมื่อนึกภาพที่หนอนพวกนั้นชอนไชไปมาในท้อง เขาก็…

บ่าวรับใช้ส่วนตัวของเขาปรนนิบัติเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าพลางถามเขาว่าได้ถ่ายหนอนออกมาจริงๆ หรือไม่ ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือไม่

ลู่สวินส่ายหน้า

“ยาไม่ได้ผลหรือขอรับ” หลิวซวงขมวดคิ้ว

“ไม่ใช่ มันได้ผลเกินไป” ลู่สวินฝืนยกมุมปาก ก็คือช่วงนี้เขาคงดื่มได้เพียงน้ำแกงแล้ว ทุกครั้งที่นึกถึงภาพนั้นก็ไม่มีความอยากอาหารเลยจริงๆ

หลิวซวงเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้ ตกลงมันดีหรือไม่ดีกันแน่

หลังจากดูแลเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว หลิวซวงก็แอบไปดูสักหน่อย จากนั้นก็วิ่งคอแข็งออกมา

ลู่สวินถอนหายใจ ‘เจ้าเด็กนี่โง่หรืออย่างไร’

เมื่อเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ เถ้าแก่ไป๋ก็ยิ้มพลางส่งยาซื่อจวินจื่อทังให้อีกหนึ่งถ้วย เอ่ยว่า “ดื่มก่อนถ่ายกำจัดหนอน ดื่มหลังถ่ายกำจัดพิษที่เหลืออยู่”

ลู่สวิน “…”

ไยจึงมีความรู้สึกเหมือนกับสตรีที่ดื่มยาหลังเสร็จกิจ

เขารับมาดื่มลงไปรวดเดียว

เถ้าแก่ไป๋กล่าวอีกว่า “มีหนอนในท้องมาเป็นเวลานานแล้ว ทำให้เส้นลมปราณของม้าม กระเพาะอาหารและลำไส้เสียหาย ไม่สู้คุณชายนำยาบำรุงม้ามของตำหนักอายุวัฒนะพวกเรากลับไปปรับสภาพม้ามและกระเพาะสักหนึ่งขวดดีหรือไม่ จริงสิ ร้านของพวกเราพึ่งได้รับถั่งเช่าชั้นดีมาจำนวนหนึ่ง ใช้ตุ๋นเนื้อเป็นน้ำแกงบำรุงร่างกายได้ดีเป็นอย่างมาก”

ลู่สวินมองดูเถ้าแก่ไป๋ทุ่มเทในการขายยา ในใจคิดว่าที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเป็นอันดับหนึ่งในต้าเฟิงนั้นย่อมมีเหตุผลของมัน

เพราะพวกเขา ‘รอบคอบ’

ฉินหลิวซีเดินออกมา กำชับเถ้าแก่ไป๋ให้ส่งคนไปเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้อวี๋ซื่อและบุตรชาย จากนั้นก็มองไปยังลู่สวิน ให้เขายื่นมือออกมาแล้วจับชีพจรใหม่อีกครั้ง เอ่ยว่า “กำจัดหนอนออกไปก็ไม่เป็นไรแล้ว เพียงแต่ม้ามกับกระเพาะของท่านเสียหาย ต้องปรับสภาพสักหน่อย ดื่มยาบำรุงม้ามก็ได้ แต่ก็ต้องเสริมสร้างรากฐานให้แข็งแรง นำโสมคนของตำหรับยากู้เปิ่นกลับไปบำรุงร่างกายด้วยสักหน่อยเถิด อายุยังน้อย พื้นฐานวรยุทธก็ไม่เลว จะฟื้นตัวได้ในไม่ช้า”

“ตกลง”

ขณะที่ลู่สวินกำลังจะถามว่าอวี๋ซื่อกับบุตรชายเป็นอย่างไรบ้าง ก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากที่หน้าประตู รอยยิ้มของเถ้าแก่ไป๋จางลงเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างเผยให้เห็นความเย็นชาราวกับสายตาของงู มองไปยังผู้ที่มา

“ที่แท้พี่สวินก็มาอยู่ที่นี่นี่เอง ข้าว่าพี่สวินใจร้ายไปหน่อยกระมัง คนกันเองแท้ๆ รู้ทั้งรู้ว่าข้าต้องการพาตัวคนไป เหตุใดยังมาขัดขวางคนของข้า” ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ใบหน้างดงามสวมเสื้อแพรสีฟ้าเดินเข้ามา เมื่อเห็นลู่สวินก็พูดพล่ามไม่หยุด ดวงตาหงส์คู่นั้นเหลือบไปเห็นฉินหลิวซี สีหน้าเย่อหยิ่ง “เจ้าก็คือเจ้าอาวาสน้อยหมอลัทธิเต๋าอะไรนั่นที่เชิญตัวได้ยากกระมัง เชิญเจ้าไปที่จวนก็ไม่ตอบรับ เจ้าอำนาจใหญ่โตไม่เบาเลย ซ้ำยังเป็นคนออกบวช ความเมตตาสักนิดก็ไม่มี ข้าไม่สน วันนี้เจ้าต้องไปกับข้า”

ลู่สวินสีหน้ามืดครื้ม

[1] ตำหรับยาซื่อจวินจื่อทัง บำรุงชี่กระเพาะม้าม

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท