คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 613 ขึ้นราคาอย่างไร้เหตุผล

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 613 ขึ้นราคาอย่างไร้เหตุผล

ในเมืองหลวงมีผู้มีอำนาจมากมาย และเต็มไปด้วยลูกหลานตระกูลผู้สูงศักดิ์จอมเผด็จการเช่นกัน บุคคลที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาคือองค์ชายสามของฮ่องเต้นามว่าฉีอวิ่นหมิน ปีนี้อายุเพียงสิบเจ็ดปี เมื่อเทียบกับพี่ชายสองคนแรกที่ใจกว้างและเป็นมิตรซึ่งกำลังเตรียมตัวเข้าทำงานในราชสำนัก บุคลิกของเขาก็คือองค์ชายผู้เย่อหยิ่งที่เอาแต่สร้างปัญหาทั้งวัน

ก่อนที่ลู่สวินจะเอ่ยปาก เถ้าแก่ไป๋ก็ได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า กล่าวว่า “ขอแจ้งให้องค์ชายสามทราบว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยเป็นหมอที่ได้รับการว่าจ้างเป็นพิเศษจากร้านยาตำหนักอายุวัฒนะของพวกเรา หากท่านต้องการจะเชิญคนของพวกเราก็ต้องถือป้ายรอเรียกตามลำดับ”

ความหมายก็คือพื้นที่ของข้า ตำหนักอายุวัฒนะเป็นใหญ่ ไม่ใช่พื้นที่ให้เจ้ามาแสดงอำนาจบาตรใหญ่!

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร…” องค์ชายสามเหลือบมองอย่างหยิ่งยโส เหมือนมีบางอย่างติดอยู่ที่คอ สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไป

ทั้งๆ ที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังยิ้ม แต่เขากลับรู้สึกว่าไม่มีรอยยิ้มในดวงตา ไม่รู้ว่ามองรูม่านตาคู่นั้นผิดไปหรือไม่ ราวกับเปลี่ยนเป็นแนวตั้งในชั่วพริบตา สะท้อนแสงเย็นชาอันร้ายกาจ

องค์ชายสามกะพริบตา จ้องมองให้แน่ชัดอีกครั้ง ฝ่ายตรงข้ามยังคงยิ้มอยู่ ดวงตาก็เป็นสีดำขาว แต่หัวใจของเขากลับเต้นเร็ว

“เจ้าหยุดยิ้มได้แล้ว” เขาถอยหลังไปสองก้าวด้วยขาที่แข็งทื่อ ลูบแขนทั้งสองข้าง รอยยิ้มนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกงูรัด เย็นและลื่น

องค์ชายสามสะดุ้ง

ฉินหลิวซีมองไปยังพลังงานที่รั่วไหลออกมาจากเถ้าแก่ไป๋ เสกคาถาไปปกปิดไว้ กล่าวว่า “เหล่าไป๋ เจ้าไปดูแม่ลูกคู่นั้นที่ห้องโถงด้านหลังสักหน่อย เอายาลูกกลอนบำรุงรากฐานให้พวกเขากินแล้วจดไว้ที่บัญชีของคุณชายลู่”

“ได้เลยขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” เถ้าแก่ไป๋เผยให้เห็นรอยยิ้มที่จริงใจ หยิบยาลูกกลอนออกมาจากตู้แล้วไปที่ห้องโถงด้านหลังอย่างสบายใจ

ลู่สวินมองดูเถ้าแก่ไป๋หายไปหลังม่าน มือที่กำหมัดแน่นและร่างกายที่ตึงเครียดของเขาก็ผ่อนคลายลง เมื่อครู่นี้เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายอันใหญ่หลวง เป็นพลังงานอันน่าสะพรึงกลัว

ว่ากันว่าเจ้าของตำหนักอายุวัฒนะเป็นคนในยุทธภพ เช่นนั้นเถ้าแก่ผู้นี้ก็คงใช่…กระมัง

เถ้าแก่ไป๋คนในยุทธภพเดินไปถึงห้องโถงด้านหลัง มีแมลงที่ไม่ดูตาม้าตาเรือบินมาตรงหน้าเขา เขาแลบลิ้นยาวออกมาม้วนแมลงบินตัวนั้นเข้าไป แมลงตัวนั้นถูกย่อยสลายในทันที อดสบถไม่ได้

รนหายที่ตาย

หากไม่ใช่เพราะนายท่านน้อยขวางไว้ เขาก็จะสอนบทเรียนเจ้าเด็กเหลือขอที่ไม่รู้จักเคารพผู้นั้นสักหน่อย เหอะ เป็นเถ้าแก่ร้านโอสถนี้มานานแล้ว นิสัยเริ่มใจดีขึ้นแล้ว ไม่ควร!

ลู่สวินถอนหายใจด้วยความโล่งอก เอ่ยกับองค์ชายสามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับท่าน ไม่เข้าใจหรือว่าการจะขอร้องใครก็ต้องมีท่าทีขอร้อง ท่านนี้คือท่านหมอ!”

หมอช่วยคนได้ก็ฆ่าคนได้เช่นกัน!

โง่หรืออย่างไร

องค์ชายสามขดตัว ลดความเย่อหยิ่งลงแล้วจึงเอ่ยว่า “ก็เชิญยากเชิญเย็นไม่ใช่หรือ”

เชิญมาไม่ได้ก็ไม่รู้จักใช้วิธีอื่นหรือ

ขนาดเขายังสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ปลอมเป็นคนจนไปขอรักษาการกุศลเลย!

“ดูท่าทางท่านแล้ว นอกจากมีอาการไตพร่อง[1]เล็กน้อย ก็ไม่ได้มีปัญหาอื่นอีก” ฉินหลิวซียืนพิงตู้กอดอกพลางมองสำรวจองค์ชายสามอย่างเย็นชา

อะไรนะ ไตพร่อง?

องค์ชายสามเบิกตาโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นสายตาที่มองมาด้วยความตกใจของลู่สวิน ดีดตัวขึ้นมาพลางเอ่ย “เปล่านะ ไม่ใช่เสียหน่อย ข้ายังเด็กอยู่ จะไตพร่องได้อย่างไร เจ้ากล่าวเหลวไหล!”

ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ภาวะไตพร่องไม่ได้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์มากเกินไป การที่ชี่[2]ของไตไม่เพียงพอก็แสดงถึงภาวะไตพร่องอย่างหนึ่ง ภายนอกแข็งแกร่งข้างในอ่อนแอ ท่านไม่เข้าใจหรือ”

องค์ชายสามใบหน้าซีด คงไม่ใช่หรอกกระมัง

นี่หมายความว่าเขาเป็นไก่อ่อนหรือ

“อีกอย่าง อายุอย่างท่านก็คงจะฝันเปียกแล้ว หากเป็นเช่นนี้บ่อยๆ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุการเกิดไตพร่องเช่นกัน” ฉินหลิวซีกล่าวเสริมขึ้นมา

แค่กๆ

ลู่สวินมองไปยังแถวลิ้นชักยาเหล่านั้น ในนั้นล้วนเก็บยาที่มีมูลค่าพันตำลึงไว้กระมัง

ใบหน้าขององค์ชายสามกลับเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีม่วง ชี้ไปที่ฉินหลิวซี อายจนพูดไม่ออก เจ้า เจ้ามันไร้ยางอาย!

“เอายาลิ่วหวง[3]มาให้เขา” ฉินหลิวซีกำชับเด็กยาที่กำลังห่อไข่นกกระทาอยู่ด้านข้าง

เด็กยารับคำ ไปเอาบันไดมาปีนขึ้นไป หยิบขวดหยกออกมาจากลิ้นชักยาแล้วยื่นให้นาง

ฉินหลิวซียื่นให้องค์ชายสาม “หนึ่งพันตำลึง กินแล้วจะดีขึ้น”

ลู่สวินมุมปากกระตุก แพงมากจริงๆ ด้วย

องค์ชายสามรับมาด้วยท่าทางเหม่อลอย จากนั้นก็รู้สึกลวกมือเล็กน้อยจึงขดมือกลับไป หากรับมาจะไม่เป็นการยอมรับว่าตัวเองไตพร่องหรือ

“ไม่เอา? ช่างเถิด ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร พร่องไปพร่องมาเดี๋ยวก็ชินไปเอง อย่างมากเรื่องบนเตียงต่อให้มีใจแต่ก็ไม่มีแรง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยจริงๆ” ฉินหลิวซีเอากลับมา

บุรุษหลายคนที่อยู่ตรงนั้น ‘นี่ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกหรือ เป็นเรื่องใหญ่หลวงเลยต่างหาก’

“ใครบอกว่าไม่เอา ตอนนี้ข้าไม่ได้พกเงินมากมายเพียงนั้น” องค์ชายสามรีบแย่งมา

“ตอนนี้ขึ้นราคาแล้ว สองพันตำลึง”

เด็กยา “…”

แม้ว่าจะเป็นยาชั้นดีทั้งนั้น แต่ทำไมถึงได้รู้สึกผิดที่ขายราคานี้!

องค์ชายสามมือสั่น ขวดยาตกจากมือ ฉินหลิวซีรับมาอย่างเร็ว “ตกแตกแล้วก็สองพันตำลึงเหมือนเดิม”

“เจ้า เจ้าขึ้นราคาอย่างไร้เหตุผล!” องค์ชายสามโมโหมาก “เจ้าคิดจะโกงข้า!”

ฉินหลิวซี “ไม่เอาหรือ ร้านอื่นไม่ได้มียาประสิทธิภาพดีเท่าตำหนักอายุวัฒนะหรอกนะ”

องค์ชายสามกลัวว่าพอบอกไม่เอาก็เพิ่มอีกหนึ่งพันตำลึง แม้ว่าเขาจะไม่ขาดแคลนเงินแต่ก็ไม่สามารถใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองได้มากเพียงนี้

เขารีบยัดขวดยาไว้ในอ้อมแขน แย่งไปไม่ได้แล้วกระมัง

ลู่สวินส่ายหน้า บรรดาองค์ชายทั้งหลายของฮ่องเต้ต่างบอกว่าเจ้าสามเป็นคนไม่มีสมองที่โง่ที่สุด เขาเริ่มเชื่อแล้ว ยังไม่ทันได้จับชีพจร เพียงแค่ถูกกล่าวไปสองประโยคก็ควักเงินสองพันตำลึงเพื่อแลกกับยาหนึ่งขวดแล้ว

แต่เขายินดีจ่าย หรือว่าฉินหลิวซีเอ่ยถูกแล้ว เขาฝันเปียกหลายครั้งเกินไปหรือ

ลู่สวินเหลือบมององค์ชายสาม วัยนี้ก็ควรแต่งตั้งพระชายาแล้ว พี่ชายที่อายุมากกว่าทั้งสองต่างก็มีองค์หญิงน้อยแล้ว

“ให้เงินด้วย”

องค์ชายสามมือแข็งทื่อ ตะโกนใส่บ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านหลัง “ยังไม่ไปถอนตั๋วเงินมาอีก”

บ่าวรับใช้รีบไปทันที

“ยานี้ข้าซื้อแล้ว คราวนี้เจ้าไปกับข้าได้แล้วกระมัง” องค์ชายสามกลัวว่าฉินหลิวซีจะบอกว่าเขาป่วยเป็นอะไรอีก จึงเอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าข้าป่วย แต่จะให้เจ้าไปตรวจน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของข้า”

ลู่สวินขมวดคิ้ว กล่าวว่า “ท่านมาเชิญให้ตระกูลซูหรือ พวกเขาต้องการเชิญท่านเจ้าอาวาสน้อยแต่ไม่มาด้วยตัวเอง กลับให้ท่านออกหน้างั้นหรือ”

เสนาบดีกรมชลประทานตระกูลซูเป็นตระกูลแม่ขององค์ชายสาม เสนาบดีกรมชลประทานคนปัจจุบันคือท่านตาของเขา แต่อย่างไรก็ตาม ราชวงศ์นั้นสูงศักดิ์ ตระกูลซูมีอำนาจบาตรใหญ่ขนาดให้องค์ชายผู้สูงศักดิ์มาชิงตัวหมอกลับไปให้พวกเขาเลยหรือ

องค์ชายสามรู้สึกผิดเล็กน้อย กล่าวว่า “ไมใช่เช่นนั้น ตระกูลซูก็ได้ส่งเทียบเชิญมา แต่ก็เชิญมาไม่ได้ ข้าเข้าวังไปเยี่ยมเสด็จแม่ ได้ยินที่ท่านยายกล่าวกับเสด็จแม่อย่างไม่ได้ตั้งใจ จึงได้รู้ว่าเกิดเรื่องกับน้องหญิง ป่วยด้วยโรคประหลาด หมอหลวงล้วนหาสาเหตุไม่ได้ ว่ากันว่าท่านเจ้าอาวาสน้อยผู้นี้มีความสามารถมาก จึงส่งเทียบเชิญไปที่โรงประมูล ซ้ำยังรอมาแล้วหลายวัน แต่ก็ไม่มา ข้าจึงได้คิดที่จะใช้กำลัง”

แน่นอนว่าเขารู้ว่าควรจะใช้มารยาทก่อนที่จะใช้กำลัง แต่เป็นพวกเขาที่ไม่รับมารยาทไม่ใช่หรือ

แต่คิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ได้ทันได้ใช้กำลังก็ได้ใช้เงินก่อนแล้ว

ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ การเสียเงินนี้ดูเหมือนจะมีบางอย่างแฝงอยู่ เหตุใดเขาจึงได้ควักเงินอย่างง่ายดายเช่นนี้

องค์ชายสามรู้สึกว่าขวดยาในอ้อมแขนลวกตัวของเขาเล็กน้อย ฝ่ายตรงข้ามคงกำลังขู่ตัวเองอยู่กระมัง แต่เมื่อคิดดูแล้วช่วงนี้ก็มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นบ่อยจริงๆ เขาจึงระงับความคิดอีกครั้ง หรือไม่กลับไปเขาค่อยไปหาหมอหลวงให้จับชีพจรแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะกินหรือไม่กิน!

[1] ไตพร่อง สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของภาวะไตพร่องคือ การมีกิจกรรมทางเพศสัมพันธ์ที่มากเกินไป ทำให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

[2] ชี่ หรือลมปราณ หมายถึง ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเราทุกคน เสมือนเป็นพลังงาน ของชีวิตที่ใช้ขับเคลื่อนในชีวิตประจาวัน สารขนาดเล็กในร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา

[3] ยาลิ่วหวง มีฤทธิ์บำรุงหยินและบำรุงไต

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท