ตอนที่ 615 คำสาปโชคร้าย
เมื่อพูดถึงโรคประหลาดของซูจื่อเหอ นายท่านใหญ่ซูที่เป็นบิดาแท้ๆ ก็รู้สึกยากที่จะอธิบาย
เมื่อห้าวันก่อนซูจื่อเหอบอกว่าคันหลัง คิดว่าเตียงหรือเสื้อผ้ามีแมลง ไม่เพียงแต่อาละวาดใส่สาวใช้ในห้องอย่างรุนแรง ซ้ำยังเปลี่ยนผ้าม่านเตียงในห้อง แต่นางก็ยังบอกว่าคัน ให้สาวใช้ช่วยเกา ไม่สามารถหยุดได้เลย เชิญหมอหลวงมาก็ตรวจไม่พบสิ่งใด บอกเพียงว่าอากาศเริ่มร้อนก่อให้เกิดโรคปัจจัยภายนอกที่เกิดจากลม ความร้อนชื้นสลับกัน จึงเขียนใบสั่งยาช่วยลดพิษร้อน
เดิมทีคิดว่าดื่มยาแล้วจะดีขึ้น แต่ซูจื่อเหอเอาแต่บอกว่าคันตามร่างกาย มีอะไรบางอย่างอยู่ที่หลัง เกาไม่หยุด แต่สาวใช้ไหนเลยจะกล้าออกแรง ปรากฏว่าบุตรสาวไม่ขอให้ใครช่วยแล้ว เกาหลังเองจนเป็นลายเต็มไปหมด
ทำเอาทุกคนตกใจรีบมารายงานทันที จากนั้นก็เชิญหมอมาอีกครั้ง แต่ก็ตรวจไม่พบอะไร หลายวันมานี้ทำเอาทั้งครอบครัวเป็นทุกข์ ตัวนางเองก็ยิ่งหลับไม่ได้ทั้งวันทั้งคืน เพียงไม่กี่วันก็อ่อนล้าจนซีดเซียว ทำอะไรไม่ถูก
และด้วยเหตุนี้จึงได้คิดที่จะไปเชิญฉินหลิวซี แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ส่งเทียบเชิญไปแล้วก็ราวกับก้อนหินที่จมหายไปในมหาสมุทร
นายท่านหญิงผู้เฒ่าในจวนเอ็นดูหลานสาวผู้นี้เป็นอย่างมากจึงได้เข้าวังไปขอร้องพระสนมฮุ่ยเฟยให้ส่งหมอหลวงฝีมือดีมาอีกสองคน ถูกองค์ชายสามที่เข้าวังมาพอดีได้ยินเข้า จึงได้เกิดเหตุการณ์ที่เขาไปชิงตัวคนมา
ฉินหลิวซี “โรคนี้เกิดจากการถมสระนี้กระมัง”
นายท่านใหญ่ซูตกตะลึง เขาเองก็ศึกษาลัทธิเต๋า เมื่อนึกถึงตัวตนของฉินหลิวซีก็ใจเต้นรัว ถามเสียงเบาว่า “หรือว่าบุตรสาวข้าไม่ได้ป่วย แต่ถูกสิ่งไม่ดีตามรังควาน”
“ยากที่จะบอกได้ ต้องเห็นคนก่อนจึงจะรู้ แต่ว่าสระบัวนี้มีพลังงานสีทองแห่งความเป็นมงคลอยู่จางๆ ตอนนี้ใกล้จะหายไปแล้ว ท่านให้คนขุดสระนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งแล้วเติมน้ำให้เต็มเถิด” ฉินหลิวซีชี้ไปยังสระบัวที่ถูกดินกลบไปแล้ว
เมื่อนายท่านใหญ่ซูได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกไม่ดีเล็กน้อย เขาไม่ได้โง่ เพียงแต่เกรงว่าเป็นเพราะพลังงานสีทองอันเป็นมงคลนี้หายไป บุตรสาวของเขาจึงได้เป็นเช่นนี้
บังเอิญฮูหยินใหญ่ซูพาคนมาพอดี นายท่านใหญ่ซูจึงรีบเอ่ยถามว่า “เหตุใดซานเหนียงจึงต้องถมสระ”
“นางบอกว่าต้องการปลูกต้นโบตั๋นหนึ่งแถวตรงนี้” ฮูหยินใหญ่ซูคำนับองค์ชายสามกับฉินหลิวซีแล้วถามว่า “มีอะไรหรือ”
“ให้คนขุดดินนี้ขึ้นมาแล้วเติมน้ำให้เต็ม” นายท่านใหญ่ซูเอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “เช่นนั้นเจ้าอาวาสน้อยจะดื่มชาก่อนสักถ้วยหรือไม่”
“ไปดูคนป่วยก่อนเถิด” จากนั้นฉินหลิวซีก็ถามฮูหยินใหญ่ซูอีกครั้งเกี่ยวกับสาเหตุของการถมสระ กระทั่งเวลาที่ซูจื่อเหอเริ่มมีอาการป่วย ซึ่งเริ่มต้นหลังจากที่นางสั่งคนให้ถมสระจริงๆ
ฮูหยินใหญ่ซูก็ไม่ใช่คนโง่ เมื่อฟังออกถึงความหมายที่มีมากกว่านั้นก็เอ่ยว่า “ข้าว่าแล้ว ไหนเลยจะมีโรคประหลาดเช่นนี้ นางเอาแต่บอกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่บนหลังนาง พวกเราล้วนตรวจสอบดูแล้ว ไม่มีอะไรทั้งนั้น หรือว่ามีสิ่งไม่ดีกำลังก่อกวน”
ในช่วงหลายวันมานี้นางเองก็นอนไม่หลับเพราะเด็กคนนี้ แม้แต่การแต่งหน้าก็ไม่สามารถปกปิดความซีดเซียวบนใบหน้าของนางได้ ดวงตาก็เต็มไปด้วยเส้นสีแดง ใต้เปลือกตาสีดำคล้ำ
ฉินหลิวซียังไม่เห็นคนจึงยากที่จะสรุปได้ แต่เป็นได้มากว่าอาจเกิดจากบางสิ่งที่อยู่ใต้สระกำลังก่อกวน
องค์ชายสามฟังจนใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน ดึงเถิงเจามาแล้วเอ่ยว่า “นักพรตน้อย เจ้าดูออกหรือไม่ว่ามันคืออะไร”
“ไม่รู้” เถิงเจาผละออกจากมือเขา จัดรอยยับบนแขนเสื้อให้เรียบร้อย
องค์ชายสามสำลัก จ้องมองเขา หยิ่งจริงๆ
เมื่อได้ยินว่าองค์ชายสามเชิญฉินหลิวซีมาแล้ว ที่เรือนของซูจื่อเหอก็ครึกครื้นเป็นอย่างมาก ล้วนอยากเห็นว่าหมอลัทธิเต๋าที่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นผู้นี้เย่อหยิ่งแค่ไหน จึงเชิญมาไม่ได้
หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของฉินหลิวซีและสง่าราศีที่ไม่ธรรมดา ทุกคนต่างก็เงียบลง
ช่างเถิดนางคู่ควรแล้ว
ฉินหลิวซีมองดูผู้คนมากมายในเรือน กล่าวว่า “ให้คนแยกย้ายกันไปเถิด อัดกันอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ทำให้อาการป่วยของนางดีขึ้น”
หากมีบางสิ่งที่ก่อกวนอยู่จริงๆ อย่าให้เผยแพร่ออกไปจะดีกว่า เพื่อไม่ให้แม่นางผู้นี้มีชื่อเสียงที่ไม่ดี
ฮูหยินใหญ่ซูรีบให้คนพากันแยกย้ายไป กระทั่งไม่ให้มีสาวใช้อยู่ปรนนิบัติมากเกินไป มีเพียงนางกับนายท่านใหญ่ซูที่พาฉินหลิวซีเข้าไปข้างในด้วยกัน ส่วนองค์ชายสาม นางไม่กล้าไล่เขา
องค์ชายสามก็อยากรู้เช่นกัน โรคอะไรที่ทำให้คนคันตามตัวตลอดเวลา เป็นสิ่งไม่ดีหรือเป็นคำสาปแช่ง
เขาจะไม่จากไปจนกว่าจะเข้าใจ
ดังนั้นเขาจึงอ้างว่าเมื่อกลับวังไปจะได้เล่าอาการป่วยของน้องสาวลูกพี่ลูกน้องให้เสด็จแม่ฟัง นางจะได้สบายใจ จึงได้รั้งอยู่ต่อ
ฉินหลิวซีเข้าไปในห้องส่วนตัวของซูจื่อเหอ ทันใดนั้นก็ปิดจมูก กลิ่นคาวน้ำค่อนข้างเหม็น
เถิงเจาได้ท่องคาถาเปิดดวงตาสวรรค์แล้ว ห้องนอนนี้เกือบถูกปกคลุมด้วยพลังงานโชคร้ายหมดแล้ว
องค์ชายสามสังเกตเห็นท่าทางของเขา ถามว่า “เจ้าทำอะไร”
“เปิดดวงตาสวรรค์”
องค์ชายสามดวงตาเป็นประกาย ดวงตาสวรรค์ในตำนานสามารถมองเห็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้ จึงถามด้วยความอยากรู้ว่า “ทำไม เห็นอะไรหรือ”
“อัปมงคล”
องค์ชายสามสีหน้ามืดครึ้ม “ข้าก็แค่ถาม ทำไมต้องด่ากันด้วย!”
เถิงเจากลอกตา เดินหนีไปสองสามก้าว เขาไม่คุยกับคนโง่
“เขาบอกว่าเห็นพลังงานโชคร้าย” ฉินหลิวซีกล่าวอธิบายว่า “ห้องนี้เต็มไปด้วยพลังงานโชคร้าย”
ทุกคนตกตะลึง มีพลังงานด้วยหรือ
ฉินหลิวซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง เผายันต์หนึ่งแผ่น ท่องคาถาเสกไปที่ดวงตาของหลายคนที่อยู่ตรงนี้ ให้พวกเขาเปิดดวงตาสวรรค์ชั่วคราว
หลายคนรู้สึกเพียงว่าแสบตา เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ห้องที่เดิมทีสดใสได้ถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศอันมืดมน ซ้ำยังมีไอน้ำและกลิ่นเหม็นคาวอยู่ในอากาศ
“เหม็นมาก เหตุใดจู่ๆ จึงได้เหม็นขนาดนี้ ราวกับมีปลาตาย” องค์ชายสามเอามือกุมจมูก
นายท่านใหญ่ซูและคนอื่นๆ ต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไป ไม่ต้องบอกก็รู้ นี่เป็นสิ่งชั่วร้ายแน่ๆ
“เจาเจา เสกยันต์กำจัดโชคร้าย”
เมื่อเถิงเจาได้ยินคำสั่งก็เอายันต์ออกมา จากนั้นก็ท่องคาถาแล้วส่งออกไป ยันต์เผาไหม้ด้วยตัวเอง พลังงานความโชคร้ายค่อยๆ หายไป
ดวงตาหงส์อันงดงามขององค์ชายสามเป็นประกายราวกับดวงดาว นี่มันคาถาอะไร สุดยอดมาก เขาอยากเรียน!
ฉินหลิวซีเดินไปที่ข้างเตียง เห็นคุณหนูซูผู้นั้นนอนอยู่บนเตียง มือและเท้าทั้งสองข้างของนางถูกมัด ดวงตาปิดสนิท ใบหน้าเล็กแหลมซูบผอม สีหน้าซีดเหลือง
ฮูหยินใหญ่ซูปาดน้ำตาพลางเอ่ย “เมื่อนางตื่นขึ้นมาก็จะเกาหลังอย่างบ้าคลั่ง พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกรอกยานอนหลับแล้วมัดมือมัดเท้า บุตรสาวผู้น่าสงสารของข้า ท่านอาจารย์ ท่านต้องช่วยนางด้วยนะเจ้าคะ”
เมื่อองค์ชายสามเห็นสภาพที่น่าสังเวชของน้องสาวลูกพี่ลูกน้องก็เม้มริมฝีปาก ขอบตาแดงเล็กน้อย หากเขาไม่ได้พาฉินหลิวซีมา เกรงว่านางคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้วกระมัง
“พวกเจ้าดูเถิด” ฉินหลิวซีชี้ไปยังตำแหน่งที่นางนอนอยู่
นายท่านใหญ่ซูเห็นคราบน้ำ กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “เหตุใดจึงมีน้ำได้ ไหนจะกลิ่นนี้…”
นอกจากนี้ยังมีกลิ่นคาวอย่างรุนแรงลอยมาจากเตียง
“พลิกตัวนาง ข้าจะดูหลังของนาง” ฉินหลิวซีอยากจะดูหลังของนาง จากนั้นก็คิดอะไรบางอย่างได้ กล่าวกับนายท่านใหญ่ซู องค์ชายสาม และคนอื่นๆ ว่า “พวกท่านหลบไปก่อนดีหรือไม่”
“ทำไม” องค์ชายสามเอ่ยถาม
เถิงเจาได้ถอยกลับไปที่หน้าประตูแล้ว “นางเป็นสตรี เจ้าคิดจะทำลายชื่อเสียงของนางหรือ”
“อาจารย์ของเจ้าก็เป็นบุรุษไม่ใช่หรือ”
เถิงเจานวดขมับของเขาที่กำลังเต้นตุบๆ ไม่หยุด “นางเป็นนักพรตหญิง”
องค์ชายสาม “?”
นายท่านใหญ่ซูตกตะลึงเล็กน้อย ดึงองค์ชายสามแล้วถอยออกไปด้วยเช่นกัน มองไปยังฉินหลิวซี คิดไม่ถึงเลยจริงๆ
ส่วนฉินหลิวซีก็เปิดเสื้อซับในของซูจื่อเหอออก เผยให้เห็นแผ่นหลัง มือสั่นเล็กน้อย
ฮูหยินใหญ่ซูก็เห็นแล้วเช่นกัน กรีดร้องออกมาเสียงดัง ตาเหลือกแล้วค่อยๆ ล้มลงเป็นลมหมดสติไป นายท่านใหญ่ซูรีบเข้ามากอดไว้ เหลือบมองไปโดยไม่รู้ตัว รูม่านตาสั่นระริก
นั่นคืออะไร